ปู่หลินกล่าว “เ้า เ้า เ้า” ได้ไม่กี่คำ ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่คาดคิด จากนั้นก็เป็ลมไป
หลินฟู่อินมองปู่หลินที่หมดสติไป และได้ยินเสียงคร่ำครวญของอู๋ซื่อที่โถมเข้าหาร่างของปู่หลินบนพื้น นางค่อนข้างสับสนเล็กน้อย
“เ้าสอง เ้าคนอกตัญญู เ้าตำหนิท่านพ่อจนตาย ไอ้คนอกตัญญ!” อู๋ซื่อร้องไห้และคร่ำครวญขณะจ้องกลับมายังหลินต้าเหอและก่นด่า
คราวแรกหลินฟู่อินไม่ได้สังเกตว่าสิ่งที่หลินต้าเหอพูดมีอะไรผิดไป เมื่อนางได้ยินอู๋ซื่อกล่าวว่า ‘ตำหนิท่านพ่อจนถึงแก่ความตาย’ นางก็ปิดปากและหัวเราะ
ปรากฏว่าชายชราเป็ลมเพราะหลินต้าเหอ
เหตุผลก็คือหลินต้าเหอกล่าวว่าเจิ้งไจ่จ้าวนั้นมีอายุแก่กว่าชายชราสองสามปีและเหลือเวลาอีกไม่กี่ปี
เมื่อคำพูดเข้าหูของปู่หลินและอู๋ซื่อ หมายถึงว่าปู่หลินเองก็จะมีชีวิตไม่ยืนยาวนัก…
ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุก
กรรมตามสนองปู่หลินจริงๆ ไม่ใช่เพราะหลินฟู่อินทำให้เขาสลบไป แต่เขาเป็ลมไปเพราะหลินต้าเหอ
“เ้ายังมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าได้อีกหรือ ฟู่อิน? นั่นปู่ของเ้านะ? เ้ายังไม่รีบเข้าไปดูอีก?” จ้าวซื่อเห็นหลินฟู่อินปิดปากหัวเราะเยาะ นางก็จับผิดทันที
“โอ… ตาข้างไหนกันที่เห็นว่าข้ากำลังหัวเราะเยาะ? ข้าแค่กำลังใ เข้าใจหรือไม่?” หลินฟู่อินเอามือที่ปิดปากออก พูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
สีหน้าขมวดคิ้วจริงจังของนางดูน่ากลัวขึ้นมา
จ้าวซื่อเห็นว่านางไม่ยอมรับ และนางไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นจึงจ้องเขม็งมาและกล่าวว่า “หยุดไร้สาระ แล้วรีบเข้าไปช่วยท่านปู่ของเ้าเสียที”
หลินฟู่อินแบมือ “ข้าไม่ใช่หมอที่ดีนัก ข้าไม่กล้าหรอกเ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นท่านป้าลองไปเชิญท่านหมอหลี่มาที่นี่สิเ้าคะ จากนี้ไปข้าไม่กล้าดูแลคนในครอบครัวรวมถึงท่านปู่ท่านย่าด้วยเ้าค่ะ”
จ้าวซื่อเอียงคอและถามอย่างไม่พอใจ “เพราะเหตุใด?”
“ข้าเกรงว่าพวกท่านจะบังคับอะไรข้าอีก” หลินฟู่อินตอกกลับทันที จ้าวซื่อโมโหจนแทบกระอีกเื
นางก่นด่าในใจ เหตุใดนางเด็กผู้หญิงน่าตายนี่ถึงได้ฉลาดนัก? นางพยายามจะหาประโยชน์จากการเป็ลมไปของชายชราเพื่อมาปิดปากให้หลินฟู่อินจ่ายเงินให้สองสามตำลึงเงิน
“ฟู่อิน ชีวิตของคนกำลังตกอยู่ในอันตราย นี่เ้าไม่กลัวว่าจะทำให้ท่านปู่โกรธจริงๆ หรือ” หลินต้าหลางนั่งลงข้างปู่หลิน หันมามองนางด้วยแววตาชั่วร้าย
หลินฟู่อินขบขันในใจ เหลือบมองไปยังหลินต้าเหอและกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “คนที่ทำให้ท่านปู่โกรธจนเป็ลมไปก็ไม่ใช่ข้าเช่นเดียวกันเ้าค่ะ”
หลินต้าเหอเกรงกลัวแทบตายเมื่อได้ยินคำพูดเ่าั้ ถ้ามีคนเล่าออกไปว่าปู่หลินเป็ลมเพราะคำพูดของเขา เขาจะทำอย่างไรดี เขาจะทำอย่างไรดี?
เขาส่งสายตาลำบากใจไปยังเฟิงซื่อภรรยาของตน แต่เฟิงซื่อกำลังมองดูบุตรสาวคนโตหลินเฟินด้วยใบหน้ารู้สึกผิด ไม่แม้แต่จะชายตามามองเขาด้วยซ้ำ
หลินฟู่อินหัวเราะในใจและมองหลินต้าเหอ ถามว่า “ท่านลุงรอง ท่านคิดจะทำอย่างไรเ้าคะ?”
“ฟู่อิน เ้าช่วยข้าด้วยนะ ช่วยท่านพ่อด้วย ได้โปรดฟื้นเถอะ…” หลินต้าเหอมองไปยังหลินฟู่อินและสวดอ้อนวอน
ดวงตาของหลินฟู่อินกวาดมองทั่วใบหน้าของปู่หลิน ดวงตาอันเฉียบคมของนางเห็นว่าขนตาของปู่หลินขยับ แต่เปลือกตายังปิดสนิท
หลินฟู่อินเกิดความคิดขึ้น ในขณะที่ทุกคนให้ความสนใจกับการ ‘เป็ลม’ ของชายชรา นางเดินเข้าไปหาหลินต้าเหอและกล่าวเบาๆ “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถช่วยเหลือท่านปู่ได้ แต่ข้าสามารถสอนวิธีให้กับท่านลุงสองได้เ้าค่ะ ตราบเท่าที่ท่านใช้วิธีนั้น ท่านปู่ก็จะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ และไม่เป็ลมล้มลงไปอีกเ้าค่ะ”
หลินต้าเหอมีสีหน้าดีขึ้น เขาพยักหน้า “ดี ดี ฟู่อิน เร็วเข้า สอนวิธีนั้นให้ข้า…”
“แต่ท่านลุงสองกับท่านป้าสองจะต้องสัญญากับข้ามาเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้ว…” หลินฟู่อินยิ้มเ็า “ข้าจะปล่อยให้ท่านลุงสองเป็บุตรอกตัญญูที่ทำให้บิดาถึงแก่ความตาย!”
“ไม่นะ ข้าสัญญาทุกอย่าง” หลินต้าเหอตระหนก และกลัวที่จะสบตาหลินฟู่อิน เขาทำได้เพียงก้มศีรษะและขอร้อง “ได้โปรดช่วยสอนวิธีที่จะปลุกท่านพ่อข้าที!”
หลินฟู่อินมองไปยังศีรษะที่โค้งคำนับของหลินต้าเหอ ั์ตานางเป็ประกาย กระซิบว่า “ดี เช่นนั้นท่านลุงสองและท่านป้าสองจะต้องสัญญากับข้าว่าในอนาคตจะต้องไม่ก่อกวนการแต่งงานของพี่อาเฟินและพี่อาฟางสองพี่น้อง ให้ทั้งคู่ตัดสินใจด้วยตัวเอง!”
“อา? ั้แ่สมัยโบราณมาแล้วการแต่งงานของหนุ่มสาวจะถูกจัดการโดยแม่สื่อ…”
“หยุด!” หลินฟู่อินบังคับให้เขาจ้องตาอย่างเ็า “ข้าขอถามท่านเพียงเื่เดียว ท่าน้าเป็บุตรอกตัญญูที่ทำให้บิดาสิ้นลม หรือท่านจะสัญญาว่าจะปล่อยให้สองพี่น้อง พี่อาเฟินและพี่อาฟางได้เลือกการแต่งงานด้วยตัวพวกนางเอง?”
หลินต้าเหอสะดุ้งอีกครั้งและพยักหน้าเร่งรีบ “ได้ ได้ ได้ ข้าสัญญา!”
“ท่านจะต้องสัญญากับท่านป้าสองด้วย ก่อนที่ข้าจะสอนท่าน!”
หลินต้าเหอพูดด้วยสีหน้าขมวดยุ่ง “ตกลง ข้าจะสัญญากับท่านป้าสองเ้าแล้ว!”
หลินฟู่อินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และพูดเบาๆ ว่า “วิธีนี้ข้าได้รับการสอนจากหมอหลี่โดยตรง ท่านใช้มือทั้งสองข้างดึงหูของท่านปู่ จากนั้นท่านปู่ก็จะฟื้นขึ้นมา”
“หา? เ้า้าให้ข้าดึงหูของท่านพ่อเช่นนั้นหรือ ?” หลินต้าเหอสะดุ้งและตัวสั่นทันที เขาส่ายหัว “ข้าไม่กล้า…”
หลินฟู่อินกะพริบตา หลินต้าเหอไม่มีความกล้าใช่หรือไม่?
คงเป็เื่ยากเกินที่จะทำ
ใช่แล้ว หลินต้าเหอเชื่อเื่ภูตผีและเทพเ้ามากกว่า…
“ไม่ต้องกังวล วิธีนี้ได้ผลดีที่สุด ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง ความจริงแล้วท่านปู่แก่ชรา เขาอาจจะยังไม่ได้หมดสติไป เขาถูกเรียกโดยราชันภูติผีแห่งนรก นั่นเป็เหตุผลที่ว่าเหตุใดเขาจึงหมดสติไป จริงๆ แล้วท่านปู่ไม่สามารถได้ยินเสียงเรียกของทุกคน ถ้าหากท่านดึงหูเขาตอนนี้ ท่านจะสามารถทำลายม่านของภูติผีที่กำบังไว้ได้ จากนั้นท่านปู่ก็จะกลับมาได้ยินอีกครั้ง และเมื่อท่านย่าะโเรียก เขาจะฟื้นกลับมาแน่นอน” หลินฟู่อินจงใจสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับผีสางขึ้นมาเพื่อหลอกหลินต้าเหอ
จากนั้นนางก็ขู่หลินต้าเหอว่า “ท่านลุงสอง ข้าไม่ได้พูดนะ ท่านปู่แค่หมดสติไป ข้ากลัวว่าท่านปู่อาจจะโกรธมาก”
หลินต้าเหอเชื่อในเื่นั้นจริง สีหน้าดำมืด “ดีละ เช่นนั้นข้าจะไปดึงหูท่านพ่อ!”
หลินฟู่อินกั้นหัวเราะและพยักหน้าจริงจัง “ถูกต้องแล้ว รีบเข้าเถอะ อย่าปล่อยให้ภูติผีเอาตัวท่านปู่ของเราไปจริงๆ…”
หลินต้าเหอพยักหน้าและรีบเข้าไปหาปู่หลินทันที
เขาเบียดตัวผ่านคนสองสามคนที่ล้อมรอบปู่หลิน คุกเข่าลงทันทีและจับไหล่ปู่หลิน จากนั้นเอื้อมมือของเขาไปยังใบหูของปู่หลินและบิดอย่างแรง…
“โอ๊ย…” เสียงร้องเ็ปจากใจดังจากปากปู่หลิน เขาเห็นปู่หลินลุกขึ้นนั่งทันทีและเอามือปิดหูทั้งสองข้างไว้ ปากของเขาก่นด่าและสาปแช่งไปด้วย “ไอ้โง่คนไหนที่กล้ามาดึงหูของข้า? ข้าจะตีขามันให้ขาหัก!”
หลินต้าเหอกลับดีใจมากและะโเข้าหาชายชรา “ท่านพ่อ ท่านฟื้นแล้ว! โชคดีที่ท่านฟื้นแล้ว…”
บรรดาผู้คนรอบข้างยังไม่มีท่าทีกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หลินฟู่อินยิ้ม แต่พยายามทำตัวสงบลง นางมองหลินต้าเหอด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินต้าเหอกล่าวทันทีว่า “โอ้ ลูกของข้าและแม่ของนางตัดสินใจแล้วว่าในภายภาคหน้าการแต่งงานของอาเฟินและอาฟางจะเป็การตัดสินใจด้วยตัวพวกนางเอง เพราะความเข้าใจผิดของพวกเราเกือบทำให้ลูกๆ…”
“เด็กๆ เมื่อครู่พ่อเ้าพูดว่าอย่างไรนะ?” เฟิงซื่อแทบไม่เชื่อหูของนางเอง นางรู้จักชายคนนี้ดีที่สุด เหตุใดเขาจึงกล่าวคำพูดเช่นนี้ต่อหน้าคนเหล่านี้ได้กัน
ปู่หลินไม่สนใจความเ็ปของตนเอง จ้องหลินต้าเหอด้วยความงุนงง
หลินฟู่อินเห็นดังนั้น จึงกระแอมและพูดว่า “ท่านลุงสอง ท่านป้าสอง ท่านได้พูดต่อหน้าพวกเราทุกคนแล้ว การแต่งงานของพี่อาเฟินท่านไม่สามารถยุ่งเกี่ยวด้วยได้ อา คำพูดต้องเป็ความจริง ไม่เช่นนั้น์จะต้องลงโทษ”
หลินต้าเหอพยักหน้าทันที “เราเป็คู่ที่ซื่อสัตย์มาก เราไม่สนใจการแต่งงานของอาเฟินและอาฟางหรอก พวกเขาจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง!”
เมื่อหลินเฟินและหลินฟางได้รับการยืนยันว่าได้ยินถูกต้องแล้ว พวกนางก็รู้สึกร่าเริงและจับมือกันก่อนเขย่าไปมา พวกนางไม่ต้องกลัวว่าจะถูกขายอีกต่อไปแล้ว!
แต่สีหน้าของทุกคนในบ้านใหญ่สกุลหลินล้วนแต่น่าชมมาก พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลินต้าเหอถึงได้เปลี่ยนใจรวดเร็วขนาดนี้
ไม่ใช่ว่าเขาเห็นด้วยว่าจะขายหลินเฟินให้กับเศรษฐีเจิ้งผู้ร่ำรวยคนนั้นหรอกหรือ แล้วเหตุใดตอนนี้เขากลับเลิกสนใจการแต่งงานของบุตรสาวทั้งสองคนแล้ว?
เกิดเื่ไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
“เ้าสอง!” ในที่สุดปู่หลินก็ไม่สามารถหักห้ามตัวเองได้และะโออกมา “นี่เ้าถูกผีเข้าสิงหรือ? เ้ากล้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เมื่อหลินต้าเหอเห็นปู่หลินะโใส่เขา เขาตัวสั่นด้วยความกลัวแต่ยังกล่าวว่า “ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าข้าถูกผีเข้าสิงหรอก นั่นเป็เพราะท่านถูกผีบังและไม่สามารถได้ยินที่พวกเราะโใส่ท่าน ดังนั้นข้าจึงได้ดึงหูของท่านเพื่อปลดปล่อยจากผีอย่างไรล่ะ…”
ปู่หลินได้ยินว่าเขาเพิ่งเป็คนดึงหูของตนก็โมโหจนควันออกหู เขาลุกขึ้นยืนทันทีแล้วคว้ากาน้ำชาสีขาวบนโต๊ะปาใส่หัวหลินต้าเหอ
“ไอ้คนเหลือขอ แกกล้ามาดึงหูของข้าคนนี้ แกกล้า…” ปู่หลินเปล่งเสียงแหบแห้ง
“ไม่ ท่านพ่อ ข้าพยายามจะช่วยท่านจาก…” หลินต้าเหอพยายามหนีไปซ่อนด้วยความกลัว ปู่หลินดวงตาแดงก่ำตามหลังหลินต้าเหอ พ่อลูกคู่หนึ่งอายุรวมกันแล้วเกือบร้อยปีวิ่งไล่กันอยู่รอบโต๊ะและเก้าอี้ เป็ภาพที่ตลกยิ่งนัก
หลินฟู่อินเห็นว่าคนสกุลหลินเดิมกำลังมองดู จึงดึงหลินเฟินและหลินฟางถอยออกไปอย่างเงียบๆ “ไปกันเถอะ”
หลินเฟินและหลินฟางไม่ได้เรียกเฟิงซื่อ ตามหลินฟู่อินออกไป
เมื่อพวกเขาออกมาจากบ้านใหญ่สกุลหลินแล้ว หลินเฟินและหลินฟางก็กอดหลินฟู่อินก่อนจะร้องไห้อย่างขมขื่น
หลังจากหลินฟู่อินปล่อยให้พวกนางได้ร้องไห้อย่างพอใจ จึงกล่าวว่า “สิ่งที่ข้าพูดคราวนี้เป็ความจริง ข้ากำลังจะไปเมืองชิงเหลียน พาเสี่ยวเป่าและเสี่ยวเป้ยไปกับข้า พวกท่านทั้งคู่คิดเช่นไร?”
หลินเฟินและหลินฟางแตะน้ำตา พวกนางมองหน้ากันและกัน จากนั้นก็ผงกศีรษะ
พวกนางมองไปยังหลินฟู่อินและพูด “ไม่มีประโยชน์ที่พวกข้าจะอยู่ที่บ้าน เราจะตามเ้าไปที่เมืองชิงเหลียน!”
หลินฟู่อินพยักหน้า นางรู้ว่าหลินเฟินและหลินฟางไม่เต็มใจที่จะอยู่กับหลินต้าเหอและเฟิงซื่อหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หากไม่มีทางเลือกอื่นก็ไม่เป็ไร แต่ตอนนี้นางได้มอบทางเลือกที่สองให้กับพวกนางแล้ว พวกนางจะติดตามนางและจากไป
และนางเองก็ได้หลอกล่อให้หลินต้าเหอและภรรยาของเขาเลิกควบคุมการแต่งงานของเด็กสาวทั้งคู่
“ฟู่อิน เมื่อครู่ที่ท่านพ่อของข้าเข้าไปดึงหูท่านปู่ และกล่าวว่าไม่สนใจการแต่งงานของข้ากับอาฟางแล้ว นั่นเป็ความคิดของเ้าใช่หรือไม่?” หลินเฟินรู้สึกเ็ปใจเมื่อนางนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้น
สำหรับบิดาผู้สับสนของนางจะถูกลงโทษโดยท่านปู่หรือไม่ ใครจะไปสนเื่ความเป็ความตายของเขากัน นางไม่สนใจ!
วันนี้นางตายไปแล้วหนึ่งครั้ง และถ้าไม่ใช่เพราะหลินฟู่อินยื่นมือเข้ามาช่วย นางก็คงไม่รอดชีวิตมาได้
บิดาของนางยังเป็หนึ่งในฆาตกร แม้ว่ามารดาของนางจะรักนางแต่ก็ไม่มีความสามารถในการช่วยเหลือพวกนาง บางทีท่านพ่ออาจจะมีความสำคัญมากกว่าบุตรสาวทั้งสองเสียด้วยซ้ำ
ถึงแม้ท่านแม่จะเก่งกว่าท่านพ่อ แต่สุดท้ายนางก็ไม่กล้าขัดขืนท่านพ่อเพื่อลูกสาวทั้งสองคน…
ดังนั้นหลินเฟินจึงตัดสินใจ นับั้แ่นี้ไปนางสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ของนางได้ แต่จะไม่เชื่อฟังพวกเขาอีกต่อไป
นางจะฟังแต่หลินฟู่อินเท่านั้น และจะอยู่กับหลินฟู่อินตลอดชีวิตที่เหลือของนางเพื่อช่วยงาน!
เช่นเดียวกับหลินฟาง นางเห็นพี่สาวของตนกำลังจะถูกขายและต้องตายไป
เมื่อนางเห็นพี่สาวของตนถามหลินฟู่อิน นางก็จ้องไปที่หลินฟู่อินแบบไม่กะพริบตา
หลินฟู่อินยิ้มและผงกหัว
สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นกล่าวว่า “ท่านลุงสอง เขา… เขากำลังจะได้รับบทเรียนเช่นกัน”
หลินเฟินและหลินฟางเงียบลง
หลินฟู่อินมองขึ้นไปยังท้องฟ้า จากนั้นได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่น นางจึงกล่าวกับสองพี่น้อง “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ท่านป้าและพี่สะใภ้ที่มาช่วยบ้านเดิมอยู่ที่นี่ พวกเขาเห็นเราแล้ว เราไปช่วยในครัวกันเถอะ”
หลินเฟินและหลินฟางไม่เต็มใจที่จะอยู่บ้านหลังเดิมอีกต่อไป แต่พวกนางไม่คัดค้านคำพูดของหลินฟู่อิน ดังนั้นพวกนางจึงอยู่ต่อ
ทั้งสามคนเข้าไปทักทายท่านป้าและพี่สะใภ้ จากนั้นก็ช่วยงานภายในครัว
เมื่ออาหารพร้อมแล้ว ปู่หลินได้จัดการทำความสะอาดและพาหลินต้าหลางรวมถึงคนอื่นๆ ออกไปรับแขก
หลินฟู่อินมองด้านหลังของหลินต้าเหอโดยเฉพาะ หลินต้าเหอมีเศษผมที่เปียกบนศีรษะ หลินฟู่อินมองเข้าไปใกล้ๆ และได้รู้ว่าศีรษะของเขามีาแ
จะต้องโดนปู่หลินตีเป็แน่
หลินฟู่อินเยาะเย้ยในใจ หลินต้าเหอคนนี้สมควรได้รับบทเรียน แต่จิตใจของปู่หลินก็ช่างโหดร้ายนัก
จังหวะนั้นเอง หลี่เจิ้งและผู้าุโทั้งสามตระกูลก็มาถึง
ชายชรากำลังยุ่งกับการพาไปหลินตาหลางไปต้อนรับพวกเขา และผู้คนอื่นๆ ตามมารยาท
ปู่หลินและหลินต้าหลางนั่งลงที่โต๊ะร่วมกับหลี่เจิ้ง ผู้าุโสามตระกูล และผู้สูงอายุที่น่าเคารพอีกหลายคน
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว ปู่หลินได้พาหลินต้าหลางไหว้วานแก่ชาวบ้าน จากนั้นจึงกระแอมและกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับการชื่นชมของทุกท่าน วันนี้ข้าต้องขอรบกวนทุกท่านให้ช่วยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลานของข้าด้วย”
เมื่ออยู่ๆ เขาพูดเช่นนี้ หลี่เจิ้งและผู้าุโอีกหลายคนต่างก็ขมวดคิ้ว
“ท่านพี่หลิน ตอนนี้ท่านเป็ท่านปู่ของซิ่วไฉแล้ว ท่าน้าให้เราแสดงความคิดเห็นเื่ใดกัน? ท่าน้าให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นเช่นนั้นหรือ?” หนึ่งในผู้าุโดื่มอวยพรให้กับปู่หลิน ก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ปู่หลินขมวดคิ้วและกล่าวว่า “นี่เป็เื่เกี่ยวกับฟู่อิน ครอบครัวสามของสกุลเรา”
ทันทีที่พวกเขาได้ยินปู่หลินเอ่ยถึงหลินฟู่อิน ใบหน้าของหลี่เจิ้งและผู้าุโในตระกูลต่างก็เปลี่ยนเป็ระมัดระวังขึ้น
“ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่หลิน ฟู่อินเป็เด็กดีนะ พวกเราต่างอิจฉาท่านกันทั้งนั้นที่มีหลานชายแสนฉลาด และมีหลานสาวที่เก่งกาจไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ!” หลี่เจิ้งกระแอมในลำคอก่อนหัวเราะ
บรรดาผู้าุโในตระกูลต่างส่งเสียงรับ
แต่ปู่หลินกลับเหยียดหยัน “นั่นเป็เพราะทุกท่านต่างไม่ทราบ หลานสาวของข้ามีความคิดอันยิ่งใหญ่! นี่ไม่ใช่ครั้งแรก นางบังคับให้ครอบครัวรองไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของบุตรสาวทั้งสองคน จากนั้นมาตอนนี้นางกำลังบอกท่านปู่ของตนว่านาง้าไปที่เมืองชิงเหลียน พวกท่านมีความเห็นว่าอย่างไร? นางจะไปทำอะไรที่เมืองชิงเหลียนกัน? ถึงนางไปแล้วนางจะสามารถทำอะไรได้? และนางจะทิ้งพวกเราไว้ตามลำพังที่ข้างหลังอย่างนั้นหรือ?”
“นี่ ท่านพี่หลิน เื่ที่ฟู่อินจะไปค้าขายในชิงเหลียนนี้ข้ากับผู้าุโหมู่บ้านหลายคนก็ทราบเื่แล้ว คุณชายสกุลหลิวเองก็พูดเื่นี้กับพวกเราอยู่ แต่พวกเราเห็นพ้องว่าเป็เื่ดีนะ!” หลี่เจิ้งพูดด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาคาดหวังให้ธุรกิจของหลินฟู่อินเติบโตไปอย่างรวดเร็วเพื่อประโยชน์ของชาวบ้านหูลู่ และเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเองด้วย พวกเขาจะสามารถได้รับเงินเพิ่มขึ้นทุกปีจากหลินฟู่อิน
เงินที่ได้มาอย่างถูกต้อง ใครจะไม่รักกันล่ะ?
“ใช่แล้ว พวกเราทราบดี เด็กคนนี้มีพร์ทางธุรกิจ และจะได้รับการสนับสนุนเป็อย่างดี ท่านสามารถวางใจได้” ผู้าุโในตระกูลช่วยสนับสนุน
ผู้คนในหมู่บ้านหูลู่ต่างก็ส่งเสียงสนับสนุน
ครอบครัวหรือญาติๆ ของพวกเขาที่อาศัยอยู่รอบตัวหลินฟู่อินต่างก็ได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อย พวกเขาทราบดีว่าสามารถทำเงินได้เท่าไร และหวังว่าหลินฟู่อินจะสามารถทำธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นไปและสามารถพาครอบครัวออกไปทำงานหาเงินเพิ่มได้
ไม่ใช่ทุกครัวเรือนที่จะมีที่นาในหมู่บ้านหูลู่ บางคนเช่าพื้นที่เ้าของที่ดินเพื่อทำการเพาะปลูก นอกจากจะต้องจ่ายค่าเช่าให้เ้าของที่ดินแล้ว ยังต้องจ่ายภาษีให้กับทางการอีกด้วย เมื่อหมดปีพวกเขาเหลือเงินกันไม่กี่อีแปะ การทำงานให้กับหลินฟู่อินดีกว่ามากนัก
ปู่หลินเห็นว่าไม่มีใครช่วยกล่าวหาว่าหลินฟู่อินเป็คนอกตัญญู ใบหน้าของชายชราก็ย่ำแย่ทันที
หลินต้าหลางยิ้มและรินชาให้กับฝูงชน จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างรอบคอบ “ความจริงแล้วครอบครัวของเราเองก็ชื่นชมน้องฟู่อิน แต่เมื่อนางจากไป ถึงแม้ว่าครอบครัวของข้า ท่านลุงรอง ท่านป้ารองจะอยู่กับท่านปู่ท่านย่าเพื่อดูแล พวกเขายัง้าการดูแลจากท่านอาสามด้วย ข้าไม่เคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับท่านอาสามเลย ท่านปู่ท่านย่าจึงคาดหวังในตัวน้องฟู่อินมาก”
หลี่เจิ้งและผู้าุโต่างตกตะลึงกับคำพูดของเขา และดูเหมือนสิ่งที่พูดจะสมเหตุสมผล
ธุรกิจจะยิ่งใหญ่เท่าความกตัญญูหรือ?
หลินฟู่อินควรจะอยู่ที่หมู่บ้านหูลู่เพื่อดูแลเหล่าผู้าุโ…
หลินฟู่อินเดินเข้ามาพร้อมกับชามน้ำแกงไก่ใบใหญ่บนถาด หลังจากได้ยินคำพูดของเขา หลินฟู่อินก็ยิ้มและกล่าวว่า “ท่านพี่ต้าหลาง ท่านพูดไม่ถูกเ้าค่ะ การกตัญญูต่อท่านย่าเป็เื่ของลูกหลานแน่นอน แน่นอนว่าลูกหลานเช่นเราควรมีความกตัญญู แต่ถ้าพูดถึงการอยู่กับท่านปู่ท่านย่าแล้วก็ควรจะเป็ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าใหญ่ ท่านลุงรอง ท่านป้ารอง และพี่ต้าหลาง พี่เอ้อร์หลาง และพี่ซานหลาง แล้วหลังจากนั้นค่อยเป็น้องๆ ของข้า”
เมื่อหลินฟู่อินกล่าวสิ่งนี้ หลี่เจิ้งเป็คนแรกที่พยักหน้าเห็นด้วย
“พู่อิน เ้ากล่าวถูกต้องแล้ว แม้ว่าการกตัญญูต่อปู่ยาตายายของเ้าจะเป็เื่ของท่านพ่อ ท่านลุง ยังเป็เื่ของลูกหลานด้วย ฟู่อินเป็เด็กสาว ไม่ช้าก็เร็วเ้าจะต้องแต่งงานออกไป ก่อนแต่งงานกับใครสักคน เ้าจะต้องแสดงความกตัญญูโดยการมอบเงินเล็กน้อยในแต่ละปีให้ท่านปู่ย่าตายายของตัวเองแน่นอน”
“ใช่แล้ว ต้าหลาง เราไม่เคยได้ยินเื่ของหลานคนไหนที่อยู่เพื่อรับใช้ปู่ย่าตายายของพวกเขานะ” ผู้าุโในตระกูลเห็นด้วย
ทุกคนต่างพยักหน้า
เป็ความจริงที่หมู่บ้านหูลู่ไม่มีเื่เช่นนั้น
ปู่หลินและหลินต้าหลางเห็นว่าหัวข้อนี้ถูกหลินฟู่อินปัดตกไปอีกครั้งโดยหลี่เจิ้งและผู้าุโในตระกูลอีกหลายคน สีหน้าของพวกเขาจึงดูไม่ดีนัก
หลินฟู่อินยิ้มและกล่าวว่า “ฟู่อินจำสิ่งที่ท่านลุงหลี่เจิ้งและผู้าุโท่านอื่นๆ กล่าวได้ หลังจากฟู่อินไปถึงเมืองชิงเหลียนแล้ว ข้าจะมอบเงินหกสิบตำลึงเงินให้กับท่านลุงหลี่เจิ้ง ท่านลุงหลี่เจิ้งจะมอบเงินนี้ให้กับท่านปู่ท่านย่าแทนตัวข้าในทุกวันที่สิบห้าของเดือน สำหรับเงินรายเดือนนั้นข้าจะแยกให้อีกต่างหาก ข้าจะให้คนนำเงินกลับมาจากเมืองชิงเหลียนเพื่อมอบให้ท่านปู่ของข้าทุกเดือน”
ทันทีที่หลินฟู่อินกล่าวออกไป หลี่เจิ้งและบรรดาผู้าุโต่างส่งเสียงยกย่องและสนับสนุน “ฟู่อิน นี่ดียิ่งนัก” จากนั้นหลี่เจิ้งก็มองไปยังปู่หลินและถามด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพี่หลิน ฟู่อินไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านมีอะไรที่ไม่พอใจอีกหรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้