ม่อหลิงหานเดินเร็วมาก ต่อให้เยว่เฟิงเกอจะไม่ค่อยอยากไปเท่าไร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องปล่อยให้เขาลากตนไปเช่นนั้น
เมื่อคนทั้งสองเดินออกมาจากถนนที่คนพลุกพล่านสายนั้นแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้มีโอกาสสลัดมือม่อหลิงหานให้หลุดออก
“ท่านอ๋อง ทรงทำอะไรเพคะ? ” เยว่เฟิงเกอเบะปาก เริ่มโมโหน้อยๆ
คนที่บอกว่าจะมาเดินเล่นที่ถนนสายนั้นก็คือเขา ส่วนคนที่ลากนางออกมาจากที่นั่นก็คือเขาอีกเช่นกัน
เหตุใดเขาถึงได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมารวดเร็วเพียงนี้นะ?
ม่อหลิงหานสีหน้าเ็า เหมือนว่าเขาเองก็กำลังโมโหอยู่เช่นกัน
“ชายารักเคยบอกว่าไม่รู้จักเถ้าแก่โรงพนัน แล้วเหตุใดเมื่อครู่มองเพียงครู่ก็จำเขาได้ในทันที เ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนที่เดินเข้าไปในร้านขายยาคือซูมู่เจ๋อ? ” คำพูดของม่อหลิงหานคลุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำส้มสายชู
เยว่เฟิงเกออดตากระตุกไม่ได้ นางคาดเดาว่าเ้าหนุ่มนี่คงจะเริ่มหึงไร้สาระอีกแล้ว
เยว่เฟิงเกอส่ายหน้าถอนใจอย่างปลงๆ นางเพิ่งค้นพบว่าจั้นอ๋องผู้นี้ใจแคบราวกับหัวเข็ม
ขอแค่มีชื่อของชายอื่นออกมาจากปากของนาง หรือแม้แต่ชายตามองชายอื่นเพียงครั้ง เ้าหนุ่มนี่ก็จะเริ่มโมโห
และพอโกรธขึ้นมา สีหน้าคนยังเปลี่ยนเร็วเสียยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสืออีก
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอยังคงไม่กล่าววาจา ก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม
“เหตุใดไม่พูดอันใดเลยเล่า? ” ม่อหลิงหานถามเสียงแข็ง
เยว่เฟิงเกอกลอกตา ยังจะให้นางพูดอะไรอีก พูดว่านางไม่ได้โง่ ไม่ได้ความจำเสื่อม เพิ่งผ่านมาวันเดียวจะให้ลืมเลือนใบหน้าของซูมู่เจ๋อไปได้จนหมดสิ้นเลยหรือ?
เมื่อครู่นางแค่พูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะแท้จริงแล้วนางไม่ได้สนใจจริงๆ หรอกว่าเถ้าแก่เ้าของโรงพนันจะเข้าไปทำอะไรในร้านขายยา แล้วเขาจะโกรธเพียงนี้ทำอันใด?
เยว่เฟิงเกอยิ่งคิดยิ่งโกรธ จึงไม่สนใจม่อหลิงหานอีก นางหมุนกายแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังจวนจั้นอ๋อง
เดิมทีวันนี้นางตั้งใจจะออกมาเดินเล่นอย่างมีความสุข แต่แล้วบรรยากาศดีๆ กลับถูกทำลายลงด้วยความใจแคบของม่อหลิงหาน
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอโกรธแล้ว ซ้ำยังสะบัดหน้าใส่เขา เขาก็รู้สึกเหมือนศักดิ์ศรีความเป็บุรุษของเขาถูกคนละเลย
เขาเดินก้าวยาวๆ ขึ้นไปคว้าข้อมือของเยว่เฟิงเกอไว้ จากนั้นฉุดดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน
“เ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของเปิ่นหวาง” ความหวาดระแวงของม่อหลิงหานเริ่มทำงานอีกครั้ง
เยว่เฟิงเกอผลักอีกฝ่ายออกไป แต่ทำอะไรไม่ได้มากเพราะถูกกอดรัดแน่นเกินไป
เยว่เฟิงเกอเองก็โกรธแล้ว วาจาที่เอ่ยออกมาจึงไม่น่าฟังนัก “ท่านอ๋องอยากให้หม่อมฉันตอบอะไรหรือเพคะ จะให้หม่อมฉันยอมรับว่าสนใจในตัวซูมู่เจ๋ออย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นหม่อมฉันจะพูดให้ก็ได้ หม่อมฉันไม่เพียงสนใจในตัวซูมู่เจ๋อ ยังแอบปรารถนาในตัวเขามานานแล้วด้วย ท่านอ๋องพอใจหรือยังเพคะ? ”
เยว่เฟิงเกอนับว่าเป็คนนิสัยเสียคนหนึ่ง แต่นางก็พยายามควบคุมมันไว้ตลอดด้วยคิดว่าตนมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง อย่าไปหาเื่ใครมั่วซั่วจะดีกว่า
กระนั้นนางก็ไม่ใช่คนขี้ขลาด หากใครกล้ามาหาเื่ แน่นอนว่านางไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ
ม่อหลิงหานได้ยินคำของเยว่เฟิงเกอก็หรี่ตาลง สายตาเ็าเข้มข้น
ตอนที่เขากำลังคิดจะพูดอะไรต่อนั้น ซูมู่เจ๋อตัวต้นเื่ก็กำลังเดินมาทางพวกเขาพอดี
ม่อหลิงหานสีหน้าเ็า กล่าวเสียงเบาข้างหูเยว่เฟิงเกอ “ชายที่เ้าปรารถนามานานมานู่นแล้ว”
“ใคร? ” เยว่เฟิงเกองุนงงสับสน
เมื่อครู่นางเพียงพูดออกไปด้วยความโมโห ตัวนางจะไปมีชายที่ปรารถนามาอย่างยาวนานได้ที่ใดกัน
พอม่อหลิงหานพูดเช่นนี้ เยว่เฟิงเกอจึงไม่เข้าใจ
ม่อหลิงหานปล่อยเยว่เฟิงเกอ นางถึงได้หันไปมอง และได้เห็นว่าซูมู่เจ๋อเดินอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลนัก
เมื่อซูมู่เจ๋อเห็นม่อหลิงหาน ก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็กลับมาแผ่บรรยากาศน่าหวาดกลัวได้เช่นเดิม
บรรยากาศชั่วร้ายรอบกายเขารุนแรงมากราวกับเป็นักฆ่าที่เพิ่งไปสังหารใครมาก็ไม่ปาน
สายตาของซูมู่เจ๋อลากผ่านม่อหลิงหานไปยังเยว่เฟิงเกอ
แม้เขาจะยังไม่เคยเห็นเยว่เฟิงเกอตัวจริง แต่เพียงเห็นเงาร่างนางกลับรู้สึกคุ้นตาอย่างน่าประหลาด
“จั้นอ๋อง ดึกดื่นเพียงนี้แล้วทรงพาสตรีที่ใดมาเดินเล่นแถวนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ? ” ซูมู่เจ๋อถามเสียงขรึมอย่างหยอกล้อ
ม่อหลิงหานโอบเยว่เฟิงเกอ “นางคือชายารักของเปิ่นหวาง”
ซูมู่เจ๋อหัวเราะเบาๆ ไปทีหนึ่ง “แหม ที่แท้ก็คือชายาจั้นอ๋องนี่เอง กระหม่อมนึกว่าเป็คนที่ทรงจับได้ระหว่างทาง”
ถึงแม้ซูมู่เจ๋อจะยิ้มอยู่ แต่สายตากลับเ็า
สายตาของเขาจดจ่ออยู่ที่ใบหน้าของเยว่เฟิงเกอ แม้แต่ยามสนทนาก็ยังไม่ละสายตาไปจากใบหน้านาง
การกระทำนี้ทำให้ม่อหลิงหานร้อนใจดังไฟสุม เขาเกลียดสายตาที่ซูมู่เจ๋อมองเยว่เฟิงเกอเป็ที่สุด
ไม่สิ ไม่เพียงซูมู่เจ๋อ ไม่ว่าชายใดหากมองเยว่เฟิงเกอเช่นนี้ก็ล้วนทำให้เขาหงุดหงิดได้ทั้งสิ้น
ส่วนเยว่เฟิงเกอนั้น ต่อให้จะถูกซูมู่เจ๋อจดจ้องไม่วางตาก็ไม่มีท่าทีจะหลบเลี่ยงสายตาอีกฝ่าย
ยิ่งกว่านั้น นางยังเชิดหน้าขึ้นมองซูมู่เจ๋อกลับด้วยสายตาเช่นเดียวกัน
ซูมู่เจ๋อผู้นี้นับว่าเกิดรู้สึกสนใจในตัวเยว่เฟิงเกอขึ้นมาฉับพลัน เพราะท่าทีของนางในตอนนี้นี่เอง
ในใจเขา ชายาจั้นอ๋องผู้นี้ไม่เพียงงดงามล่มเมือง แม้แต่นิสัยก็ยังน่าสนใจมากอีกด้วย
ม่อหลิงหานจับข้อมือเยว่เฟิงเกอไว้ กล่าวขึ้นอย่างเ็าว่า “นี่เป็เื่ส่วนตัวของเปิ่นหวาง เ้าไม่ต้องยุ่ง”
ซูมู่เจ๋อไม่ได้โกรธเพียงเพราะคำพูดนี้ ใบหน้าเขายังคงมีรอยยิ้มประดับไว้ และสายตาก็ยังเ็าเช่นเดิม
“ในฐานะราษฎรเป่ยชวน กระหม่อมเพียงเป็ห่วงจั้นอ๋องก็เท่านั้น แค่นี้คงไม่เกินไปกระมัง ในเมื่อจั้นอ๋องไม่อยากตรัสอะไรเช่นนั้น กระหม่อมก็จะไม่ถามแล้ว เพียงแต่กระหม่อมขอเตือนพระองค์ไว้อย่าง โปรดระวังสุขภาพตนให้ดี ระวังว่าวันใดวันหนึ่งอาจได้ตายคาอกสตรีโดยที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายได้อย่างไร” ซูมู่เจ๋อพูดประโยคนี้แล้วยักคิ้วใส่เยว่เฟิงเกอ
ตอนที่ม่อหลิงหานจะลงมือกับเขานั้น เขาก็หัวเราะฮ่าฮ่าออกมาแล้วเดินผ่านเยว่เฟิงเกอไปโดยไม่หันศีรษะกลับมา
เยว่เฟิงเกอรับรู้ได้ว่าเป็เพราะคำพูดของซูมู่เจ๋อที่ทำให้ม่อหลิงหานโกรธเข้าให้แล้ว บรรยากาศหนาวเหน็บรอบกายเขาแผ่กำจายออกมาเสียจนตัวนางสั่นเทา
ม่อหลิงหานกำหมัดแน่น มองเงาหลังซูมู่เจ๋อที่จากไปพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เขาอยากจะสังหารซูมู่เจ๋อเสียที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจริงๆ
เยว่เฟิงเกอเองก็มองเงาหลังซูมู่เจ๋ออยู่เช่นกัน นางมองออกว่าระหว่างซูมู่เจ๋อและม่อหลิงหานมีความแค้นอะไรบางอย่างต่อกัน มิเช่นนั้นเพียงพบหน้าคงไม่สาดเข็มใส่กันเช่นนี้หรอก
เมื่อเงาหลังของซูมู่เจ๋อหายไปจากคลองสายตาของคนทั้งสอง ม่อหลิงหานถึงได้พูดเสียงเ็า “กลับจวน”
เยว่เฟิงเกอก้มหน้าลง นางไม่มีอารมณ์เดินเที่ยวเล่นนานแล้ว จึงปล่อยให้ม่อหลิงหานจับจูงมือนางมุ่งหน้าไปยังจวนอ๋อง
ระหว่างทางกลับจวน คนทั้งสองไม่พูดไม่จากันแม้แต่คำเดียว ทำให้บรรยากาศหนาวเหน็บรอบกายยิ่งเย็นเยือกราวกับจะเปลี่ยนน้ำให้เป็น้ำแข็งได้
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง ม่อหลิงหานก็กลับเรือนหานโยว ส่วนเยว่เฟิงเกอก็กลับเรือนเยว่เหยา
คนทั้งสองไม่แม้แต่จะสนทนากันก็แยกไปทางใครทางมัน
เยว่เฟิงเกอกลับมาถึงเรือนเยว่เหยาก็เห็นมีคนรอนางอยู่ก่อนแล้ว นั่นคือชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์ เมื่อสองสาวใช้เห็นว่าพระชายาของพวกนางกลับมามีสีหน้าไม่น่ามอง ท่าทางเหมือนจะกำลังโกรธอยู่ ก็ได้แต่สบตากันไปทีหนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายจะเป็ชิงจื่อที่เอ่ยปากขึ้น “พระชายา ทรงไม่เป็อันใดนะเพคะ? เหตุใดออกไปเดินเล่นเพียงครู่ กลับมาถึงได้อารมณ์ไม่ดีเพียงนี้เพคะ? ”
เยว่เฟิงเกอปากคว่ำ น้อยเนื้อต่ำใจยิ่ง “ก็เพราะม่อหลิงหานน่ะสิ ข้าไม่เคยพบเคยเห็นชายเช่นนี้มาก่อน เอะอะก็กินน้ำส้มๆ ราวกับว่าข้าไปอะไรกับชายอื่นอย่างไรอย่างนั้น”
เมื่อได้ฟังคำของเยว่เฟิงเกอ ชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์ก็สบตากันไปทีหนึ่ง
ชิงจื่อปลอบว่า “พระชายา อย่าทรงพิโรธอีกเลยเพคะ ที่ท่านอ๋องเป็เช่นนี้ไม่ใช่เพราะใส่ใจพระองค์มากหรอกหรือเพคะ ทรงดูสิ ท่านอ๋องไม่ทรงเป็เช่นนี้กับชายารองฉินนะเพคะ”
“นั่นสิๆ ท่านอ๋องทรงใส่ใจพระชายานะเพคะ” ฉิงเอ๋อร์เองก็คิดเห็นตรงกันจึงกล่าวสนับสนุน
เยว่เฟิงเกอคิดในใจว่าพอเถอะ เขาก็แค่อ๋องขี้ระแวงคนหนึ่งเท่านั้น
เอะอะเป็หึง เอะอะเป็โกรธ บุรุษเช่นนี้ใครจะไปรักลง
ถึงแม้ในใจเยว่เฟิงเกอจะคิดเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
“เอาละ นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเ้าไปพักผ่อนเถอะ”
เยว่เฟิงเกอไม่อยากพูดอะไรอีก หลังจากบอกให้ชิงจื่อและฉิงเอ๋อร์ออกไปแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดเถาเป่า
ทันใดนั้นตำราวรยุทธ์ลึกลับเล่มนั้นก็เด้งขึ้นมาในหน้าหลักของเถาเป่า ต่อให้เยว่เฟิงเกอจะไม่อยากเห็นก็ทำไม่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้