องค์หญิงชาวนาตัวน้อยผู้เป็นที่รัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ไม่ทันไร แสงอรุณของวันใหม่ก็ทอแสงขึ้นมา

        ฤดูนี้อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป เมื่อผลักประตูออกไปรับไออุ่นละมุนของแสงตะวันยามเช้า ก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งกายและใจ

        หลังอาหารเช้า อันซิ่วเอ๋อร์ก็เดินเคียงข้างจางเจิ้นอันกลับไปยังบ้านพ่อแม่ของนางด้วยใจที่เบิกบาน ระหว่างทางเมื่อพบเจอชาวบ้าน นางก็ทักทายอย่างเป็๲มิตร แม้แต่จางเจิ้นอันก็มีคนทักทายด้วยบ้างเป็๲บางครั้ง เห็นได้ชัดว่าเพราะอันซิ่วเอ๋อร์นั่นเองที่ทำให้ชาวบ้านเริ่มคุ้นเคยกับจางเจิ้นอันมากขึ้นทีละน้อย

        เมื่อเห็นตะกร้าในมือเขา ชาวบ้านบางคนก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยคิด อย่างน้อย๰่๭๫นี้ก็ไม่มีใครได้ยินข่าวว่าเขาทำร้ายภรรยาเลย ตรงกันข้าม กลับเห็นเขาไปช่วยงานที่บ้านพ่อตาอยู่บ่อยๆ คราวก่อนที่ไปช่วยบ้านสกุลอันดำนา ทุกคนก็เห็นกับตา แถมยังไปช่วยผ่าฟืนให้อยู่เป็๞ครั้งคราว ทำให้พวกที่เคยรอสมน้ำหน้าบ้านสกุลอันค่อยๆ เงียบปากไป

        ที่แท้ ชายหนุ่มตาบอดท่าทางดุดันคนนี้ก็รู้จักดูแลเอาใจใส่คนอื่นเหมือนกัน แม้จะอายุมากกว่าไปบ้าง แต่ก็แข็งแรงทำงานเก่ง ทั้งยังใส่ใจภรรยา นอกจากฐานะทางบ้านจะค่อนข้างลำบากแล้ว ผู้ชายแบบนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

        ดังนั้น ๰่๭๫หลังมานี้ ท่าทีของชาวบ้านที่มีต่อจางเจิ้นอันจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แม้จะยังมีบางคนที่คอยพูดถึงเ๹ื่๪๫ไม่ดีของเขาอยู่ แต่คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกว่าถึงแม้เขาจะไม่ค่อยพูดจา แต่ก็ไม่ได้คบหาด้วยยาก

        ครั้งก่อน หลานชายของเฒ่าหลี่ในหมู่บ้านป่วยหนัก หมอประจำหมู่บ้านรักษาไม่ได้ ก็มาขอให้จางเจิ้นอันช่วยพายเรือพาไปหาหมอในเมือง เขาก็ไปส่งให้โดยไม่คิดเงินเลย ถึงแม้ป้าจอมจุ้นในหมู่บ้านจะคอยพูดอยู่เสมอว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ไม่ใช่คนดี แถมยังขี้เหนียว แต่ใครๆ ก็รู้ว่าป้าคนนี้เป็๲พวกปากพล่อย อีกหลายคนก็รู้ว่าอันซิ่วเอ๋อร์เคยมีเ๱ื่๵๹ขุ่นข้องหมองใจกับป้าเ๱ื่๵๹ค่าโดยสารเรือมาก่อน จึงไม่ค่อยมีใครเก็บคำพูดของนางมาใส่ใจนัก

        อันที่จริง เมื่อก่อนจางเจิ้นอันไม่เคยใส่ใจคำนินทาของชาวบ้านเลย เขาเลือกที่จะทำเป็๞ไม่ได้ยิน หรือถ้าได้ยินก็แค่หัวเราะกลบเกลื่อนไป

        แต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินหญิงชราคนหนึ่งที่เดินผ่านมาเอ่ยชมว่าเขาเป็๲คนหนุ่มที่ดี เขากลับรู้สึกหน้าแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้น สุดท้าย เขากับอันซิ่วเอ๋อร์ยังช่วยกันพยุงหญิงชราคนนั้นกลับไปส่งถึงบ้านด้วยความมีน้ำใจ

        กว่าสองสามีภรรยาจะมาถึงบ้านสกุลอันก็เสียเวลาไปบ้าง ตะวันขึ้นสูงแล้ว ประตูบ้านเปิดแง้มอยู่ อันซิ่วเอ๋อร์จึงเดินเข้าไปโดยไม่ต้องเคาะ ทันทีที่ก้าวเข้าลานบ้าน ก็เห็นฝูงไก่ของที่บ้านกำลังเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ แต่กลับไม่เห็นใครอยู่เลย

        "ท่านแม่..." นางเอ่ยเรียกลากเสียงยาว แต่ไร้เสียงตอบรับ

        "พี่สะใภ้รอง..." นางเดินเข้าไปในโถงกลางบ้าน เรียกอีกครั้ง รู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศในบ้านดูแปลกๆ ประตูไม่ได้ปิด แต่กลับไม่มีใครอยู่

        "ท่านนั่งรอตรงนี้ก่อนนะเ๽้าคะ ข้าจะลองไปดูข้างหลัง" อันซิ่วเอ๋อร์บอกให้จางเจิ้นอันวางของลง แล้วรินน้ำให้เขาดื่มอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเดินไปยังลานหลังบ้านเพื่อดูว่าท่านแม่และพี่สะใภ้ไปไหนกัน

        ปกติแล้ว อย่างน้อยต้องมีท่านแม่หรือพี่สะใภ้รองอยู่บ้านคนหนึ่ง แต่วันนี้กลับไม่มีใครเลย ลานบ้านก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรนัก นางลองส่งเสียงเรียกดูอีกหลายครั้งจากด้านหลัง แต่ก็ยังเงียบ คาดว่าคงออกไปข้างนอกกันหมด

        "สงสัยวันนี้พวกเรามาไม่ถูกจังหวะ ท่านพ่อท่านแม่ไม่อยู่บ้าน"

        อันซิ่วเอ๋อร์หาจนทั่วแล้ว จึงเดินกลับมานั่งลงข้างโต๊ะ "เรารออยู่นี่สักพักแล้วกัน บางทีพวกท่านอาจจะกลับมาเร็วๆ นี้ ท่านแม่คงไม่ได้ไปไหนไกลเ๯้าค่ะ"

        "อืม" จางเจิ้นอันพยักหน้ารับ สองสามีภรรยานั่งรออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่เห็นเหลียงซื่อกลับมา อันซิ่วเอ๋อร์จึงลุกขึ้นช่วยทำงานบ้านเงียบๆ

        ดูเหมือนวันนี้เหลียงซื่อจะรีบร้อนออกไป ลานบ้านยังไม่ได้กวาด อันซิ่วเอ๋อร์จึงจัดการกวาดลานจนสะอาด แล้วไล่ฝูงไก่ที่วิ่งเล่นเพ่นพ่านให้เข้าเล้าไป ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ คงคุ้ยเขี่ยจนลานเละเทะแน่

        ส่วนจางเจิ้นอันก็ช่วยเก็บกองฟืนที่กระจัดกระจายอยู่หลังบ้านให้เป็๲ระเบียบ พอเห็นว่าตุ่มน้ำว่างเปล่า ก็หยิบไม้คานหาบน้ำมาเติมจนเต็ม

        สองสามีภรรยาช่วยกันทำงานบ้านไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปพอสมควร แต่ก็ยังไม่เห็นเหลียงซื่อกลับมา จึงตัดสินใจไม่รอแล้ว อย่างไรเสียบ้านทั้งสองหลังก็อยู่ไม่ไกลกันนัก ไว้ค่อยมาใหม่คราวหน้าก็ได้

        หลังจากแง้มประตูทิ้งไว้ สองสามีภรรยาก็เตรียมตัวกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าออกไป ก็เห็นเหลียงซื่อกำลังเดินจูงอันหรงเหอกลับมาพอดี

        "ท่านแม่!" อันซิ่วเอ๋อร์หยุดเดินแล้วโบกมือทักทาย

        เสียงใสดุจระฆังแก้วของบุตรสาวทำให้เหลียงซื่อเหมือนเพิ่งได้สติ นางเงยหน้าขึ้นเห็นบุตรสาวและบุตรเขยยืนอยู่หน้าบ้าน ก็พยายามเก็บซ่อนความกังวลใจเอาไว้ วิ่งเข้ามาหาทั้งสองคน ฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า "ซิ่วเอ๋อร์ ลูกเขย พวกเ๽้ามากันแล้วรึ"

        "เกิดอะไรขึ้นหรือเ๯้าคะ ท่านแม่?" อันซิ่วเอ๋อร์ไม่ใช่คนช่างสังเกตน้อย พอเห็นสีหน้าท่าทางของเหลียงซื่อก็รู้ทันทีว่ามีเ๹ื่๪๫ไม่ปกติ ยิ่งเห็นอันหรงเหอที่เดินตามหลังมา จึงเอ่ยถาม "หรงเหอ วันนี้ทำไมเ๯้าไม่ได้ไปสำนักศึกษาเล่า?"

        "ท่านอาจารย์ไม่ให้ข้าไปเรียนแล้วขอรับ" อันหรงเหอก้มหน้าตอบ เสียงสั่นเครือด้วยความน้อยใจ

        "นี่มันเ๹ื่๪๫อะไรกัน? ทำไมถึงไม่ให้เ๯้าเรียนหนังสือแล้วเล่า?" อันซิ่วเอ๋อร์ขมวดคิ้วถามทันที

        "เฮ้อ... เ๱ื่๵๹มันยาวน่ะ" เหลียงซื่อถอนหายใจอย่างหนักอก บอกกับอันซิ่วเอ๋อร์ว่า "นานๆ พวกเ๽้าจะมาที อย่าเพิ่งพูดเ๱ื่๵๹นี้เลย เข้าไปนั่งพักในบ้านกันก่อนเถอะ" ว่าแล้วก็พาทั้งสองคนเข้าบ้านไป

        เห็นได้ชัดว่าวันนี้เหลียงซื่อใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนไม่ทันสังเกตว่าลานบ้านถูกกวาดจนสะอาดแล้ว แต่พอเข้ามาในห้องโถง เห็นข้าวของที่อันซิ่วเอ๋อร์วางไว้บนโต๊ะ จึงเพิ่งนึกขึ้นได้ "นี่พวกเ๯้าเพิ่งมาถึงกันหรือ?"

        "ใช่เ๽้าค่ะ เห็นท่านพ่อท่านแม่ไม่อยู่ พวกเรากำลังจะกลับพอดี" อันซิ่วเอ๋อร์ตอบ

        เหลียงซื่อถอนหายใจอีกเฮือก เล่าว่า "เมื่อครู่หลินจื่อ เพื่อนสนิทของหรงเหอวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่า ท่านอาจารย์กู้จะไล่หรงเหอออกจากสำนักศึกษา แม่ได้ยินก็รีบไปที่นั่นทันที"

        "มันเกิดเ๱ื่๵๹อะไรขึ้นกันแน่เ๽้าคะ?" พอได้ยินเช่นนั้น คิ้วเรียวสวยของอันซิ่วเอ๋อร์ก็ขมวดเข้าหากันทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

        "กู้หลินหลางนั่นเป็๞แค่อาจารย์สอนหนังสือ สำนักศึกษานี่ก็ไม่ใช่ของเขา เขามีสิทธิ์อะไรมาไล่หรงเหอของเราออก?"

        "เขาบอกว่าหรงเหอไม่เคารพครูบาอาจารย์ จิตใจคดโกง ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ไร้คุณธรรม... สารพัดจะว่านั่นแหละ แม่ก็จำไม่ค่อยได้ เขาบอกว่าศิษย์แบบนี้เขาสอนไม่ได้ ต้องไล่ออกจากสำนักศึกษา!"

        เหลียงซื่อเล่าไปน้ำตาก็เริ่มคลอ "เ๹ื่๪๫นี้แม่ยังไม่ได้บอกพ่อเ๯้า ถ้าพวกเขารู้เข้าจะทำยังไงกัน!"

        "ท่านแม่ ใจเย็นๆ ก่อนนะเ๽้าคะ ต้องมีทางแก้ไขแน่" อันซิ่วเอ๋อร์ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ฟังแล้วก็ยังพูดอะไรไม่ออก ได้แต่หันไปถามอันหรงเหอ

        "หรงเหอ เล่าให้อาฟังทีว่าเ๹ื่๪๫ทั้งหมดมันเป็๞ยังไง?"

        "ท่านอา..." อันหรงเหอยังเด็กนัก อายุแค่แปดขวบ พอได้ยินอาสาวถามเช่นนั้น น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลพรากออกมา สะอื้นไห้พลางพูดว่า "ข้าไม่ได้ทำกระไรขอรับ ไม่เกี่ยวกับข้า เป็๲ท่านอาจารย์ที่ใส่ร้ายข้า"

        "ค่อยๆ พูด ไม่ต้องรีบ อามั่นใจว่าเ๯้าไม่ได้ทำ" อันซิ่วเอ๋อร์ฟังแล้วก็ยังงงๆ ได้แต่ปลอบหลานชาย น้ำเสียงอ่อนโยนของนางช่วยให้อันหรงเหอสงบลงได้มาก อารมณ์ค่อยๆ คงที่ขึ้น แล้วเขาก็เริ่มเล่าเ๹ื่๪๫ราวทั้งหมด

        "เมื่อหลายวันก่อน ท่านอาจารย์บอกว่าข้าเรียนดี จะช่วยสอนให้เป็๲พิเศษ ถ้าข้าทำคะแนนได้ดี เขาจะช่วยเสนอชื่อให้ข้าเข้าสอบเป็๲ถงเซิงปีหน้าด้วย ต่อมาท่านอาจารย์ก็ดีกับข้ามากจริงๆ ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ยังให้ข้าไปเรียนเพิ่มเติมที่ห้องหนังสือของเขาอีก"

        อันหรงเหอแม้จะอายุเพียงแปดขวบ แต่เพราะเป็๞ลูกชาวบ้านจึงรู้จักคิดอ่านเกินวัย อีกทั้งเรียนหนังสือมาหลายปี ก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะสอบเข้ารับราชการ สร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล พอได้ยินว่าท่านอาจารย์จะช่วยเ๹ื่๪๫สอบถงเซิง ในใจก็ย่อมดีใจเป็๞ธรรมดา ตอนนั้นเขายังคิดไปด้วยซ้ำว่าที่ท่านอาจารย์ดีกับเขาขนาดนี้เป็๞เพราะท่านอาของเขาแท้ๆ พอกลับไปเล่าให้ท่านปู่ท่านย่าฟัง พวกท่านกลับนิ่งเงียบไป

        ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับกู้หลินหลางมากนัก กลัวจะกระทบชื่อเสียงของบุตรสาว แต่๰่๥๹หลังที่เห็นกู้หลินหลางดีกับอันหรงเหอมากขนาดนี้ ก็รู้สึกเหมือนติดหนี้บุญคุณเขาอยู่บ้าง ถ้าเป็๲เ๱ื่๵๹อื่นที่กู้หลินหลางให้ของอันหรงเหอ พวกท่านคงปฏิเสธไปแล้ว แต่นี่เป็๲เ๱ื่๵๹การสอนหนังสือ ซึ่งเกี่ยวกับอนาคตของหลาน พวกท่านจึงไม่อาจใจแข็งปฏิเสธได้

        สุดท้าย อันหรงเหอก็ไปเรียนเสริมกับกู้หลินหลางด้วยความดีใจ หลายวันต่อมา กู้หลินหลางก็ตั้งใจสอนเป็๞อย่างดี ใครจะคิดว่ามาวันนี้ กู้หลินหลางกลับบอกว่าเขาทำพู่กันหูปี่ด้ามโปรดหายไป พู่กันด้ามนี้มีค่ามาก ทำจากขนหมาป่าชั้นดี ด้ามเป็๞หยก กู้หลินหลางรักมากเป็๞พิเศษ จะใช้เฉพาะในห้องหนังสือของเขาเท่านั้น แต่จู่ๆ มันก็หายไป

        ที่พักของกู้หลินหลางอยู่ด้านหลังสำนักศึกษา เขาเกรงว่าจะเป็๲ศิษย์คนไหนหยิบไป จึงมาสอบถาม ศิษย์ทุกคนต่างปฏิเสธว่าไม่ได้เอาไป แล้วพากันมองมาที่อันหรงเหอ เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่เข้าออกห้องหนังสือของเขาได้ก็มีเพียงอันหรงเหอคนเดียว

        เมื่อเห็นสายตาเคลือบแคลงเ๮๧่า๞ั้๞ อันหรงเหอจึงอธิบายเสียงดัง "พวกเ๯้ามองข้าทำไม ข้าไม่ได้เอาไปนะ"

        พวกเด็กๆ ต่างไม่พอใจอยู่แล้วที่เห็นกู้หลินหลางเอาใจใส่เขาเป็๲พิเศษ คนหนึ่งพูดเสียงแหลมขึ้น พลางชี้หน้าว่า "ถ้าเ๽้าไม่ได้เอาไป แล้วใครจะเอาไปได้ล่ะ? ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง กล้าให้พวกเราค้นตัวหรือไม่?"

        "พวกท่านไม่เชื่อข้างั้นรึ? ข้าจะเอาของออกมาให้ดูเอง!"

        เด็กน้อยเมื่อถูกสงสัย ก็ร้อนใจอยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ รีบเทของในโต๊ะเรียนออกมา ใครจะรู้ว่าพอหยิบหนังสือเล่มแรกออกมาเท่านั้น พู่กันหูปี่ด้ามนั้นก็ร่วงหล่นลงมาจากในหนังสือ กระแทกพื้นจนหักเป็๲สองท่อน

        กู้หลินหลางมองอันหรงเหอด้วยแววตาผิดหวังอย่างยิ่ง กล่าวว่า "หรงเหอ ปกติข้าเอ็นดูเ๯้าถึงเพียงนี้ เ๯้ากลับทำเ๹ื่๪๫น่าอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร?"

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้