ใช้เวลาเพียงไม่นานนักหนิงอ้ายมาก็ถึงเรือนพักของตนเสียที เด็กหนุ่มตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากที่อาบน้ำจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเเล้วตนจะนั่งดูดซับปราณฟ้าดินพร้อมกับใช้ทรัพยากรบ่มเพาะที่ได้รับมาจากอาคารส่วนกลางของตำหนักวันก่อน เขายังไม่รู้ว่าได้รับสิ่งใดมาบ้างและมีจำนวนมากน้อยเท่าใดกัน ด้วยเพราะว่าหนิงอ้ายยังไม่มีเวลาตรวจสอบเเหวนมิติที่ตนได้รับมาในก่อนหน้านี้นั่นเอง
"หินปราณระดับกลางยี่สิบก้อน หินปราณระดับสูงสิบก้อนและหากเริ่มหลอมสร้างโอสถแล้วสามารถเบิกสมุนไพรต่าง ๆ ได้เช่นกันเดือนละสิบชุดอย่างนั้นรึ??" ตรวจดูเเล้วพบว่าตนได้สิ่งใดมาบ้างที่ได้รับมา หนิงอ้ายคิดว่าทางตำหนักได้ลงเดิมพันกับการบ่มเพาะศิษย์ในสังกัดของตนค่อนข้างที่จะสูงมาก
ดูได้จากทรัพยากรบ่มเพาะในเเต่ละเดือนที่ศิษย์เเต่ละคนในตำหนักแห่งนี้ได้รับถือว่ามีมูลค่าที่สูงมากไม่น้อย ในโลกภายนอกถึงแม้ว่าหินปราณเหล่านี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่หายากก็จริงเเต่ทว่าหินปราณระดับกลางขึ้นไปจนถึงระดับสูงก็มีราคาสูงมากและมักจะพบเจอตามโรงประมูลเพียงเท่านั้น
แน่นอนว่าผู้ฝึกตนทุกคนสามารถดูดซับหินปราณในระดับต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อเพิ่มในความเเข็งแกร่งของพลังิญญาของตนได้เช่นกัน เป็อีกวิธีหนึ่งที่นอกเหนือไปจากการดูดซับปราณฟ้าดิน โดยปกติเเล้วสำหรับผู้ฝึกตนทั่วไปหรือกลุ่มตระกูลอิทธิพลระดับกลาง การเตรียมทรัพยากรบ่มเพาะพื้นฐานสำหรับรุ่นเยาว์ของตนมักจะใช้หินปราณระดับต่ำและหินปราณระดับกลางด้วยเพราะหาได้ง่ายราคาไม่สูงมากนัก
ทว่ากับกลุ่มอิทธิพลชั้นเรืองนาม บรรดาตระกูลใหญ่ประจำแคว้นหรือแม้กระทั่งสำนักศึกษาที่มีชื่อเสียงนั้นมักจะนิยมใช้หินปราณระดับกลางขึ้นไปจนถึงระดับสูงกันแทบทั้งสิ้น ด้วยเหตุเพราะว่าบรรดาหินปราณในระดับเหล่านี้จะมีความบริสุทธิ์เข้มข้นที่มากกว่าหินปราณระดับต่ำหลายเท่า อีกทั้งยิ่งผู้ฝึกตนผู้นั้นหากยิ่งมีระดับพลังิญญาที่สูงมากเท่าใด ในการดูดซับหินปราณโดยเฉพาะหินปราณระดับต่ำนั้นเเทบจะกล่าวไม่มีผลต่อการเพิ่มระดับเลยทั้งสิ้น
จะเห็นได้ว่าในการบ่มเพาะสุดยอดรุ่นเยาว์เเต่ละคนให้เป็ชนชั้นแถวหน้าในยุทธภพ นอกจากต้องมีพร์ความสามารถเฉพาะตัวเเล้ว ย่อมต่างที่จะใช้ทรัพยากรบ่มเพาะเหล่านี้เป็จำนวนอย่างมากมายมหาศาล
เเต่ถึงอย่างไรการได้มาซึ่งผู้ฝึกตนระดับสูงในกลุ่มอิทธิพลปกครองของตนก็สามารถสร้างความน่านับถือ เป็ที่หวั่นเกรงกับผู้คนทั่วไปได้เช่นกัน ด้วยเพราะว่าในโลกของผู้ฝึกคนต่างมีกฎเกณฑ์ที่ถึงแม้จะไม่ได้มีการจดบันทึกเป็ลายลักษณ์อักษรก็ตาม
ผู้ฝึกตนในทุกกลุ่มอิทธิพลต่างรับรู้ยึดถือปฏิบัติเป็ธรรมเนียมอย่างโดยทั่วกันทั้งสิ้นว่า การล่วงเกินกลุ่มอิทธิพล ตระกูลใหญ่ของแคว้นหรือสำนักน้อยใหญ่ที่มีผู้ฝึกตนระดับสูงนั่งประจำการอยู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำสักเท่าไหร่นัก พึงทราบว่าในยุทธภพแห่งนี้ยังมีตัวตนประหลาดอีกมากมายที่เก็บงำประกายความสามารถเหล่านี้เอาไว้ หากคนผู้นั้นฉลาดมากพอที่จะไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่มย่ามท้าทายบาดหมางกันนั้นเเล้ว เภทภัยต่าง ๆ ย่อมมาไม่ถึงตัวอย่างแน่นอน...
หลังจากที่หนิงอ้ายได้ตรวจสอบเเหวนมิติที่ได้รับมาก่อนหน้าและได้รู้ว่าได้รับสิ่งใดมาเเล้วนั้น คืนนี้หนิงอ้ายจึงตั้งใจที่จะดูดซับหินปราณระดับกลางเสียก่อน ด้วยเพราะจำนวนที่ได้รับมานั้นเพียงพอสำหรับการดูดซับเป็เวลาหนึ่งเดือนอย่างพอดีไม่ขาดไม่เกิน
จากนั้นเด็กหนุ่มจึงนั่งสมาธิบนเตียงนอนของตนพร้อมกับเริ่มดูดซับหินปราณระดับกลางก้อนเเรกนี้โดยทันที เมื่อถูกชักนำให้ไหลเวียนทั่วร่างกายไปตามเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาของตนเเล้ว หนิงอ้ายจึงพบว่าการไหลเวียนของพลังลมปราณในร่างกายของเขาในตอนนี้มีความหนักเเน่นรวดเร็วที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า
อีกทั้งยังรู้สึกคล้ายกับว่าพลังิญญาระดับเทวะิญญาขั้นต้นที่เขาพึ่งบรรลุมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ในตอนนี้ได้ถูกเคี่ยวกรำอย่างช้า ๆ ที่ส่งผลให้รากฐานการบ่มเพาะของเขาหลังจากนี้นั้นจะมีความบริสุทธิ์หนักแน่นกว่าผู้ฝึกตนระดับเดียวกันอีกหลายเท่าภายหลังจากนี้
บริเวณจุดตันเถียรในร่างกายของเขานั่นในตอนนี้ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการเลื่อนระดับพลังในก่อนหน้า ที่ทำหน้าที่สำคัญค่อย ๆ ดูดซับพลังวิญาณจากหินปราณเหล่านี้เอาไว้ จากความรู้สึกที่ัันี้ทำให้รับรู้ได้ว่าหินปราณระดับกลางที่ตนได้รับมานั้นมีความบริสุทธิ์มากเพียงใด
ผ่านไปถึงสองชั่วยามในการดูดซับหินปราณในคืนเเรกก็จบลงด้วยดี หนิงอ้ายรู้สึกว่าหลังจากที่ได้ดูดซับไปเเล้วคล้ายกับว่าพลังิญญาของเขาได้มีความเข้มข้นขึ้นมาอีกเล็กน้อยส่งผลไปถึงญาณััที่มีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้นจนสามารถรู้สึกได้
เห็นว่าตอนนี้เป็ยามโฉ่วเเล้ว หนิงอ้ายจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนข้างต้าเฮยที่ตอนนี้ขดตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยท่าทางที่มีความสุข เพียงไม่กี่เค่อหลังจากนั้นในเรือนพักหลังได้ได้มีเสียงหายใจเป็จังหวะสม่ำเสมอเมื่อเด็กหนุ่มได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเเล้วนั่นเอง...
เช้าของวันรุ่งขึ้นได้มาถึงอย่างรวดเร็วเช่นเดิมหลังจากที่หนิงอ้ายตื่นลืมตาด้วยความสดชื่นไม่รอช้าจึงจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ตอนนี้เด็กหนุ่มได้อยู่ในชุดสีเขียวอ่อนอันเป็ชุดประจำตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาพร้อมกับที่ไม่ลืมห้อยป้ายหยกประจำตัวของตนที่ข้างเอว
ก่ อนจะก้าวเท้าออกมาจากตัวของเรือนพักในทันทีด้วยเป็กังวลว่าท่านอาจารย์ของตนจะต้องรอนาน เพราะหากเป็เช่นนั้นคงไม่ใช่เื่ดีสักเท่าไหร่ที่ต้องให้ผู้าุโต้องรอผู้เยาว์เช่นเดียวกับตน เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อเท่านั้นหนิงอ้ายก็มาถึงหน้าเรือนพักอาจารย์ของเขา เด็กหนุ่มก็ไม่รอช้าจึงส่งเสียงเป็สัญญาณว่าตนได้มาถึงหน้าเรือนพักแล้วก่อนที่จะมีส่งตอบกลับมาว่าให้เด็กหนุ่มเข้ามาได้
ได้ยินเช่นนั้นหนิงอ้ายเดินเข้าไปในเรือนพักของปรมจารย์โอสถเหวินหวู่ผู้เป็อาจารยฺ์ของตนที่บริเวณโดยรอบนี้ต่างถูกรายล้อมด้วยต้นไม้ที่ผลิดอกอย่างสวยงามราวกับแดน์คงไม่เกินจริงไปนัก หนิงอ้ายรู้สึกได้ชัดเจนอีกอย่างนั่นคือในบริเวณนี้ช่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของปราณฟ้าดินที่มีความบริสุทธ์อย่างเข้มข้นกว่าพื้นที่อื่นในสำนัก พอที่จะคาดเดาได้ว่าที่เป็เช่นนี้เพราะพื้นที่ตรงนี้เปรียบดั่งจุดใจกลางของมหาค่ายกล
"ศิษย์หนิงอ้าย คำนับท่านอาจารย์เหวินหวู่ขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับโค้งตัวยกมือประสานคำนับชายชราที่นั่งอยู่ตรงหน้าตน
"ลุกขึ้นเถอะ เ้าไม่ต้องมากพิธีไปข้าไม่ชอบอะไรที่เป็ทางการมากนัก..." ชราชราเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็กันเองพร้อมกับยกยิ้มออกมาเล็กน้อย
"ตอนนี้เ้าเป็ศิษย์ของข้าเเล้วก็คิดเสียว่าข้าเป็ดั่งญาติผู้ใหญ่ของเ้า ข้ากับตาเฒ่าหวังก็เป็สหายกันมาหลายสิบปีเเล้ว เ้าก็ไม่ต่างไปจากลูกหลานของข้าสักเท่าไหร่..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือลูบศีรษะของเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู
"ตอนนี้เ้าได้ทำความรู้จักกับบรรดาศิษย์พี่ของเ้าทุกคนเเล้วหรือยังเล่า??"
"เมื่อวานนี้หลังจากศิษย์พี่ทั้งสามกลับมาจากภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ศิษย์พี่ไป๋ได้พาข้าไปพูดคุยทำการรู้จักกับศิษย์พี่ทุกคนแล้วขอรับท่านอาจารย์..."
"ไป๋เอ๋อร์ยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเคย เเล้วเ้าเล่ารู้สึกคุ้นเคยปรับตัวเข้ากับตำหนักได้กี่มากน้อยเเล้ว??"
"ศิษย์พี่ทุกคนต่างใจดีกับข้ามากอีกทั้งท่านผู้าุโซุน ผู้าุโเกาต่างให้การเอ็นดูข้าเช่นกัน ตอนนี้อาจจะมีความรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้างเเต่ถือว่าปรับตัวได้มากขึ้นแล้วขอรับ...." หนิงอ้ายตอบกลับไปตามสิ่งที่ตนคิด
"ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เ้าเหยียนฮุ่ยได้มอบตำราสมุนไพรและได้ให้ความรู้บางส่วนกับเ้าเเล้วใช่หรือไม่?? เช่นนั้นวันนี้ข้าจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้เพิ่มเติมให้เ้าอีกครั้ง..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม ที่ผ่านมาเขาอาจจะไม่ได้อยู่ติดตำหนักของตนมากนักทว่าทุกความเป็ไปที่เกิดขึ้นเขาต่างรับรู้ได้ทั้งสิ้น
เด็กหนุ่มตรงหน้าที่มีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีที่ตนได้ตัดสินใจเลือกอีกฝ่ายเข้ารับเป็ศิษย์คนที่เจ็ดของตำหนักและมอบตำแหน่งศิษย์ผู้สืบทอดให้กับเด็กหนุ่มนั้นดูท่าคงจะไม่เสียเปล่า ทั้งที่ตนได้ให้เวลาอีกฝ่ายพักผ่อนเพื่อปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเเต่ทว่าตัวคนนั้นกลับเข้าออกอาคารส่วนกลางของตำหนักเป็ว่าเล่น
และยังหยิบยืมตำราต่าง ๆ มากมายมาศึกษาเพื่อใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าที่สุด ยิ่งได้ยินมากจากเหยียนฮุ่ยว่าเด็กหนุ่มสามารถเรียนเข้าใจเกี่ยวกับตำราสมุนไพรต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ดูท่าเเล้วก่อนหน้านี้อีกฝ่ายคงได้ศึกษาตำรามาอย่างมากมาย ช่างเป็รุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยความพยายามอย่างเเท้จริง
จากนั้นเหวินหวู่ได้หยิบเอาตำราส่วนตัวของตนออกมาให้เด็กหนุ่มได้ศึกษา ในสมุดจดบันทึกเล่มนี้เป็สิ่งที่เขาได้เขียนบันทึกเองทั้งสิ้นเกี่ยวกับสมุนไพร คุณสมบัติ เเหล่งที่พบเห็นล้วนเป็รายละเอียดที่เหวินหวู่เป็ผู้จดบันทึกด้วยตนเองทั้งสิ้น ถือได้ว่าเป็ความรู้ที่มีความล่ำค่าเป็อย่างมาก ยิ่งเมื่อได้พูดคุยถามตอยยิ่งทำให้เหวินหวู่ได้รู้ว่าหนิงอ้ายนั้นได้ศึกษาเข้าใจเกี่ยวกับสมุนไพรเหล่านี้มาอยู่ไม่น้อยหรือแม้กระทั่งสมุนไพรพิษนั้นเด็กหนุ่มก็รับรู้บ้างเช่นกัน
หลังจากถ่ายทอดสมุนไพรมาจนถึงหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกเเล้ว หนิงอ้ายได้ทำการคัดลอกจนเสร็จสิ้น เหวินหวู่ได้ทำการทดสอบความจำ ความเข้าใจของเด็กหนุ่ม ด้วยการเอ่ยชื่อสมุนไพรชนิดหนึ่งเเล้วให้อีกฝ่ายตอบมาว่าสมุนไพรชนิดนี้มักจะถูกพบในบริเวณใด สามารถนำมาเป็ยาชนิดใดบ้าง
สิ่งที่ขึ้นในการทดสอบนี้ก็คือหนิงอ้ายสามารถตอบข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรเหล่านี้ได้ทั้งหมดอย่างไม่ขาดตกบกพร่องตามที่เขานั้นได้บันทึกไว้ในตำราทุกคำ อีกทั้งยังเสนอความคิดเห็นเล็กน้อยส่วนตัวออกมาชวนให้เหวินหวู่ประหลาดใจอีกด้วย ได้เรียกสายตาและรอยยิ้มความภาคภูมิในในศิษย์ตัวน้อยของตนคนนี้ คราเเรกเขาตั้งใจว่าเด็กหนุ่มจำได้เพียงไม่กี่ชนิดก็ถือว่ามากเเล้ว จากนั้นค่อยๆ ศึกษาจดจำต่อไป เเต่นี่เด็กหนุ่มกลับตอบได้ถูกต้องทั้งสิ้นเสียอย่างนั้น
"เ้าช่างมากไปด้วยพร์ ความสามารถพิเศษในการจดจำทุกสิ่งอย่างเช่นนี้นับว่าน่าชื่นชมยิ่ง!!" เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือลูกศรีษะของเด็กหนุ่มไปอีกเล็กน้อย
"ตั้งเเต่ข้ายังเป็เด็กท่านเเม่เยว่ซินได้สั่งสอนข้าเกี่ยวกับพวกสมุนไพรและมอบตำราให้ข้าศึกษาอยู่ไม่น้อย ดังนั้นศิษย์จึงพอที่จะจดจำได้อยู่บ้างขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยความอ่อนน้อม
"ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริง ๆ " เหวินหวู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม
ตลอดเวลาหลายชั่วยามหลังจากนี้ เหวินหวู่ได้ใช้เวลาไปกับการถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดของตนเกี่ยวกับสมุนไพรและคุณสมบัติอีกครั้ง โดยที่ได้เพิ่มเนื้อหาในส่วนของสมุนไพรระดับสูงหายากรวมไปถึงสมุนไพรพิษด้วย เขาได้รับรู้มาจากหวังจิ่งหลงสหายของตนว่ากระดูกิญญาที่เด็กหนุ่มได้ประสานเข้ากับร่างกายนั้นเป็ของอสรพิษเหมันต์าซึ่งถือว่าเป็สัตว์อสูรเ้าเเห่งพิษทั้งปวง
หากเป็เช่นนั้นจริง ดูท่าเเล้วเคล็ดวิชาและิญญายุทธ์ปราณธาตุพิษของตนนั้นคงมีผู้สืบทอดเสียเเล้วในตอนนี้ ด้วยเพราะความตั้งใจเเต่ในครั้งเเรกเหวินหวูู่้าที่จะหาผู้สืบทอดวิชาพิษนี้ของตน ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงตั้งใจรับหนิงอ้ายเข้ามาเป็ศิษย์ในสำนักและเลือกให้อีกฝ่ายเป็ศิษย์ผู้สืบทอดนั่นเอง
"ตอนนี้เ้าเป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาขั้นต้นแล้วอย่างนั้นรึ? มิใช่ว่าไม่กี่วันก่อนยังเป็ราชทินนามระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงเท่านั้นเอง เฮ้อ!!ตาเฒ่าหวังช่างมีลูกหลานที่มากไปด้วยพร์เสียจริง..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นถามเด็กหนุ่ม ซึ่งในใจนั้นคิดว่าหวังจิ่งหลงผู้เป็สหายของตนในปีนั้นก็ถือว่าเป็ผู้ฝึกตนที่มากไปด้วยพร์ที่โดดเด่นเช่นกัน
"ขอรับท่านอาจารย์ เมื่อสองวันก่อนข้าพึ่งตัดผ่านเป็ระดับเทวะิญญาขั้นต้น ถือว่าเป็โชคชะตาจาก์ขอรับ..."
"ด้วยวัยเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้เเต่กลับเป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาขั้นต้นเช่นนี้ได้ หากเทียบกันเเล้วกับศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักทั้งสามเ้าในตอนนี้ถือว่าก้าวหน้ากว่าพวกเขายิ่งนัก..."
"ท่านอาจารย์กล่าวชมข้าเกินไปแล้วขอรับ หากเทียบตัวข้ากับเหล่าศิษย์พี่เเล้วข้ายังต้องเรียนรู้อีกหลายสิ่งอย่าง หลังจากนี้คงต้องรบกวนท่านอาจารย์ไปอีกมากนะขอรับ..."
"ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างเจรจาและรู้จักถ่อมตัวยิ่งนักนี่นับว่าเป็คุณสมบัติที่ดี เ้าจงรักษาความอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ไว้เล่า!!!"
"ข้าจะทำตามที่ท่านอาจารย์สั่งสอนขอรับ..."
จากนั้นหนิงอ้ายและอาจารย์ของตนได้พูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็น บางครั้งท่านอาจารย์ของเขาได้เล่าให้ฟังถึงเื่ราวการผจญภัยต่าง ๆ ในยามที่อีกฝ่ายยังเป็วัยหนุ่มที่ออกโลดแล่นในยุทธภพว่าได้พบเจอกับความแปลกประหลาดพิศดารมากเพียงใด
เื่ราวน่าขบขันเกี่ยวกับท่านตาของเขาในหลาย ๆ เื่ บางเื่นั้นเขาที่ได้ยินนั้นกลับนึกภาพของท่านตาของตนในยามหนุ่มไม่ออก มากไปกว่านั้นหนิงอ้ายก็ได้รู้เเล้วว่าเเท้ที่จริงนั้นท่านตาของเขาและท่านอาจารย์ได้เป็สหายกันมาหลายสิบปีเเล้ว
จุดเริ่มต้นคือการชอบสตรีคนเดียวกัน ทุกครั้งที่พบหน้าจะต้องมีการกระทบกระทั่งรวมไปถึงการท้าประลองหาผู้ชนะอยู่บ่อยครั้ง ท้ายที่สุดเเล้วพวกเขาทั้งสามคนต่างยึดถือกันเป็สหายและเป็ท่านตาของเขาที่ได้ท่านยายเหมยฮวาไปนั่นเอง...
"เ้าถือว่าผ่านการทดสอบในเื่ของสมุนไพรเเล้ว นับว่ามีความรวดเร็วและความก้าวหน้ากว่าศิษย์พี่ของเ้าหลายเท่า เเต่ถึงอย่างนั้นข้าไม่อยากให้เ้าชะล่าใจสักเท่าไหร่นักพึงรับรู้ไว้ว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด..."
ดวงตะวันคล้อยลงลาลับขอบฟ้าไปเเล้ว ส่งผลให้บรรยากาศภายในตำหนักนั้นตกอยู่ในความมืดมิดในทันที อีกทั้งยังปรากฏเป็ไอหมอกจาง ๆ ชวนให้รู้สึกเย็นสบายเป็อย่างยิ่ง ผลของการเรียนวันเเรกนั้นจบลงด้วยความชื่นชมของเหวินหวู่อย่างมากมายที่มีให้กับศิษย์ตัวน้อยของตน ที่ในวันนี้สามารถรวบรัดเรียนรู้ในสิ่งที่หากเป็ผู้อื่นอาจจะต้องใช้เวลานานนับเดือน
เเต่กับเ้าตัวประหลาดน้อยคนนี้นั้นกลับศึกษาจนหมดสิ้นครบถ้วนในหนึ่งวัน นี่เกินความคาดหมายของชายชราอย่างเขาไปมาก ดังนั้นเขาจึงสั่งให้เด็กหนุ่มนั้นกลับไปเรือนพักของตนเสียวันพรุ่งนี้เวลาเดิมค่อยเจอกันอีกครั้งเเล้วกัน....
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้