โจวเฉิงรู้ดีว่า ตอนนี้ถึงเวลาสอบสวนประจำวันแล้ว
เขาวางหนังสือลงอย่างไม่เต็มใจนัก... ถ้าเมื่อก่อนเขาสนใจด้านการเรียนขนาดนี้ โจวเฉิงอาจจะไม่เป็เหมือนตอนนี้ และคงเลือกเดินในเส้นทางที่ไม่เสี่ยงอันตรายก็เป็ได้
อาชีพทั่วไปต่อให้ไม่ราบรื่น อย่างมากก็แค่ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง
ทว่าการไปสร้างผลงานที่แนวหน้ามีหรือจะปลอดภัยเท่านั่งทำงานอยู่ในอาคาร
แต่หน่วยงาน้าพวกเขา และ้าให้พวกเขาเสียสละ ทุกภารกิจล้วนต้องอุทิศตน บางเส้นทางอาจจะได้อำนาจ ประชาชนทั่วไปต่างให้การยกย่อง แต่เส้นทางที่โจวเฉิงเลือกอุทิศชีวิตตนนั้นเป็การปิดทองหลังพระ คนประเภทเดียวกับโจวเฉิงต้องรับมือกับภัยต่างๆ อยู่แนวหน้า เพื่อให้ประเทศชาติสงบเรียบร้อย แผ่นดินของเทพเ้าผืนนี้จึงจะพัฒนาเศรษฐกิจไปได้อย่างไม่สะดุด
โจวเฉิงไม่เสียใจที่เริ่มทำงานตอนอายุ 15 ปี
แต่ในขณะที่เขาเพิ่งรู้สึกสนใจความรู้ทางวัฒนธรรม กลับต้องถูกขัดจังหวะความคิดอีกครั้ง
โจวเฉิงลุกขึ้นยืนตรง “รายงานครับ! ผมไม่มีอะไรอยากพูด เื่ติดต่อกับสหายพานเป่าหัว ผมแจ้งกับทางหน่วยงานครบถ้วนหมดแล้วครับ!”
ได้ เ้าเด็กคนนี้ยังไม่ยอมอ่อนข้อสินะ สีหน้าสดใส ไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิดเลยหรืออย่างไร
ความแน่วแน่แข็งแกร่งมากจริงๆ คนอย่างโจวเฉิงถ้าไม่ใช่เพราะบริสุทธิ์ใจจนไม่กลัวการสอบสวน ก็คงเป็คนเ้าเล่ห์และร้ายกาจ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่คิดว่าตนกระทำผิดถึงดูสบายใจเช่นนี้อย่างแน่นอน
แล้วโจวเฉิงเป็แบบไหนกัน?
สายตาพิจารณาจับผิดวนเวียนอยู่ที่ใบหน้าของโจวเฉิงตลอดเวลา
“ปี 1978 คุณเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตอนอายุ 15 ปี พานเป่าหัวมีตำแหน่งสูงกว่าคุณ ปีที่สองของการทำงาน คุณขอไปปฏิบัติหน้าที่ที่แนวหน้า พานเป่าหัวก็ยังคงมีตำแหน่งสูงกว่าคุณเช่นเดิม ปี 1980 คุณได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปีถัดมาระดับตำแหน่งของคุณถูกเลื่อนขั้นจนเทียบเท่ากับพานเป่าหัว... ปี 1982 คุณย้ายกลับกรุงปักกิ่ง และได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกครั้ง ทว่าในปีเดียวกันนั้นเอง พานเป่าหัวควรได้รับการเลื่อนตำแหน่งสองขั้น แต่เพราะก่อเหตุทำร้ายผู้อื่นจนถึงขั้นพิการจึงต้องถูกปลดประจำการก่อนเวลาอันควร หลังพานเป่าหัวออกจากกองทัพ เขาไม่ได้มารายงานตัวยังหน่วยงานที่ทางเราจัดหาให้ ทว่ากลับรวบรวมพรรคพวกเดินทางลงใต้ คนพวกนี้ก็เหมือนคุณที่เคยสนิทสนมกับพานเป่าหัว อีกอย่างเขาคือหัวหน้าเก่าของพวกคุณ คุณยังจะบอกอีกหรือว่าคุณกับเขาไม่ได้มีการติดต่อกัน? โจวเฉิง ต้องให้ผมเอาหลักฐานทุกอย่างมากองตรงหน้าคุณ คุณถึงจะยอมรับใช่ไหม?!”
โจวเฉิงสีหน้าเรียบเฉย “ผมกับสหายพานเป่าหัวติดต่อกันจริง แต่เป็การไปมาหาสู่กันระหว่างเพื่อนเก่าทั่วไป เื่นี้ผมรายงานกับทางหน่วยงานอย่างละเอียดแล้ว ผมติดต่อกับเขาครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะถูกส่งมาเรียนที่วิทยาลัยทหารบก และยิ่งไม่มีทางรู้ว่าทางสถาบันจะส่งพวกผมไปจับแก๊งค้าของเถื่อนที่มณฑลิ่ แล้วผมจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสหายพานเป่าหัวได้อย่างไรครับ! อีกทั้งสหายพานเป่าหัวเองก็ไม่มีทางกระทำเื่ผิดกฎหมายภายในอาณาเขตชายฝั่งของประเทศเรา... จบการรายงานครับ!”
คำถามในแต่ละวันนั้นคล้ายกันมาก ราวกับ้าหาช่องโหว่ในคำพูดของโจวเฉิง พยายามสร้างแรงกดดันทางด้านจิตใจให้โจวเฉิงทนไม่ไหว
โจวเฉิงไม่เคยปฏิเสธเื่การติดต่อกับพานเป่าหัว
เขารู้ว่าหากเบื้องบน้าสืบย่อมสามารถสืบจนรู้ได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้โจวเฉิงรู้สึกโชคดีที่ตนไม่เคยโลภอยากได้ผลประโยชน์ เขาทำตามคำสั่งสอนของบิดาอย่างโจวกั๋วปิน ธุรกิจค้าบุหรี่นั้นเป็การกระทำที่ผิดกฎข้อบังคับ และตอนนี้เขาเลิกทำธุรกิจนั้นแล้วอย่างขาวสะอาด แม้แต่คังเหว่ยเองก็วางมือแล้วเช่นกัน
ต่อให้เบื้องบนรู้เื่ที่เขาเคยขายบุหรี่เขาก็ไม่คิดปฏิเสธ เพราะถึงอย่างไรนั่นก็เป็เื่ที่เขาทำจริง มันไม่ถึงกับผิดกฎหมายแต่มันคือการกระทำที่ผิดกฎระเบียบ จะลงโทษอย่างไรโจวเฉิงย่อมยินดียอมรับผลที่จะตามมา ทว่าเื่ที่ตนไม่เคยทำ โจวเฉิงไม่มีทางยอมรับ พี่พานซานไม่ใช่อาชญากรค้าของเถื่อน และเขาก็ไม่เคยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับใคร
ปากของโจวเฉิงปิดสนิทมาก ผู้ตรวจสอบนั้นรู้ดี
สิ่งที่โจวเฉิงพูดตรงกับข้อเท็จจริงทุกอย่างที่สืบมาได้ ครั้งล่าสุดที่พวกเขาติดต่อกันคือ่เดือนพฤศจิกายนจริง และแม้โจวเฉิงจะรู้ว่าตนต้องเข้าเรียนที่วิทยาลัยทหารบก แต่เขาไม่มีทางรู้ว่าทางวิทยาลัยจะส่งไปปฏิบัติภารกิจที่ไหน
อย่างไรก็ตามเื่นี้ไม่อาจอธิบายได้ว่าโจวเฉิงเป็ผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่พานเป่าหัวยังไม่พ้นข้อสงสัย โจวเฉิงก็ยังึงไว้ใจไม่ได้ ระหว่างการเดินทางหรือหลังถึงมณฑลิ่ โจวเฉิงอาจจะติดต่อกับพานเป่าหัวด้วยวิธีการบางอย่างก็เป็ได้ เพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็เคยออกรบที่แนวหน้าด้วยกัน มีมิตรภาพที่แน่นแฟ้น และมีความสามารถในการสังเกตการณ์ชั้นเลิศ!
พานเป่าหัวติดอันดับต้นๆ ของการทดสอบทุกปี แม้จะอัธยาศัยไม่ดีแต่ก็ได้เลื่อนขั้น นั่นเพราะเขามีความสามารถอย่างแท้จริง
ความสามารถองค์รวมของโจวเฉิงเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน อายุยังน้อยแต่สามารถเลื่อนมาอยู่ตำแหน่งนี้ได้ จะบอกว่าอาศัยหน้าตาอันหล่อเหลาอย่างเดียวคงไม่ใช่
คนสองคนที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ เมื่อรวมตัวกันย่อมมีพลังทำลายล้างสูง
พานเป่าหัวทำลายอนาคตของตัวเองไปแล้ว แต่โจวเฉิงยังเด็ก พวกเขายังพอช่วยได้
การกักตัวเพื่อสอบสวนเป็การตั้งข้อสงสัยในตัวโจวเฉิง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็การปกป้องโจวเฉิงด้วยเช่นกัน หากเด็กหนุ่มผู้นี้เผลอเดินเข้าสู่เส้นทางที่มิชอบมิควร ก่อนที่เขาจะถลำลึกลงไปกว่านี้ หน่วยงานยังพอสามารถดึงเขากลับมาได้
“เดือนพฤศจิกายน คุณติดต่อกับพานเป่าหัวทำไม”
“ติดต่อเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบตามปกติครับ ผมไม่สามารถลางานได้ ดังนั้นจึงมีเื่ให้สหายพานเป่าหัวช่วยเหลือเลยติดต่อเขาครับ”
สาเหตุของการติดต่อก็บอกไปหมดแล้ว ว่าขอให้พานเป่าหัวไปช่วยเหลือแฟนสาวของตน
โจวเฉิงต้องเคารพกฎระเบียบ วันลามีไม่พอ ทว่าแฟนสาวกลับมีเื่้าความช่วยเหลือ โจวเฉิงจึงขอให้อดีตเพื่อนร่วมงานอย่างพานเป่าหัวช่วยแทน ตรรกะนี้สมเหตุสมผลยิ่งนัก ถ้าอดีตเพื่อนร่วมงานที่เขาขอความช่วยเหลือไม่ได้ทำเื่ผิดกฎหมาย โจวเฉิงย่อมไม่เดือดร้อน
โจวเฉิงให้ความร่วมมือกับการสอบสวนเป็อย่างดี ถามอะไรก็ตอบตามความจริง ทว่าคนอื่นกลับคิดว่าเขากำลังต่อต้านอย่างอ้อมๆ
เมื่อถามว่าตอนนี้พานเป่าหัวทำงานอะไร โจวเฉิงก็ตอบกลับไปว่าไม่รู้ และบอกว่าตนประจำการอยู่ที่หน่วยงาน ติดต่อพานเป่าหัวแต่ละครั้งอยู่ด้วยกันได้ไม่นานนัก จึงไม่รู้รายละเอียดชีวิตของอีกฝ่าย
โจวเฉิงไม่ได้โกหก เขาประจำอยู่ที่หน่วยงานระยะยาวจริงๆ
แต่ฤดูร้อนของปีที่แล้ว โจวเฉิงเคยมีวันหยุดยาว หากไม่ได้อยู่ปักกิ่งนานขนาดนั้น โจวเฉิงจะอยู่กับใครถ้าไม่ใช่พานเป่าหัว?
“ขอรายงานครับ...”
“เข้ามา!”
ยืนตรงทำความเคารพ สองมือส่งมอบเอกสาร
“ท่านผู้ตรวจสอบ สหายพานเป่าหัวมิเคยทำกิจกรรมลักลอบค้าของเถื่อน และสหายโจวเฉิงมิเคยแพร่งพรายข้อมูลของทางการ... ด้วยเหตุนี้ การกักตัวเพื่อสอบสวนของสหายโจวเฉิงจึงเป็อันสิ้นสุดครับ”
ตราประทับสีแดงสดบนเอกสาร ทำเอาผู้ตรวจสอบอ้าปากค้าง
เขาขมวดคิ้วมุ่นราวกับรู้สึกไม่พอใจ
“โจวเฉิง การกักตัวเพื่อสอบสวนจบลงแล้ว ั้แ่วันนี้คุณกลับเข้ากองได้!”
การสอบสวนเริ่มต้นอย่างกะทันหัน และสิ้นสุดลงอย่างกะทันหันเช่นกัน ราวกับเบื้องบนเป็คนส่งเอกสารลงมาโดยตรง โจวเฉิงเองก็รู้สึกงุนงงไม่ต่างกัน เขาทำความเคารพ เก็บข้าวของของตน จากนั้นก็ออกจากสถานที่กักตัวที่ตนอาศัยอยู่ระยะหนึ่งทันที
หลังเขาออกไป ผู้ตรวจสอบก็โยนเอกสารลงบนโต๊ะอย่างแรง
“ไปวิ่งเต้นกับเบื้องบนอีท่าไหน จู่ๆ ก็ไม่ต้องถูกสอบสวนแล้ว!”
“ระวังคำพูดด้วยครับ! อย่าสงสัยในการตัดสินใจของเบื้องบน คุณมีอคติที่ฝังรากลึกกับพานเป่าหัว อย่างไรก็ตามสหายที่มีความสามารถเช่นนั้น ไม่ไปเป็อาชญากรค้าของเถื่อนถือเป็เื่ดีนะครับ!”
จากวีรบุรุษกลายเป็อาชญากร เื่แบบนี้ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเห็น
โดยเฉพาะวีรบุรุษในวันวาน หากหลังปลดประจำการแล้วไปเข้าร่วมกับพวกอาชญากร นั่นถือเป็การทำให้กองทัพเสื่อมเสียชื่อเสียงมิใช่หรือ?
พานเป่าหัวไม่ได้ค้าของเถื่อนคือบทสรุปที่ดีที่สุด ขณะเดียวกันบทสรุปนี้ก็ทำให้สามารถปกป้องทหารหนุ่มมากความสามารถอย่างโจวเฉิงเอาไว้ได้!
แม้จะพูดเช่นนั้นแต่ในใจก็ยังไม่คลายความสงสัย คำสั่งถูกส่งมาอย่างกะทันหันเกินไป อีกทั้งก่อนหน้านี้มีหลักฐานมากมายที่ยืนยันว่าพานเป่าหัวทำกิจกรรมน่าสงสัยบางอย่างอยู่ทางต้ ทว่าไม่ทันไรก็บอกว่าพานเป่าหัวไม่ได้ทำเื่ผิดกฎหมาย นี่มันผิดปกติเกินไป
ตกลงเป็ใครกันแน่ที่ไม่ยอมให้พวกเขาสอบสวนโจวเฉิงต่อไป?
ที่ห้ามสืบอาจจะไม่ใช่เพราะโจวเฉิง แต่เป็พานเป่าหัว... หรือว่าการปลดประจำการก่อนเวลาของพานเป่าหัว จะเกี่ยวข้องกับองค์กรลับอื่น?