แรงที่มือของเหยียนเฟิงเกอหนักแน่นมากจริงๆ มือสองข้างที่จับเข้ามา ทำให้อ๋าวหรานรู้สึกว่าแขนของเขาแทบจะแหลกแล้ว
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ตบที่ไหล่เหยียนเฟิงเกออย่างปลอบโยน “ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน พูดแล้วเื่มันยาว เดี๋ยวข้าจะบอกท่านทั้งหมดเอง”
เหยียนเฟิงเกอเข้าใจ เก็บมือ พยักหน้าด้วยสีหน้ามืดมน ในดวงตาคู่นั้นถึงแม้จะไม่มีน้ำตา แต่ก็แดงก่ำเป็อย่างยิ่ง ความโศกเศร้ายากที่จะปกปิด คาดว่าเขาคงนับถือผู้นำหมู่บ้านสกุลอ๋าวเป็บิดาแท้ๆ จริงๆ
อ๋าวหรานไม่รู้ว่าเป็อะไร กลับรู้สึกปวดใจขึ้นมาเสียเฉยๆ ตาแดงก่ำ ยืนมือไปวางบนไหล่ของเหยียนเฟิงเกอ “ศิษย์พี่ ท่านอย่าเสียใจไปเลย”
เหยียนเฟิงเกอได้ยินประโยคนี้ โศกเศร้าราวิญญาแทบแตกสลายออกจากร่าง สติและการรับรู้เหือดหาย ร่างกายนี้ที่ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความเชื่อเท่านั้น ดังนั้นเมื่อความเชื่อเลือนหายไปก็ราวกับทุกอย่างถล่มลงมา ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายความเศร้า อ๋าวหรานรู้สึกว่ามือที่อยู่บนไหล่ไม่แข็งแกร่งอีกต่อไปแล้ว ยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร เหยียนเฟิงเกอก็ล้มลงไปบนพื้นราวเขาูเาทล่ม เป็ลมหมดสติไป
ทุกคนต่างก็ใ อ๋าวหรานรีบคุกเข่าลงไปดู เห็นว่าเขายังหายใจอยู่ ก็ดึงจิ่งฝานมา เร่งว่า “จิ่งฝาน เ้าช่วยตรวจให้เขาหน่อย”
จิ่งฝานจับชีพจร พูดอย่างเรียบเฉยว่า “เหนื่อยเกินไป ทุกข์กังวลเกินไป ความร้อนลุ่มทะลวงเข้าสู่หัวใจ ทำให้าเ็ภายใน”
อ๋าวหรานถามอย่างร้อนรน “หนักหนาหรือไม่?”
จิ่งฝานหรี่ตามองเขาไปทีหนึ่ง เดินตรงไปที่โต๊ะ สั่งให้พ่อบ้านไปเตรียมกระดาษกับพู่กัน แล้วค่อยตอบอ๋าวหราน “ไม่เป็ไร ดื่มยา ปรับสมดุลสักไม่กี่วันก็หาย”
อ๋าวหรานเห็นท่าทางสบายๆ ของจิ่งฝาน ก็รู้ว่าไม่ใช่เื่ใหญ่อันใด ได้ยินผลที่เขาบอก ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรแล้ว พยักหน้าตอบว่าขอบคุณ
จิ่งเซียงที่อยู่อีกฝั่งพูดว่า “พยุงศิษย์พี่เ้าไปที่เตียงก่อนเถิด”
อ๋าวหรานพยักหน้า คนคนนี้หนักเสียจริง อ๋าวหรานยกเขาขึ้นมา พูดว่า “ข้าจะพยุงไปห้องข้าก่อน จะได้ไม่ลำบากเตียงของจิ่งฝาน”
จิ่งจื่อ “้าให้ข้าช่วยหรือไม่?”
อ๋าวหรานส่ายศีรษะ “คนเดียวเอง และก็ไม่ได้หนักเท่าไร”
ตอนนี้อ๋าวหรานพักอยู่ในเรือนเดียวกับจิ่งฝาน ห้องห่างกันไม่มาก หลังจากวางคนลงบนเตียงแล้ว ถึงเพิ่งรู้ว่าใต้ตาเหยียนเฟิงเกอดำคล้ำ บนหน้าก็มีหนวดขึ้น ขมวดคิ้วแน่นเข้าด้วยกัน ชุดสีดำของเขาก็ขาดวิ่น ถึงแม้จะมีสีดำปิดไว้ แต่ก็ยังมองเห็นรอยเื เืบางจุดก็แข็งจนเกือบจะตกสะเก็ดแล้ว อ๋าวหรานช่วยเขาถอดเสื้อตัวนอก เหลือไว้แค่เสื้อตัวใน ชุดด้านในสีขาวนั้นมีรอยเืเต็มไปหมด บางอันก็เป็สีดำไปแล้ว เห็นเด่นชัดมาก
อ๋าวหรานคาดว่ารอยเก่าๆ คือาเ็มานานแล้ว รอยใหม่ๆ น่าจะมาได้แผลเอาที่ตระกูลจิ่งนี่แหละ
อ๋าวหรานกลัวว่าเขาตื่นมาแล้วจะไม่มีเสื้อผ้าใส่ จึงหยิบชุดตนเองมาชุดหนึ่งวางไว้ที่หัวเตียง รูปร่างของคนคนนี้กำยำกว่าเขา เสื้อผ้าของเขาเล็กเกินไป อีกเดี๋ยวคงต้องไปขอยืมจิ่งฝานมาสักสองชุด
จัดการเขาเรียบร้อย อ๋าวหรานก็ออกมานอกห้อง พอดีเจอเข้ากับเด็กรับใช้ที่เคยเย็บย่ามให้เขา เด็กสาวคนนั้นพอเห็นอ๋าวหรานก็ประสานมือคาราวะ ยิ้มสดใสพูดว่า “คุณชายอ๋าว ท่านกลับมาแล้ว”
อ๋าวหรานยิ้มแล้วพยักหน้า “เพิ่งมาถึง”
เด็กสาวพูดต่อไปว่า “ย่ามที่ท่าน้าข้าเย็บให้เสร็จแล้ว เดี๋ยวจะเอามาให้นะเ้าคะ”
อ๋าวหรานรีบพยักหน้าบอกขอบคุณ “ขอบใจเ้ามาก ทำให้เ้าลำบากแล้ว”
เด็กสาวส่ายหน้าติดๆ กัน บอกแค่ว่าไม่ลำบาก
“อยากจะขออีกเื่หนึ่ง” เห็นเด็กสาวพยักหน้า อ๋าวหรานยิ้มตอบว่า “ศิษย์พี่ข้าาเ็ นอนอยู่ในห้อง รบกวนเ้าช่วยดูแลหน่อย ไม่ต้องทำอันใดมาก ถ้าหากเขาตื่นแล้ว เ้าไปที่ที่พักจิ่งฝานบอกข้าสักคำหนึ่ง แล้วก็เตรียมน้ำให้เขาถังหนึ่ง ให้เขาอาบน้ำ”
เด็กสาวพยักหน้าติดกัน ตอบรับว่าได้เ้าค่ะ
ตอนที่มาถึงห้องของจิ่งฝาน อาหารก็ถูกยกขึ้นมาแล้ว อ๋าวหรานรู้สึกกินไม่ลงอยู่บ้าง จิ่งเซียงคีบกับข้าวให้เขา บอกให้เขากินมากหน่อย
จิ่งจื่อกินไปถามไป “ศิษย์พี่เ้า ตอนนั้น...ไม่ได้อยู่กับพวกเ้าหรือ?”
อ๋าวหรานส่ายหน้า “เปล่า ตอนนั้นพ่อข้าส่งเขาไปฝึกฝนพอดี เขามีนิสัยนิ่งเงียบ เื่อื่นทำได้ดีมาตลอด แต่เื่ประสบการณ์การจัดการ เื่ผู้คนอะไรพวกนี้แย่อยู่สักหน่อย พ่อข้าอยากให้เขาออกไปเผชิญโลกบ้าง”
จิ่งเซียงกัดตะเกียบถอนหายใจว่า “เขาคงจะโทษตัวเองมากสินะ ที่ไม่ได้คอยอยู่ปกป้องพวกเ้า”
อ๋าวหรานพยักหน้า
ในนิยายต้นฉบับ เหยียนเฟิงเกอแทบจะเอาชีวิตเข้าแลกรีบรุดเดินทางมาตระกูลจิ่ง แต่กลับถูกอ๋าวหรานตบแรงๆ ไปหนึ่งที ด่าว่าเขาไร้น้ำใจ เลี้ยงไม่เชื่องตอนที่ครอบครัวอ๋าวหรานประสบเคราะห์ เขากลับไปท่องเที่ยวอยู่ด้านนอก ตอนนี้ตระกูลอ๋าวจบสิ้นแล้ว เขายังกลับมาทำไมอีก เสร็จแล้วก็ยังด่าว่าเขาควรจะไปตายเป็เพื่อนคนตระกูลอ๋าว ไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ไม่คู่ควรกับความเมตตาที่พ่อเขามีให้
เหยียนเฟิงเกอเดิมก็โทษตัวเองเื่นี้อยู่แล้ว คำพูดเหล่านี้ของอ๋าวหรานก็ราวกับย้ายูเามาทับเขาไว้ เขาเองก็เคยคิดจะตายตามพ่อบุญธรรมไป แต่กลับไม่อาจไม่มีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเขาต้องหาตัวคนร้ายให้เจอ เพื่อล้างแค้น อีกทั้ง เขายังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องอ๋าวหราน เพราะนี่คือสายเืเดียวของหมู่บ้านสกุลอ๋าวที่ยังเหลืออยู่
ไม่พูดเื่น่าหนักใจในนิยายต้นฉบับ อ๋าวหรานกินข้าวในชามหมดอย่างรวดเร็ว “ข้าไปดูหน่อยว่าเขาตื่นหรือยัง”
จิ่งเซียงเห็นเขาเป็ห่วงเหยียนเฟิงเกอ ก็กังวลเล็กน้อยว่า “อ๋าวหราน เ้าชอบพี่ข้ามากกว่า หรือว่าชอบศิษย์พี่เ้ามากกว่ากัน”
เท้าของอ๋าวหรานที่เพิ่งยกขึ้นชะงักไป ยิ้มแยกเขี้ยวอย่างโมโห “เทียบกับพวกเขาแล้ว ข้าชอบเ้ามากกว่าอยู่สักหน่อย ข้าไม่อยากแต่งกับพวกเขา แต่งเ้าได้หรือไม่?”
จิ่งเซียงลังเลอยู่พักหนึ่ง “อ๋าวหราน...ข้าถือเ้าเป็พี่ชาย เ้าเป็คนดี”
เยี่ยม ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าเป็คนดี อ๋าวหรานกัดฟัน “ข้าก็นับถือจิ่งฝานเป็พี่ชาย เขาก็เป็คนดี”
จิ่งเซียง “......”
หลังจากอ๋าวหรานจากไป จิ่งเซียงมีสีหน้าเป็ทุกข์มองจิ่งฝาน “ท่านพี่ ภรรยาท่านจะหนีไปกับคนอื่นแล้ว ทำอย่างไรดี?”
จิ่งจื่อกลั้นหัวเราะจนเจ็บหน้าอกไปหมด
จิ่งฝานกินข้าวไปคำหนึ่ง ค่อยๆ เคี้ยว “พวกเ้าสองคนเดี๋ยวคัดคัมภีร์ ‘ตำรับยาโอสถ’ จากความจำของตัวเองมาคนละรอบ”
จิ่งเซียง “!!!”
จิ่งจื่อ “......”
จิ่งฝานหยุดไปนิดหนึ่งแล้วเสริมต่อว่า “คัดในห้องหนังสือของข้า”
จิ่งเซียงพูดอย่างร้อนรน “ท่านพี่...”
จิ่งจื่อหัวเราะอย่างโศกเศร้า “ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
จิ่งฝานทำเป็ไม่ได้ยิน กินเงียบๆ จนหมดข้าวในชาม แล้วก็ไปห้องหนังสือ ก่อนจากไปยังกำชับพวกเขาว่าให้รีบตามไปให้เร็วที่สุด
อ๋าวหรานกลับห้อง เหยียนเฟิงเกอยังไม่ตื่น คิ้วยังขมวดกันอยู่ ยังดูเป็ทุกข์อย่างมาก อ๋าวหรานคิดว่าต้องแนะนำเขาสักหน่อย ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงจะเป็เหมือนในนิยายต้นฉบับ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนอาวุธน้ำแข็งไร้จิตใจ
นั่งในห้องอยู่เป็นาน ก็ไม่เห็นว่าเหยียนเฟิงเกอจะตื่นขึ้นมา อ๋าวหรานคาดว่าเขาคงจะเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้ว ตัวเองรอไปก็ไม่มีความหมาย ไม่สู้ไปหาอะไรทำดีกว่า ดังนั้นจึงให้เด็กสาวคนนั้นเอาย่ามที่เย็บให้เขาเสร็จแล้วมาให้
เก็บปากกากับสมุดเรียบร้อย เด็กคนนั้นก็เอาย่ามเข้ามา ตอนที่อ๋าวหรานเห็นย่ามใบนั้น ก็ตะลึงค้างไป เขาแค่วาดแบบร่างคร่าวๆ ส่งให้เด็กสาวคนนี้ เดิมทีก็ไม่ได้อยากได้ที่สวยงามนัก แค่ใส่ของได้ก็พอ แต่เด็กคนนี้กลับทำออกมาได้เหมือนกระเป๋าสะพายข้างในยุคปัจจุบัน ้ายังปักลายใบไผ่ลงไปด้วย สวยมากอย่างยิ่ง อ๋าวหรานรู้สึกว่าหญิงสาวในยุคโบราณนี้ฝีมือดีเป็อย่างยิ่ง
เด็กสาวคนนั้นเองก็มองออกว่าอ๋าวหรานชอบ ยิ้มอย่างดีใจ “เดิมทีคุณชายจะรีบใช้ ข้าเลยทำแบบลวกๆ สองวันนี้คุณชายไม่อยู่ ข้าก็เลยเอามาแก้ใหม่”
อ๋าวหรานขอบคุณแล้วขอบคุณอีก ชมว่า “ฝีมือเ้าดีจริงๆ เกินความคาดหวังของข้าไปมาก รบกวนเ้าเกินไปแล้ว”
ได้รับคำชม สาวน้อยดีใจเป็อย่างมาก “หากคุณชาย้าอะไรอีก ก็เรียกข้าได้ทุกเวลาเลยเ้าค่ะ”
อ๋าวหรานพยักหน้า “ขอบคุณเ้ามาก ชิงโย้ว”
เด็กสาวในยิน ก็รีบเงยหน้าขึ้นทันใด “คุณ...คุณชายจำชื่อข้าได้หรือ?”
อ๋าวหรานพยักหน้า เดิมทีจิ่งเซียงแบ่งสาวใช้มาให้เขาสามคน คนรับใช้ชายสามคน เขาก็ส่งกลับไปทั้งหมด แต่การใช้ชีวิตในยุคนี้ไม่เหมือนยุคปัจจุบัน น้ำ ไฟ การติดต่อสื่อสารอะไรพวกนี้ล้วนไม่สะดวก บางครั้งจึงไม่อาจไม่ขอยืมคน พอดีเด็กรับใช้ในเรือนของจิ่งฝานมีเยอะ บางครั้งเขาก็ให้เด็กคนอื่นช่วยบ้าง เด็กรับใช้ที่ชื่อชิงโย้วนี้เหมือนจะรับผิดชอบปัดกวามเช็ดถูที่ฝั่งห้องของเขา วันนี้ที่มาหานางขอให้ทำย่ามใส่หนังสือให้ นอกจากจะถามว่านางทำงานเย็บปักถักร้อยได้หรือไม่แล้ว ยังตั้งใจถามชื่อไว้ด้วย แน่นอนว่าย่อมต้องจำได้
เด็กสาวได้รับคำยืนยัน ก็ยิ้มดีใจยิ่งกว่าเดิม
อ๋าวหรานรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย “ให้เ้าช่วยเื่พวกนี้ ทำให้เ้าเสียเวลาหรือไม่?”
ชิงโย้วรีบส่ายหน้า ”งานที่คุณชายสั่งล้วนเป็งานเล็กๆ น้อยๆ ไม่เสียเวลาเลยเ้าค่ะ”
อ๋าวหรานพยักหน้า “หากเ้ามีงานอย่างอื่นต้องทำก็บอกข้า ไม่ต้องมาเสียเวลาเพราะเื่ของข้า”
ชิงโย้วรีบพยักหน้า
มอบหมายงานให้ชิงโย้วเสร็จ อ๋าวหรานจึงไปที่ห้องหนังสือของจิ่งฝาน เมื่อไปถึงห้องหนังสือ ก็พบว่าจิ่งเซียงกับจิ่งจื่อก็อยู่ด้วย ทั้งสองคนยังเขียนอะไรอย่างขะมักเขม้น อ๋าวหรานสงสัยอย่างยิ่ง กำลังอยากจะถามอยู่พอดีว่าเหตุใดถึงได้ขยันตั้งใจกันถึงขนาดนี้ ทั้งสองก็ส่งสายต่อตัดพ้อมาให้ อ๋าวหรานรู้สึกได้ว่าควรปิดปากให้สนิทดีกว่า จะได้ไม่เกิดภัยขึ้นกับตัว
จะทำอย่างไรได้เขาไม่อยากหาปัญหา แต่ปัญหาก็เข้ามาหาเขาเอง
จิ่งฝานนั่งอยู่หน้าโต๊ะ เงยหน้ามองมาทีหนึ่ง “เ้ามาได้อย่างไร เหยียนเฟิงเกอตื่นแล้วหรือ?”
อ๋าวหรานส่ายหน้า “ยังเลย”
จิ่งฝานเงยหน้ามองเขา อ๋าวหรานจึงตอบว่า “จะอย่างไรก็ว่างอยู่ จึงมาเรียนวิชาแพทย์”
จิ่งฝานพยักหน้า ส่งเสียง อ้อ ออกมาเสียงหนึ่ง “เช่นนั้นเ้าก็ไปคัดคัมภีร์กับพวกเขาเถิด”
อ๋าวหราน “? ? ?”
อ๋าวหราน “คัมภีร์อะไร?”
จิ่งเซียงตอบคำ “ ตำรับยา “
อ๋าวหรานลังเลเล็กน้อย ถามว่า “เหตุใดต้องคัดคัมภีร์?”
จิ่งฝานไม่แม้แต่จะเงยหน้า “เพิ่มพูนความจำ พวกเขาต้องเขียนเอง ส่วนเ้าคัดลอกเอาก็พอ”
อ่าวหราน “......” เยี่ยม ถึงแม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็รู้ว่านี้เป็ปัญหาที่บินมาหาตัวเองเสียเฉยๆ
ช่างเถิด ผ่านตาพันรอบ ไม่สู้ผ่านมือรอบเดียว
อ๋าวหรานเอากระดาษ ไปนั่งรวมกับจิ่งจื่อ จิ่งเซียง เริ่มคัดคัมภีร์
“อ๋าวหราน ย่ามเ้าสวยเหลือเกิน ทำให้เป็แบบนี้ได้อย่างไร” จิ่งเซียงมองดูย่ามของอ๋าวหราน ถามอย่างสงสัยด้วยใบหน้าอิจฉา “ข้าก็อยากได้”
อ๋าวหรานยิ้มบาง “ฝันไปเถิด”
จิ่งเซียงเตะเขาไปทีหนึ่งที่ใต้โต๊ะ
จิ่งจื่อพูดเสียงเบาอยู่ข้างๆ ว่า “ย่ามเขาไม่นับเป็อันใดได้ พู่กันของเขาต่างหากที่มหัศจรรย์”
จิ่งเซียงพูดเสียงเบา “พู่กันมีอะไรน่าอัศจรรย์กัน เร็ว ให้ข้าดูหน่อย”
อ๋าวหรานหยิบพู่กันปากกาส่งให้นางดู จิ่งเซียงงง มองอะไรไม่ออกเลย จิ่งจื่อที่นั่งอยู่อีกข้างจู่ๆ ก็รู้สึกเหนือกว่าขึ้นมา แต่สีหน้ากลับเรียบเฉยสอนจิ่งเซียงว่าใช้อย่างไร
ทั้งสองเล่นกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อ๋าวหรานเตือนว่า “ระวังพี่ชายเ้าจะให้พวกเ้าคัดอีกรอบ”
จิ่งเซียงทำปากยื่น สุดท้ายจึงทำได้เพียงคัดต่อไปอย่างเงียบๆ แน่นอน เมื่อรู้ว่าอ๋าวหรานยังมีอีกหลายแท่ง พู่กันปากกานี้ก็ถูกนางยึดไว้ใช้เองแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้