ในมือของเธออุ้มหินที่ภายนอกเป็สีดำอยู่ หินก้อนนี้ดูไม่น่าสนใจเลยสักนิด หลินเยว่เหลือบมองเพียงแวบเดียวก็มองออกว่าหินก้อนนั้นคือหินหยกก้อนหนึ่ง เพียงแต่ว่าลักษณะภายนอกดูแย่มากเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าหรงเล่อเซวียนก็มีขายเครื่องประดับที่ทำจากหยก แต่ทว่าร้านนี้จะขายภาพวาดพู่กันและวัตถุโบราณมากกว่า หากเป็ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับหยกอาจจะรับซื้ออยู่บ้าง แต่จะไม่มีการรับซื้อหินหยกเลย ส่วนร้านหินหยกของหรงเล่อเซวียนไม่ได้ตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้ แต่จะตั้งอยู่ในคุนิส่วนที่มีความเจริญมากกว่าที่นี่ และที่นั่นจะมีการรับซื้อหินหยกด้วย
หลินเยว่มีสีหน้าลำบากใจ เขาถามสาวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ทำไมน้องถึง้าขายหินก้อนนี้ด้วยล่ะ?”
สาวน้อยรู้สึกตกประหม่า เธอเหลือบมองหลินเยว่ชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงพูดตอบเสียงเบา “เพราะคุณย่าไม่สบาย บ้านของหนูไม่มีเงินรักษาคุณย่า พวกเขาบอกว่าหินก้อนนี้มีมูลค่า หนูก็เลยอุ้มมันออกมาขาย แต่คุณอาที่อยู่ด้านนอกบอกว่ามันไม่มีมูลค่า ไม่มีใครซื้อหรอก หนูก็เลยลองมาที่นี่ หากที่นี่ไม่รับซื้อ หนูก็จะกลับแล้วค่ะ”
ระหว่างที่พูด ดวงตาของสาวน้อยก็เริ่มแดงขึ้น
หลินเยว่ได้แต่แอบถอนหายใจอย่างเงียบๆ สาวน้อยที่เด็กขนาดนี้ยังมีความเป็ผู้ใหญ่รู้จักคิด ช่างหาได้ยากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เธอรู้จักกตัญญูต่อคุณย่าของตัวเองช่างเป็เื่ที่น่าชื่นชมยิ่งนัก
หลินเยว่เดินออกมาจากตรงเคาน์เตอร์ เขาถามสาวน้อยอย่างอ่อนโยน “คุณย่าของหนูป่วยเป็อะไรหรือ?”
“พวกเขาบอกว่าเป็โรคเืออกในสมองเฉียบพลัน จำเป็ต้องใช้เงินจำนวนมาก” น้ำตาของสาวน้อยพลันเอ่อล้นออกมาและไหลไปตามโครงหน้าอันงดงามของเธอจนสุดท้ายก็หยดลงบนมือของเธอที่กำลังอุ้มหินหยกไว้อยู่
สีหน้าของหลินเยว่แสดงความสงสารอยู่ชั่วครู่ เขายกมือขึ้นรับหินหยกที่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับตัวของสาวน้อยคนนี้ ขณะที่หินหยกตกอยู่ในมือของหลินเยว่ เขารู้สึกได้ทันทีว่าหินหยกก้อนนี้น่าจะมีน้ำหนักประมาณ 3 - 4 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักขนาดนี้ถือว่าหนักมากสำหรับสาวน้อยเบื้องหน้าคนนี้ และเป็ไปตามคาด เขาเห็นรอยแดงๆ บนมือของสาวน้อยผู้นี้จริงๆ
สาวน้อยผู้บอบบางคนนี้คงจะอุ้มหินหยกออกเดินเป็ระยะทางที่ไกลมากอย่างแน่นอน
เพื่อคุณย่าของตัวเอง ร่างที่ผอมบางของเธอจะต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้......
หลินเยว่แอบถอนหายใจอย่างเงียบๆ เขายกมือขึ้นช่วยสาวน้อยเช็ดน้ำตา “ไม่ร้องไห้นะ บอกพี่สิ คุณย่าของหนูนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลต้องใช้เงินจำนวนเท่าไร?”
“พวกเขาบอกว่าต้องใช้เงินหนึ่งแสนกว่าหยวน คุณพ่อคุณแม่ของหนูหาเงินเยอะขนาดนี้ไม่ไหว ก็เลยทะเลาะกันทั้งวัน......” ระหว่างที่พูด สาวน้อยก็ร้องไห้เสียงดังมากขึ้น
หลินเยว่รีบปลอบสาวน้อย ผ่านไปนานพอสมควรน้ำตาของสาวน้อยจึงไม่ได้ไหลรินออกมาอีก
“หนูชื่ออะไรหรือ?” รอจนกระทั่งสาวน้อยเลิกร้องไห้แล้ว หลินเยว่จึงถามขึ้น
“อีหราน ิอีหราน” เสียงตอบของสาวน้อยกังวานสดใส หลังจากนั้นเธอจึงใช้ดวงตาคู่โตที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์มองหลินเยว่พร้อมถามขึ้น “พี่ชาย ที่นี่้าหินแบบนี้หรือเปล่าคะ”
หลินเยว่มองดวงตาคู่โตของิอีหราน เขาจึงต้องกลืนคำว่า “ไม่รับ” สองพยางค์นี้กลับลงไป หลังจากนั้นเขาจึงส่งยิ้มสดใสราวกับแสงอาทิตย์ออกมา และพูดขึ้น “รับสิ ที่นี่รับหินแบบนี้ด้วย”
“จริงหรือคะ?!”
ิอีหรานร้องอุทานอย่างประหลาดใจ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“จริงสิ เป็เื่จริงแน่นอน” หลินเยว่ตอบรับอย่างหนักแน่น
เขาได้แอบตัดสินใจไว้ในใจแล้วว่าถึงหรงเล่อเซวียนจะไม่รับซื้อหินหยกก้อนนี้ แต่ตัวเขาเองจะรับซื้อไว้เอง ถึงแม้ว่าหินหยกก้อนนี้จะมีสภาพภายนอกดูไม่ดีนัก แต่ทว่าจิตใจกตัญญูรู้คุณของสาวน้อยทำให้เขารู้สึกเห็นใจ หากภายในหินหยกก้อนนี้ไม่มีหยกจริงๆ ก็ให้ถือว่าเขาได้ช่วยคุณย่าของสาวน้อยผู้หนึ่งอีกแรงก็แล้วกัน
ณ เวลานี้เอง ท่านเฮ่อฉางเหอก็เดินเข้ามาในหรงเล่อเซวียน และข้างกายของท่านก็มีเฮ่อหลันเยว่สาวน้อยตัวแสบที่ทำให้หลินเยว่ปวดหัวได้ทั้งที่พวกเขาเพิ่งเคยเจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เมื่อคุณปู่และหลานสาวคู่นี้เห็นหลินเยว่อยู่กับสาวน้อยที่แสนน่ารักคนหนึ่ง พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจมาก
“ท่านเฮ่อ ท่านมาแล้ว” หลินเยว่ลุกขึ้นยืนทักทายพร้อมพูดขึ้น ในเวลาเดียวกันเขาก็ทักทายเฮ่อหลันเยว่ด้วยเช่นกัน “เยว่เยว่ สวัสดีครับ”
ท่านเฮ่อฉางเหอส่งยิ้มเล็กน้อยพร้อมพยักหน้า ส่วนเฮ่อหลันเยว่กลับะโเสียงหวาน “พี่หลินเยว่ สวัสดีค่ะ”
ิอีหรานเห็นว่าหลินเยว่ทักทายพวกเขาทั้งสอง เธอจึงทักทายตามเช่นกัน “สวัสดีค่ะคุณปู่ สวัสดีค่ะพี่สาว”
“อืม สวัสดี” ท่านเฮ่อฉางเหอส่งยิ้มพร้อมทักทายกลับ
“น้องสาวตัวเล็กน่ารักจัง!” เฮ่อหลันเยว่ร้องอุทานอย่างดีใจ เธอแยกตัวออกมาจากคุณปู่ของตัวเองแล้ววิ่งเขาไปหาิอีหรานทันที
เพียงไม่นาน สาวน้อยทั้งสองคนก็กลายเป็เพื่อนที่ดูคุ้นเคยสนิทสนมกันทันที พวกเธอเล่นกันอย่างมีความสุข
ท่านเฮ่อฉางเหอเดินเข้าไปหาหลินเยว่พร้อมถามขึ้น “สาวน้อยผู้นี้เป็ใครหรือ?”
“เธอชื่อิอีหรานครับ” หลังจากนั้นหลินเยว่ก็เล่าเื่ราวทั้งหมดให้ท่านเฮ่อฉางเหอฟัง
ท่านเฮ่อฉางเหอมองหินหยกที่วางอยู่บนพื้น หลังจากนั้นจึงหันไปมองสาวน้อยผู้นั้น และหันกลับมาพูดกับหลินเยว่เสียงต่ำ “ร้านนี้ของพวกเราไม่รับหินหยกนะ และตอนนี้ผมก็ไม่ได้เข้าไปดูแลหินหยกอีกแล้ว เฮ่อโย่วจ้างเป็ผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับหินหยกทั้งหมด”
“ผมรู้ครับ แต่ผมอยากจะรับซื้อหินหยกก้อนนี้ไว้อยู่ดีครับ” หลินเยว่พูดตอบ
“คุณ?” ท่านเฮ่อฉางเหอมองหลินเยว่ด้วยสายตาประหลาดใจ หลังจากนั้นท่านจึงครุ่นคิดชั่วครู่แล้วถามขึ้น “หินหยกก้อนนี้ลักษณะภายนอกดูไม่ดีเลย ไม่มีดอกสน ไม่มีลายเส้นงูเหลือม คุณคิดอยากช่วยสาวน้อยคนนี้ก็เลยรับซื้อหินหยกก้อนนี้ไว้เพื่อจะใช้โอกาสนี้มอบเงินให้เธอใช่ไหม?”
หลินเยว่ได้แต่หัวเราะแหะๆ เขาไม่ได้ตอบรับและก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธ
ท่านเฮ่อฉางเหอมองหลินเยว่อย่างอ่อนใจหลังจากนั้นจึงพูดต่อ “คุณใจอ่อนเกินไปจริงๆ ไม่ว่าจะเป็วงการพนันหินหยกหรือวงการวัตถุโบราณก็ตาม ทั้งสองวงการนี้ล้วนเป็วงการที่ขูดเืขูดเนื้อและเอารัดเอาเปรียบกัน จะมีคนที่สามารถทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินทั้งนั้น คนที่อาศัยความสงสารและเห็นอกเห็นใจจากคนอื่นก็มีอยู่ไม่น้อย ผมเห็นจนไม่รู้สึกแปลกใหม่อีกแล้ว ผมจำได้ว่ามีอยู่คนหนึ่งก็เผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายกับเหตุการณ์ในตอนนี้ และก็เป็เพราะความใจอ่อนและการเป็คนมีจิตใจดีของคนผู้นั้นทำให้เขาถูกหลอกจนต้องล้มละลาย คุณต้องระวังตัวหน่อยนะ เื่นี้ผมคงดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถจัดการได้ดี”
ไม่ว่าจะเป็การหลอกลวงหรือไม่ก็ตาม ท่านเฮ่อฉางเหอก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจของหลินเยว่เลย เพราะหากเป็เพียงการหลอกลวงจริงๆ ก็ถือว่าเป็บทเรียนอันโหดร้ายและััได้จริงที่สำคัญที่สุดของหลินเยว่ ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงจิตใจของมนุษย์อันสกปรกโสมม ตอนนี้เขายังหนุ่มอยู่ ยังมีโอกาสสร้างตัวได้อีก แต่หากไม่ใช่การหลอกลวง ความใจดีของหลินเยว่ก็สามารถช่วยสาวน้อยผู้นี้ได้ มันก็เป็เื่ที่น่ายินดีเช่นกัน
หลินเยว่ได้ยินคำพูดของท่านเฮ่อฉางเหอ เขาก็ตะลึงไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาจึงหันไปมองิอีหรานที่กำลังเล่นหินหยกที่วางอยู่บนพื้นกับเฮ่อหลันเยว่อย่างร่าเริง พร้อมพูดขึ้น “นี่คงไม่ใช่การหลอกลวงหรอกครับ เพราะหาก้าหลอกจริงๆ แล้วทำไมต้องมาหลอกถึงที่หรงเล่อเซวียนด้วยครับ ท่านคงไม่ลืมว่าท่านเป็ถึงปรมาจารย์แห่งหยกเลยนะ ใครจะกล้ามาท้าทายก่อเื่ในพื้นที่ของท่านล่ะครับ แต่หากมีจริงๆ คนผู้นั้นคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะ”
“ฮ่าๆ......” เมื่อได้ยินคำพูดยกยอปอปั้นของลูกศิษย์ที่เขาสอนมาเองกับมือ ท่านเฮ่อฉางเหอก็รู้สึกพึงพอใจมากอยู่เหมือนกัน
“แล้วก็หากเป็การหลอกลวงจริงๆ แล้วทำไมถึงได้เอาหินหยกที่ลักษณะภายนอกแย่ขนาดนี้มาด้วยล่ะครับ อย่างน้อยก็น่าจะเลือกก้อนที่มีสีเขียว มีดอกสน หรือไม่ก็มีลายเส้นงูเหลือมก็น่าจะดีเสียกว่า”
เมื่อหลินเยว่คิดตามเหตุผลที่เขากล่าวมา เขาก็มั่นใจว่าครั้งนี้ไม่น่าจะเป็การจัดฉากหลอกลวงได้เลย หากทำให้เขาเชื่อว่าสาวน้อยที่น่ารักบริสุทธิ์คนนี้เป็คนหลอกลวง เขาคิดว่ามันน่าจะยากกว่าการที่เขาเหาะขึ้นไปบน์เสียอีก
ท่านเฮ่อฉางเหอไม่ได้พูดอะไรอีก ท่านมองหลินเยว่ด้วยสายตาคมลึกและคิดในใจ “การโกหกหลอกลวงสามารถทำให้คนอื่นหลงเชื่อได้นั้นเป็เพราะคนเ่าั้ใช้ประโยชน์จากจิตใจของคนอื่น หินหยกดีหรือไม่ดีไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งสำคัญก็คือคุณมีจิตใจเมตตาเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีเพียงคนที่มีจิตใจเมตตาเหล่านี้ถึงจะหลงเชื่อเื่ราวต่างๆ ได้ง่าย เขาหวังว่าหลินเยว่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง”
หลินเยว่เดินไปยังข้างๆ เฮ่อหลันเยว่และิอีหรานพร้อมพูดขึ้น “ขอผมดูหินหยกก้อนนี้ได้ไหม?”