เมื่อหมี่หลันเยว่ปรากฏตัวต่อหน้าหลัวมั่นชางอีกครั้ง ผู้จัดการโรงงานอย่างเขาก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ตอนแรกนึกว่าเด็กสาวคนนี้แค่ทำเล่นๆ เสียอีก ที่ไหนได้ ใน่เวลาเพียงไม่กี่เดือน ป้ายเสื้อผ้าเล็กๆ ที่เธอสั่งทำ กลับมีจำนวนมากกว่าเสื้อผ้าที่ผลิตจากโรงงานของเขาเสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาก็รู้จักชื่อเสียงของร้านห้องเสื้อหลันเยว่ของหมี่หลันเยว่เป็อย่างดี เสื้อผ้ายี่ห้อนี้ดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองซวงเฉิงแล้ว เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จักเลยก็ว่าได้ แล้วนี่มันนานแค่ไหนกัน คิดถึงตอนที่เด็กสาวมาสั่งทำป้ายเล็กๆ ที่โรงงานของเขา เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วนี่เอง นับถึงตอนนี้ ก็แค่ครึ่งปีเท่านั้นเอง
ความเร็วในการพัฒนานี้ น่าทึ่งจริงๆ ธุรกิจของรัฐอาจจะสร้างชื่อเสียงได้อย่างรวดเร็ว เพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐ แต่ร้านของเอกชน ต้องพึ่งพาทักษะส่วนตัวล้วนๆ การที่สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเด็กสาวที่ไม่ธรรมดา
"ยังไง ไม่พอใช้อีกแล้วเหรอ คราวนี้จะสั่งทำเท่าไหร่ดีล่ะ?"
หลัวมั่นชาง ไม่เคยคิดเลยว่าโรงงานของเขา เพียงแค่รับงานทำป้าบยี่ห้อเล็กๆ กลับสร้างผลกำไรมหาศาลให้กับโรงงานของเขา
แม้ว่าเขาจะให้ส่วนลดแก่หมี่หลันเยว่อย่างเต็มที่ แต่ของชิ้นเล็กๆ เ่าั้ กลับมีกำไรที่น่าพอใจ เพราะหมี่หลันเยว่สั่งทำในปริมาณที่มาก ตอนนี้หลัวมั่นชางแค่ได้รับคำสั่งซื้อจากหมี่หลันเยว่ ก็จะจัดสรรเครื่องจักรเป็พิเศษเพื่อผลิตให้เธอทันที กลัวว่าจะทำให้งานของเด็กสาวล่าช้า และกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย
เพราะตอนนี้ แค่ชื่อเสียงของห้องเสื้อหลันเยว่ เด็กสาวจะไปที่โรงงานแปรรูปเสื้อผ้าแห่งไหน ก็จะมีคนยินดีรับงานนี้ งานก็ง่าย กำไรก็ไม่น้อย แถมงานของห้องเสื้อหลันเยว่ ก็มีหลักประกัน นี่คือผลประโยชน์ระยะยาว ที่สามารถนำมาปรับปรุงสวัสดิการของพนักงาน และยังมีเหลืออีกมาก
"ทำสักแสนชิ้นเลยค่ะลุงหลัว จะให้ทำทีละนิดทีละหน่อยมันก็เหมือนกัน ไปๆ มาๆ มันยุ่งยากเกินไป สู้ทำสำรองไว้เยอะๆ ทีเดียว จะได้พอใช้ไปอีกหลายเดือนเลยค่ะ"
หมี่หลันเยว่ก็ไม่อยากเดินทางมาที่นี่บ่อยๆ มาเดือนละครั้ง มันไม่คุ้มค่า แถมตอนนี้หมี่หลันเยว่ก็ยุ่งมากจริงๆ ไม่มีเวลามากพอที่จะเสียไป
"โอ้โห จะเอาจำนวนมากขนาดนี้เลยเหรอ คงต้องใช้เวลาหน่อยนะ"
ถึงแม้ว่าจะเป็แค่ฉลากเล็กๆ แต่จำนวนแสนชิ้นก็ไม่ใช่เื่เล็กๆ หลัวมั่นชาง ถึงแม้จะทำงานล่วงเวลา ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรถึงจะทำเสร็จ
"หนูไม่ได้ให้ลุงหลัวเร่งทำนี่คะ ลุงทำเหมือนเดิมก่อน ทำออกมาสักหมื่นชิ้น เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะให้คนมารับของ ส่วนที่เหลืออีกเก้าหมื่นชิ้น คุณลุงให้คนงานค่อยๆ ทำไป ไม่ต้องรีบ ทำเสร็จแล้วหนูจะให้คนมารับทีเดียว จะได้ไม่ต้องมาทีละหมื่น ทีละหมื่น มันเปลืองแรง"
หลัวมั่นชางไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็เื่ยุ่งยาก มาเดือนละครั้งสองครั้ง ทำให้เขารู้สึกว่ามีรายได้พิเศษอยู่เสมอ ในใจมันก็เลยฮึกเหิม ครั้นจะให้ทำออกมาทีเดียว ถึงแม้ว่ารายได้จะกระจุกตัว แต่ก็จะว่างไปอีกหลายเดือน จะไม่ชินเอาเหรอ หลัวมั่นชางก็ยังอยากเห็นเด็กสาวบ่อยๆ อยู่ดี
"ได้ งั้นลุงจะทำให้ก่อนนะ ทำเสร็จแล้วจะเก็บไว้ในโกดัง จะใช้เมื่อไหร่ก็ค่อยส่งคนมารับ รับรองว่ามีของแน่ๆ"
ถึงแม้ในใจจะเสียดายที่ไม่ค่อยได้เจอเด็กสาวบ่อยๆ แต่หลัวมั่นชางก็รับปากหมี่หลันเยว่ เขารับรองว่าจะทำงานให้สำเร็จ
หลังจากขอบคุณผู้จัดการอย่างหลัวมั่นชางแล้ว หมี่หลันเยว่ก็กลับมาที่ห้างสรรพสินค้าเฉียนคุนอีกครั้ง วันนี้เป็วันอาทิตย์ เธอต้องมาคอยดูแลที่ห้างสรรพสินค้า ่นี้มีลูกค้าสำคัญมาหลายราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีลูกค้าหลายรายที่ปลอมตัวเป็ลูกค้าทั่วไปมาเดินเที่ยว โชคดีที่พนักงานขายของเธอมีความเป็มืออาชีพที่ดีเยี่ยม ไม่ปล่อยลูกค้าหลุดมือไป
ตอนนี้เป็่เวลาที่ธุรกิจกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า หมี่หลันเยว่ไม่้าที่จะทิ้งโอกาสใดๆ ที่จะช่วยให้เธอเดินหน้าต่อไปได้ ตอนนี้แม่จะไปเฝ้าอยู่ที่โรงงานในวันหยุด ทำให้หมี่หลันเยว่สบายใจกับเื่โรงงานไปได้มาก
ส่วนเื่การรับสินค้า การนำสินค้าเข้า การนำสินค้าออก การตรวจนับสินค้า หมี่หลันเยว่แทบจะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย ตอนนี้เธอเน้นไปที่การขายเป็หลัก ส่วนสินค้าสำเร็จรูปและสินค้ากึ่งสำเร็จรูป หลินเผิงเฟยดูแลอย่างเข้มงวด แถมยังมีผู้ดูแลคลังสินค้ามาช่วยอีกสองคน ตอนนี้เขาสบายมาก ส่วนเฉียนหย่งจิ้น เวลาส่วนใหญ่ของเขาก็อยู่ที่ห้างสรรพสินค้า
ถึงแม้ว่าหมี่หลันเยว่จะทุ่มเทให้กับการค้าส่งอย่างเต็มที่ แต่ธุรกิจขายตรงไปยังต่างเมือง เธอก็ยังคงมอบหมายให้ เฉียนหย่งจิ้นดูแลเป็หลัก แม้กระทั่งหร่วนิอี้และเมิ่งเสี่ยวเฟยก็ยังอยู่ภายใต้การดูแลของเฉียนหย่งจิ้น การค้าส่งและการส่งเสริมการขาย ไม่ใช่เื่ยากสำหรับเฉียนหย่งจิ้น หมี่หลันเยว่ก็เลยสบายขึ้นมาก หน้าที่หลักของเธอคือการกำกับดูแล เื่หลายเื่ไม่ต้องลงมือทำเองแล้ว
ตอนนี้หมี่หลันหยางดูแลธุรกิจค้าปลีกเป็หลัก และยังควบตำแหน่งในการสั่งสินค้ามายังห้างสรรพสินค้า ทุกวันเขาต้องมาที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อดูว่าห้างสรรพสินค้าขาดตัวอย่างอะไร ขาดสินค้าแบบไหน แบบไหนขายดี ต้องเตรียมสินค้าไว้เยอะๆ สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในสมองของเขา ธุรกิจก็คล่องขึ้นมาก
ทุกวันที่โรงเรียน หมี่หลันหยางจะสละเวลาบางส่วนมาคุยกับหลินเผิงเฟยเกี่ยวกับสินค้าที่ขาดแคลนในห้างสรรพสินค้าเฉียนคุน และดูว่าสินค้าอะไรขายดี สามารถเตรียมสำรองไว้ล่วงหน้าได้ จากนั้นหลินเผิงเฟยจะหารถมารับสินค้าที่ขาดแคลนในห้างสรรพสินค้าให้เต็ม เพราะว่าจ้างรถแต่ละครั้งมันไม่ง่าย ต้องขนสินค้าไปเยอะๆ ถึงจะไม่ขาดทุน
โชคดีที่คลังสินค้าขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า ถ้ามีสินค้าที่ขาดแคลนและจำเป็เร่งด่วน หมี่หลันหยางขี่จักรยานไปก็สามารถเอากลับมาได้ก่อน ตราบใดที่บอกหลินเผิงเฟยและเซ็นเอกสารเบิกสินค้ากับอันเสี่ยวหวู่แล้ว ก็เป็อันเสร็จเรียบร้อย แบบนี้ก็จะไม่ทำให้ธุรกิจในห้างสรรพสินค้าต้องหยุดชะงัก
เื่หลายเื่ ไม่ได้ผ่านการวางแผนเป็พิเศษจาก หมี่หลันเยว่และทุกคนต่างก็พยายามนำงานที่ตนสามารถทำได้ ทีละเล็กทีละน้อยมารับผิดชอบและพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำงานให้สมบูรณ์แบบ กลับกลายเป็ว่า หมี่หลันเยว่ค่อยๆ ปลดภาระออกจากบ่า ตอนนี้เธอเพิ่งจะเริ่มมีแววของตำแหน่งประธานบริษัท
แน่นอนว่า แค่นิดหน่อยเท่านั้น เธอยังห่างไกลจากรัศมีของประธานบริษัทมาก แต่ในด้านการแบ่งงานในธุรกิจ ก็เริ่มมีรูปแบบขึ้นมาบ้างแล้ว หมี่หลันเยว่รู้สึกว่า เธอจะต้องหลุดพ้นจากการควบคุมรายละเอียดเ่าั้ ทำให้สามารถสั่งการภาพรวมได้ เธอถึงจะมีโอกาสก้าวไปข้างหน้าได้ โชคดีที่ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง
"พี่คะ วันนี้มีลูกค้ามาหรือเปล่า?"
เมื่อเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเฉียนคุน ก็เห็นพี่ชายเดินมาพอดี หมี่หลันเยว่ก็เดินเข้าไปทักทาย
"อ้อ มีคนมาจากฉางหลิงคนหนึ่ง หย่งจิ้นกำลังต้อนรับอยู่ เธออยากจะเข้าไปดูไหม?"
เมื่อได้ยินว่ามีมาจริงๆ หมี่หลันเยว่ก็พยักหน้า
"ได้ค่ะ พี่ไปทำธุระของพี่เถอะ เดี๋ยวฉันเข้าไปดูหน่อย"
ถึงแม้ว่าตอนนี้ หมี่หลันเยว่จะไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า แต่เธอก็จะพบปะกับลูกค้าเ่าั้ ไม่ใช่แค่เื่มารยาท แต่เธออยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ากลุ่มแรกๆ เหล่านี้ เพื่อวางรากฐานที่ดีขึ้น
"พี่หย่งจิ้น พี่ชายบอกว่าวันนี้มีลูกค้าใหม่มา เป็คนจากฉางหลิงเหรอคะ?"
เมื่อหาเฉียนหย่งจิ้นเจอ หมี่หลันเยว่ก็เข้าไปทักทาย
"อ้อ หลันเยว่ มาแล้วเหรอ คุณหวังครับ นี่คือผู้จัดการของเรา หมี่หลันเยว่ครับ"
"คุณหมี่ สวัสดีครับ!"
ลูกค้าจากฉางหลิงคนนี้ อายุยังน้อย ประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกปี หน้าตาหมดจด ดูสุภาพเรียบร้อย
"สวัสดีค่ะคุณหวัง มาดูสินค้าของเราเป็ครั้งแรก ให้ผู้จัดการเฉียนแนะนำนะคะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยค่ะ"
เมื่อมาถึงถิ่นของตัวเอง หมี่หลันเยว่ก็พูดด้วยท่าทางที่ดูมีอำนาจ
"ครับๆๆ รบกวนคุณหมี่แล้วครับ"
เมื่อยื่นมือไปจับมือเล็กๆ ที่ขาวผ่องและอ่อนนุ่มที่ยื่นมาตรงหน้า ผู้จัดการหวังก็รู้สึกเหลือเชื่อ เด็กสาวอายุสิบกว่าปีคนนี้ สร้างกิจการขนาดใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร
"ไม่ต้องเกรงใจค่ะ มาถึงที่นี่แล้ว ฉันเป็เ้าบ้าน จะพูดว่ารบกวนได้ยังไง ฉันต้องขอบคุณผู้คุณหวังที่มาเยี่ยมเยียนมากกว่า คุณดูสินค้าไปก่อน ให้ผู้จัดการเฉียนพาเดินดูให้ทั่ว ่เที่ยงเราค่อยมาทานข้าวด้วยกัน"
เมื่อเห็นเด็กสาวพูดจาสุภาพและมั่นใจแบบนี้ ผู้จัดการหวังก็ยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับห้องเสื้อหลันเยว่มากยิ่งขึ้น
ตอนที่ได้รับการต้อนรับจากผู้จัดการเฉียนคนนี้ เขาก็รู้สึกว่าคนคนนี้ยังหนุ่มเกินไป เกรงว่าจะไม่ค่อยรอบคอบนัก หลังจากที่ได้พูดคุยกัน ความประทับใจก็เปลี่ยนไปมาก แต่ตอนนี้กลับได้พบกับผู้จัดการทั่วไปที่มีอายุน้อยจนน่าเหลือเชื่อ เขาก็ไม่กล้าประมาท
"ครับคุณหมี่ แล้วเจอกันตอนเที่ยงครับ"
เขาไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเขาอยากจะทำความเข้าใจกับผู้จัดการตัวน้อยคนนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ดูว่าเธอมีกลเม็ดอะไร ถึงทำให้เสื้อผ้าของเธอพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
ตอนนี้ทางตอนเหนือของเฮยหลงเจียง ชื่อเสียงของห้องเสื้อหลันเยว่ดังกระฉ่อนไปทั่วแล้ว ผู้จัดการหวัง คนนี้ก็มาเพราะชื่อเสียงนี้เอง เพราะเขาไม่เคยเห็นหร่วนิอี้และเมิ่งเสี่ยวเฟยที่ออกไปทำการตลาดมาก่อน เขาจึงรู้สึกสนใจเป็พิเศษกับกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้า
่เที่ยง ไม่ได้เรียกคนมามาก หมี่หลันเยว่พาเฉียนหย่งจิ้นและหมี่หลันหยางไปทานอาหารกับผู้จัดการหวังที่มาจากฉางหลิง แม้จะมาเพียงสามคน แต่หมี่หลันเยว่ก็สามารถรับมือกับงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบนี้ได้อย่างง่ายดาย ในชาติที่แล้ว เธอต้องดื่มเหล้าแข่งกับคนอื่น ถึงจะได้รับสัญญา ในชาตินี้ อาศัยความได้เปรียบด้านอายุและยุคสมัย การดื่มเหล้าแข่งกันก็ประหยัดไปได้เยอะ
เพราะอายุยังน้อย ไม่มีใครกล้าให้เธอดื่มเหล้า แถมในยุค 80 ก็ไม่ได้เน้นเื่การดื่มเหล้าแข่งขันกันมากนัก ดังนั้นเธอจึงมีความสุขมาก หมี่หลันเยว่ไม่ใช่คนที่มีคอแข็งอะไรนัก เคยต้องทรมานหลายวันเพื่อแลกกับสัญญา ตอนนี้เพียงแค่ความจริงใจ ความน่าเชื่อถือ และคุณภาพ ก็สามารถได้รับสัญญามาได้ หมี่หลันเยว่ภูมิใจมาก
"ไม่นึกเลยว่าคุณหมี่จะมีวิธีมากมายขนาดนี้ หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีกในครั้งหน้านะครับ"
งานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งนี้ ก็ได้รับสัญญามาโดยไม่มีอะไรผิดพลาด ผู้จัดการหวังก็ชื่นชมเด็กหนุ่มสาวทั้งสามคนจากใจจริง
พวกเขาไม่เพียงแต่มีสมองที่ฉลาด การนำความรู้เฉพาะทางมาประยุกต์ใช้ ก็สามารถทำได้อย่างคล่องแคล่ว แสดงให้เห็นว่าปกติแล้วทุ่มเทไปมากขนาดไหน ถ้าอย่างนี้ยังไม่สำเร็จ ก็คงไม่มีใครสำเร็จแล้ว ผู้จัดการหวังก็เหมือนกับลูกค้าคนอื่นๆ ที่เคยผ่านมา มองเห็นความแตกต่างของตัวเองจากเด็กหนุ่มสาวทั้งสามคน
หลังจากส่งผู้จัดการหวังแล้ว วันเวลาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเอง หลังจากเลิกเรียน ก็มีการส่งมอบงานกัน การนำสินค้าเข้า นำสินค้าออก ไม่มีการสะเพร่า แต่ละคนมีบัญชีรวมของตัวเอง เกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีใหญ่ ทั้งหมดจะแก้ไขกันใน่พักกลางวัน แบบนี้ตอนเย็นก็จะสามารถแก้ไขปัญหาอื่นๆ กับคนของตัวเองได้ การแบ่งงานชัดเจนมาก
ธุรกิจเข้าที่เข้าทางจริงๆ ทุกวันจะไม่เห็นภาพทุกคนกำลังวุ่นวายอีกต่อไป ทุกอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น ลูกค้ามีจำนวนมากขึ้น แต่กลับไม่มีความวุ่นวายเหมือนเมื่อก่อน ทุกคนมีเวลามานั่งอยู่ด้วยกัน เตรียมตัวก่อนที่จะข้ามชั้นเรียน
