ฉินอวี่ที่เต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้น ได้วิ่งอย่างบ้าคลั่งไปตลอดทาง หลังจากสอบถามทางจากศิษย์สองสามคน เขาก็มาถึงหอร้อยสมบัติ
หอร้อยสมบัติเป็สถานที่สำหรับแลกเปลี่ยนแต้มสนับสนุนของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง ไม่มีใครล่วงรู้ว่าในหอร้อยสมบัติแห่งนี้มีสิ่งของอยู่จำนวนเท่าไร แต่ศิษย์ส่วนใหญ่ล้วนมาแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเอง้าไปจากที่นี่ได้ และแน่นอน ผู้จะแลกเปลี่ยนได้จะต้องมีแต้มสนับสนุนเพียงพอ
ขณะกำลังต่อแถวอยู่นั้น ฉินอวี่ก็ก้มมองป้ายคำสั่งที่อยู่ในมือ จึงพบว่า ป้ายคำสั่งแผ่นนี้มีความใกล้คียงกับของที่อาจารย์ให้เอาไว้ ด้านหน้าเป็รูปอักษร “เลี่ย” อย่างชัดเจนงดงาม และด้านหลังเป็รูปของศาลาแห่งหนึ่งที่รายล้อมด้วยูเา
จากนั้น ฉินอวี่ก็มองไปยังแผ่นหนังสัตว์อสูรอีกครั้ง จึงพบว่า หนังสัตว์ผืนนี้มีรายชื่อวัตถุดิบยาเรียงรายอยู่เป็จำนวนมาก ฉินอวี่จึงอ่านดูอย่างละเอียด
หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของฉินอวี่ก็ดูแปลกไป
“หญ้ากระบี่หยางวิสุทธิ์!”
“ไผ่หยกเขียว”
“ดอกบัวม่วง”
เมื่อไม่ทันมองก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ใส่ใจ เมื่อได้มองเพียงนิดเดียวฉินอวี่ก็ต้องใ
“นี่้าจะปรุงโอสถทลายแก่นพลังระดับแปดหรือ?”
“โอสถทลายแก่นพลัง? คนผู้นั้นไปเคียดแค้นใครมากถึงเพียงนี้? จึงคิดจะปรุงโอสถทลายแก่นขึ้นมาได้?” ฉินอวี่ไม่เพียงพูดไม่ออก แต่พลังปราณในร่างกายต่างเริ่มเปลี่ยนแปลงแก่นเป็แก่นแห่งเต๋า
โอสถทลายแก่นพลัง โอสถชนิดนี้มีความหมายตามชื่อของมัน จัดเป็โอสถที่ทำการะเิแก่นพลังเพื่อรับพลังอันแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม โอสถทลายแก่นพลังนี้เป็เพียงใบปรุงยาบางส่วนเท่านั้น โดยทั่วไปแล้ว หากไม่ถึงขั้นต่อสู้กันจนสุ่มเสี่ยงต่อชีวิต จะไม่มีการปรุงยาชนิดนี้ขึ้นมาเด็ดขาด เป็เพราะโอสถทลายแก่นพลังจะมีราคาที่สูงกว่าโอสถระดับแปดโดยทั่วไปอย่างมาก
เมื่อเขาได้เห็นสิ่งที่เขียนอยู่้าแผ่นหนังสัตว์นั้น ฉินอวี่ก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ให้ตายเถอะ แม้แต่หญ้าิญญาภูตและดอกจี๋หยางก็ไม่ได้ใส่เข้าไป ก็ไม่แปลกที่จะะเิทุกครั้ง” ฉินอวี่อุทานขึ้นทันที ในตอนนั้น เขาได้อ่านตำราโบราณที่เกี่ยวกับการปรุงยามาเป็จำนวนมาก และยังจดจำใบปรุงยาได้หลากหลายสูตร ซึ่งรวมถึงโอสถทลายแก่นพลังเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่โกรธจนแทบกระอักเืก็คือ ในใบปรุงยาไม่มีรายชื่อของหญ้าิญญาภูตและดอกจี๋หยาง หากทำการปรุงยาด้วยสูตรเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าจะทำใหม่สักกี่รอบก็ต้องะเิเช่นนี้ไปทุกรอบ
นี่มันนักปรุงยาแบบไหนกัน? ก็แค่ทำได้ครึ่งๆ กลางๆ
ฉินอวี่มีแต่คำต่อว่าอยู่ภายในใจ และนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้เพิ่มตัววัตถุดิบอย่างหญ้าิญญาภูตและดอกจี๋หยาง ฉินอวี่ไม่ได้้าทำเพื่อให้ผู้าุโคนนั้นสมความตั้งใจ แต่เขาทำเพื่อไม่ให้ตนเองถูกะเิตายเสียก่อน...
เมื่อถึงลำดับของฉินอวี่ เขาได้วางป้ายคำสั่งและแผ่นหนังสัตว์เอาไว้ตรงหน้าต่างของหอร้อยสมบัติ และกล่าวว่า “ขอแลกกับวัตถุดิบยาตามรายการนี้ และหม้อปรุงยาหนึ่งใบ”
ทั้งอาคารของหอร้อยสมบัติมีหน้าต่างอยู่เพียงบานเดียว และคนที่อยู่ภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นภายในอาคารได้ ดังนั้น ฉินอวี่จึงไม่รู้ว่าจะสามารถแลกวัตถุดิบและสมุนไพรเหล่านี้มาได้หรือไม่
“มีแต้มสนับสนุนไม่เพียงพอ” เสียงอันแหบแห้งดังออกมาจากด้านใน
ฉินอวี่แอบด่าในใจ และคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไป “เช่นนั้นไม่เอาหญ้าิญญาภูต แต่เปลี่ยนเป็ดอกจี๋หยางสิบสองชุด”
หญ้าิญญาภูตดูเหมือนจะมีมูลค่า และราคาสูงกว่าดอกจี๋หยางเป็อย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นาน วงแหวนมิติและป้ายคำสั่งก็ถูกผลักออกมาจากหน้าต่าง ฉินอวี่รับวงแหวนมิติมาถือไว้ และใช้มโนจิตส่องเข้าไปดูภายใน และพบว่ามีสิ่งที่้าอยู่ครบถ้วน
ขณะที่ฉินอวี่กำลังจะจากไป ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใจของเขาเต้นแรง ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา จากนั้นจึงหยิบป้ายคำสั่งของอาจารย์หวงถิงออกมา และวางไปที่หน้าต่าง “ข้าขอแลกเป็วิชาที่เกี่ยวข้องกับเพลิงธรณี”
ทันทีที่พูดจบ ป้ายคำสั่งนั้นได้หายไป แต่ในไม่ช้า เสียงอันแหบแห้งก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “แต้มสนับสนุนไม่เพียงพอ”
ฉินอวี่มีสีหน้าแปลกไปทันที นึกไม่ถึงว่าป้ายคำสั่งของอาจารย์จะไม่มีแต้มสนับสนุน? ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็เปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดออกไป “เช่นนั้นข้าขอแลกเป็เกราะยุทธ์ป้องกันระดับสามชิ้นหนึ่ง”
นี่ถือเป็การเตรียมการป้องกันไว้เสียล่วงหน้า เพราะบอกได้เลยว่า ฉินอวี่มีความกังวลที่จะถูกเศษของหม้อปรุงยาที่ะเิออกกระเด็นใส่ตัว
“แต้มสนับสนุนไม่เพียงพอ!” ป้ายคำสั่งถูกคืนกลับมา ฉินอวี่ยืนมองป้ายคำสั่งของอาจารย์หวงถิงอย่างงุนงง ในใจของเขาแทบปะทุขึ้นอย่างทรงพลัง จนพลังปราณเดือดพล่านไปทั่วร่าง
เพียงเกราะยุทธ์ป้องกันระดับสามก็ยังมีแต้มสนับสนุนไม่เพียงพอหรือ?
นี่มัน...
เมื่อนึกถึงอาจารย์หวงถิง ฉินอวี่ก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเขากำลังถูกหลอก นี่เป็ผู้าุโสายชีพจรดินจริงหรือ? แม้แต่แต้มสนับสนุนเพียงเท่านี้ก็มีไม่เพียงพอ?
ฉินอวี่รับป้ายคำสั่งคืนมา และจากออกไปด้วยความสิ้นหวัง
ฉินอวี่ไม่รู้ว่าในตอนนี้มีเสียงของความประหลาดใจดังขึ้นในหอร้อยสมบัติ “เหตุใดป้ายคำสั่งของตาเฒ่าหวงและเ้าบื้อเลี่ยจึงอยู่ในมือคนคนเดียวในเวลาเดียวกันได้?”
ขณะที่ฉินอวี่กลับถึงหุบเขา เขาก็ได้พบว่าศิษย์ทั้งสี่ที่ถูกแรงะเิตายได้หายไปทั้งหมดแล้ว ราวกับได้ถูกเก็บกวาดจนสะอาด โดยไม่พบแม้ร่องรอยของศิษย์ที่หมดสติไปก่อนหน้านี้เช่นกัน ว่าเป็เช่นไรบ้างในตอนนี้
สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่ถึงกับถอนหายใจ เดิมทีเขาคิดว่าในสำนักยุทธ์ว่านจ้งจะต้องมีกฎระเบียบที่เข้มงวด และต้องไม่มีเื่ของการเข่นฆ่ากันระหว่างศิษย์ร่วมสำนัก แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่า ชีวิตของมนุษย์ในที่แห่งนี้ จะดูต่ำต้อยไร้ค่าได้ถึงเพียงนี้ และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเหตุใดบรรดาศิษย์ที่ถูกพามา จึงล้วนแต่เป็ศิษย์ระดับทั่วไป เพราะจะพูดกันไปได้ว่าเป็เพราะความโชคร้าย ไม่ใช่การเจตนาสังหาร
และเื่นี้ ยังเป็การเตือนสติฉินอวี่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็ภายนอกหรือภายในสำนัก พละกำลังเท่านั้นจึงจะเป็สิ่งที่ช่วยให้อยู่รอด
ขณะที่ฉินอวี่กำลังเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่วนเวียนรอบตัว สายตามองตรงไปเบื้องหน้า จึงพบว่าตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าผู้าุโคนนั้นแล้ว ผู้าุโคนนั้นรีบนำวงแหวนมิติออกมาจากมือของฉินอวี่อย่างไม่พูดไม่จา และผลักฉินอวี่ออกไป
ฉินอวี่ล้มลงกับพื้นและรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว หัวใจก็ของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธ หากรู้มาก่อนว่าผู้าุโคนนี้มีนิสัยเช่นนี้ คงไม่ยอมบอกให้เขาเพิ่มเติมดอกจี๋หยางเข้าไป และปล่อยให้ต้องผิดพลาดจนะเิอยู่อย่างนั้นอีกสักสองสามหนยังดีเสียกว่า
เมื่อนึกได้ว่าผู้าุโคนนี้กำลังจะทำการปรุงยาขึ้นมาอีกครั้ง ฉินอวี่ก็รีบหันหลังวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แต่เขายังวิ่งไปไม่ได้ไกลมากนัก กลับพบชายหนุ่มสองคนกำลังเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่เืโชกไปทั้งร่างกายถือไม้ก่อสร้างแผ่นหนึ่งไว้ในมือ ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งกำลังแบกท่อนไม้ใหญ่สองท่อนเดินเข้ามา โดยชายหนุ่มคนนี้ดูมีความเสื่อมโทรมของร่างกายไปไม่น้อย
เมื่อฉินอวี่มองอย่างละเอียด จึงพบว่าศิษย์ที่โชกไปด้วยเืไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็ศิษย์ใหม่ที่สลบไปก่อนหน้านี้ ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นฉินอวี่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งคิดว่าอาจจะอยู่ที่นี่อยู่แต่เดิม และเขาคงเป็ผู้สร้างกระท่อมไม้เ่าั้อีกด้วย
ช้าก่อน พวกเขากำลังแบกแผ่นไม้มาสร้างกระท่อมไม้หรือ? ฉินอวี่รู้สึกสับสน จะสร้างกระท่อมไม้เช่นนี้ไว้กลางหุบเขาเพื่ออะไรกัน? หากะเิขึ้นสักหนก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“เ้าหนุ่มน้อย มาหาข้าหน่อยสิ” ขณะที่ฉินอวี่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงะโดังขึ้นในทันที และภาพที่อยู่ตรงหน้าก็แตกต่างออกไปอย่างมาก ภาพที่ปรากฏสู่สายตาคือใบหน้าที่เคร่งขรึมของผู้าุโ ดวงตาที่จ้องมองมาเหมือนจะเปล่งประกายแห่งเพลิงออกมาได้
“นี่มันอะไรกัน? ในใบปรุงยาที่ข้าให้ไปมีตัววัตถุดิบนี้ที่ไหนกัน? เ้ารู้หรือไม่ว่าทำแบบนี้มันสิ้นเปลืองแต้มสนับสนุนของข้า?” ผู้าุโชี้ไปยังดอกจี๋หยางและพูดอย่างโกรธเคือง
เสียงนั้นดังขึ้นแสบแก้วหู ะเืกึกก้องในหูทั้งสองข้างของฉินอวี่ เมื่อรับรู้ได้ถึงความโกรธของผู้าุโ หัวใจของฉินอวี่ก็เต้นอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบพูดขึ้นมา “ผู้าุโ ท่าน... ตอนที่ท่านทำการปรุงยา ลองใส่เ้าดอกไม้นี่เข้าไปสักสองชุดเถอะ”
“ใส่เ้านี่เข้าไปหรือ? ข้าเป็นักปรุงยาหรือเ้าเป็นักปรุงยากันแน่? ไปสร้างกระท่อมไม้พันหลังให้ข้าเดี๋ยวนี้ หากยังทำไม่ได้ก็อย่าคิดจะออกไปจากที่นี่” ผู้าุโกล่าวอย่างโกรธเคือง และผลักฉินอวี่ออกไปทันที
พลังปราณของฉินอวี่พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เ้าคนแก่ผู้นี้ คิดว่าตนเองเป็นักปรุงยาจริงหรือ? แม้แต่เื่พื้นฐานก็ยังไม่เข้าใจยังจะคิดทำการปรุงยา? เปลืองวัตถุดิบเสียเปล่า!
เดี๋ยวสิ
จะให้ไปสร้างกระท่อมไม้จำนวนพันหลัง?
ฉินอวี่จ้องตรงไปทางชายสองคนที่กำลังแบกท่อนไม้และแผ่นไม้ จนอดไม่ได้ที่จะก่นด่าอยู่ในใจ!
สมองของผู้าุโนั่นมีอะไรผิดปกติหรือไม่?
สร้างกระท่อมไม้พันหลัง? สร้างขึ้นตรงนี้ให้ถูกะเิหรือ?
ฉินอวี่โกรธมากอยู่ในใจ หากไม่ใช่เพราะผู้าุโคนนี้มีความแข็งแกร่ง ฉินอวี่ก็อยากจะลองประลองกับเขาสักครั้ง
“ข้าขอแนะนำให้เ้ารีบไปหาไม้มาสร้างกระท่อมเถอะ” ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่ถูกจัดการเก็บกวาดออกไปก่อนหน้าได้หันมาพูดกับฉินอวี่
ฉินอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดขึ้นว่า “จะสร้างกระท่อมไม้พวกนี้ไปเพื่ออะไรกัน?”
ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งเหลือบมองไปในหุบเขา และพูดอย่างจนใจ “ใครจะไปรู้ล่ะ? ข้าก็อยู่สร้างกระท่อมที่นี่มาเป็เวลาสามปีแล้ว”
ฉินอวี่ตกตะลึง เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งคนนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกนับถือชายคนนี้ อยู่ที่นี่มาเป็เวลาถึงสามปี แต่ยังไม่ถูกะเิตาย?
ศิษย์ใหม่ที่โชกไปด้วยเืยิ้มขึ้นอย่างจนใจเช่นกัน และส่งสายตามาทางฉินอวี่ ลังเลอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “เ้าคือศิษย์ที่ไม่ได้จุดตะเกียงกรรมมิใช่หรือ? เช่นนี้ก็น่าแปลกยิ่งนัก พวกเขาล้วนแต่จุดตะเกียงกรรมแล้วทั้งนั้น แต่ก็พากันตายจนหมด แต่เ้า... กลับไม่เป็อะไรเลย”
“นี่มันเวลาไหนแล้ว? ยังจะมาพูดเื่นี้ทำไม?” ฉินอวี่เอ่ยขึ้น ภารกิจที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการออกไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด การพูดเื่นี้ขึ้นมาในเวลานี้จะไปมีประโยชน์อะไร?
“เฮ้อ สามปีนี้ข้าสร้างมาได้สี่ร้อยกว่าหลัง... ข้ายังมีอีกเก้าสิบแปดหลัง เมื่อสร้างเสร็จข้าก็ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว” ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งนำท่อนไม้ที่แบกมาโยนไว้บนพื้น ก่อนจะหันกลับออกไป
ฉินอวี่รู้สึกตัวสั่นอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เวลาสามปี... สร้างไปได้สี่ร้อยกว่าหลัง? เช่นนั้นข้าไม่ต้องอยู่ที่นี่ห้าหกปีเชียวหรือจึงจะครบพันหลัง?
ในเวลานี้ ฉินอวี่รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งอยู่ในหัวใจ หากรู้เช่นนี้คงจะสังหารคนผู้นั้นไปเสียั้แ่ต้นแล้ว เช่นนั้น ก็คงจะไม่มีเื่อย่างที่เป็ในวันนี้ จ้าวเจิ้นหย่วนนั่น... สายตาของฉินอวี่เต็มไปด้วยความแค้นเคือง
“พวกเ้ายังไม่รีบไปอีกหรือ? หากสร้างไม่เสร็จ... ก็อย่าคิดว่าจะได้จากที่นี่ออกไป ผู้าุโคนนี้เขาเป็ถึงผู้าุโของสายชีพจรฟ้า...” ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งหันกลับมาและพูดด้วยเสียงต่ำ
ร่างกายของฉินอวี่สั่นสะท้าน ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าควรจะเอ่ยชื่ออาจารย์หวงถิงออกไปหรือไม่ แต่คำพูดของชายหนุ่มเมื่อสักครู่นี้กลับทำให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ไปทันที
“ผู้าุโคนนี้ไม่ฟังคำผู้ใด นอกเสียจากเ้าสำนัก... อีกอย่างพวกเ้าก็ยังเป็ศิษย์ทั่วไป... ดังนั้น ทำหน้าที่สร้างกระท่อมให้ดีเถอะ”
สีหน้าของฉินอวี่ดูมืดมนและสับสน เหลือบมองไปในหุบเขา รอยยิ้มอันเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก และเดินตามไป...
สร้างกระท่อม... นี่คือสิ่งที่ฉินอวี่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยในชีวิต
ขณะที่พวกฉินอวี่ทั้งสามคนกำลังมองหาไม้เพื่อสร้างกระท่อม ผู้าุโก็ขึ้นไปนั่งเหนือหม้อปรุงยา และใส่สมุนไพรลงไปในหม้ออย่างระมัดระวัง เปลวไฟสีเทาอ่อนๆ ก็ปรากฏขึ้นในมือขวาของเขาและตบมันลงบนหม้อปรุงยา
ในทันใดนั้น ผู้าุโก็ปล่อยพลังปราณออกมาสายหนึ่งทันที และใช้มืออีกข้างปกปิดใบหน้าของเขาไว้
“เอ๊ะ...” ผู้าุโนำมือลงอย่างประหลาดใจ และมองตรงไปทางหม้อปรุงยา สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมากคือ ในครั้งนี้ไม่มีการะเิ
“ฮ่าๆ ในที่สุดตัวข้าเลี่ยเอ๋าก็ประสบความสำเร็จจนได้ ฮ่าๆ ใครบอกว่าเลี่ยเอ๋าผู้นี้ปรุงยาออกมาไม่ได้?” ผู้าุโคนนั้นหัวเราะชอบใจ แต่แล้วเสียงหัวเราะก็หยุดอย่างกะทันหัน และหยิบดอกจี๋หยางออกมาจากวงแหวนมิติ...
“ไม่ใช่สิ ข้าลองทำการปรุงยาเช่นนี้มากว่าร้อยชุดแล้ว... ก็ะเิทุกครั้ง แล้วทำไมรอบนี้จึงไม่ะเิล่ะ? หรือ... จะเป็เพราะเ้าสิ่งนี้?” เลี่ยเอ๋ายกมือขวาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ห่างออกไปไม่กี่สิบจ้าง ฉินอวี่ที่กำลังใช้พลังหมัดของเขาตัดไม้อยู่ได้มาปรากฏตัวตรงหน้าเลี่ยเอ๋าอย่างไม่ทันตั้งตัว และดูเหมือนฉินอวี่จะยังไม่รู้สึกตัวจากการตัดต้นไม้ เขาจึงปล่อยหมัดชกตรงไปทางเลี่ยเอ๋า...
เลี่ยเอ๋าก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าฉินอวี่จะกล้าโจมตี และมองเห็นหมัดที่ใกล้เข้ามานั้นได้อย่างชัดเจน
“ตับ!”
“เ้าเด็กนี่ เ้าอยากตายหรือ?”
