“พี่ไฮว่ รีบมาเร็ว รอแค่พี่เนี่ย” เวลาเก้าโมงเช้าหน้าประตูโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเต็มไปด้วยนักเรียน เวลาเก้าโมงเช้าวันนี้จะมีการแข่งขันวิชาการจัดขึ้นที่หอประชุมเมืองอู่เฉิงผู้เข้าแข่งขันวิชาการของโรงเรียนฟู่จงมาถึงแล้วหกรายขาดเพียงแค่กัวไฮว่ที่นอนสลบสไลอยู่
“ไม่ได้เริ่มเก้าโมงเหรอ ตอนนี้เพิ่งจะกี่โมงเอง” กัวไฮว่กล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้านเมื่อวานเขาตามอวี้เอ๋อร์ให้มาลองเปิดน้ำเต้านายท่านนั่นด้วยกันสุดท้ายอวี้เอ๋อร์เกือบจะโดนน้ำเต้าโจมตีจนกลับเป็ร่างเดิมส่วนกัวไฮว่ก็าเ็อีกรอบ
“นี่ก็แปดโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวเราไปกินข้าวเช้าด้วยกัน ต้องมาถึงหอประชุมเก้าโมงพี่รีบตื่นมาเถอะ” ถังซีพูดเสียงดัง
“เอาเถอะ เดี๋ยวอีกสิบนาทีฉันจะไปถึง” กัวไฮว่หาวพลางยืดเหยียดร่างกายเขามองน้ำเต้านายท่านนั่นอีกรอบ จากนั้นก็ส่ายศีรษะด้วยความเหลืออด
“อวี้เอ๋อร์น่าจะฟื้นตอนบ่ายๆ ของวันนี้ ช่างเถอะ ไปจัดการเื่แข่งวิชาการดีกว่า” กัวไฮว่หยิบอาร์มานีที่สั่งตัดมาจากตู้เสื้อผ้า จะแต่งตัวโทรมๆไปในงานแข่งขันวิชาการไม่ได้หรอกมั้ง
“กัวไฮว่ ฉันขอเตือนเธอเป็ครั้งสุดท้ายการแข่งขันวิชาการครั้งนี้เป็กิจกรรมร่วมของฟู่จงเราฉันขอให้ทุกคนมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแปดโมง มีแต่เธอที่ยังไม่มาเธอทำให้ทุกคนเสียเวลานะ หวังว่าหลังจากนี้เธอจะตระหนักด้วย” หลี่สวินอวี้มองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่งเป็เวลากว่าแปดโมงยี่สิบนาทีแล้วเขาจึงพูดขึ้นด้วยความโมโห
“นายท่านอย่าโกรธไปเลย เมื่อวานผมวุ่นวายกับบางอย่างจนเหนื่อยเกินไปครั้งนี้ผมผิดไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “รีบออกมาเถอะ มัวแต่สั่งสอนผมอีกเดี๋ยวเราก็ได้สายกันจริงๆหรอก”
“คู่แข่งของพวกเราในครั้งนี้ไม่ใช่โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งแต่เป็สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันเชื่อว่าพวกเธอเตรียมพร้อมกันมาเรียบร้อยแล้วพวกเธอเป็นักเรียนที่เก่งที่สุดของฟู่จงในรอบหลายปีมานี้ฉันหวังว่าพวกเธอจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้นะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังฟังชัดกับเด็กๆทั้งเจ็ดคนบนรถ
คำพูดของหลี่สวินอวี้ทำให้นักเรียนบางคนเืร้อนขึ้นมา แน่นอนว่านักเรียนในที่นี้ไม่รวมกัวไฮว่
“เหล่าเฉา คุยกันแล้วนี่ว่าพวกเราเจ็ดโรงเรียนให้แข่งโรงเรียนละหนึ่งคนจู่ๆ แกก็จะขอแข่งสองราย แบบนี้ไม่เหมาะมั้งแม้ศักยภาพของพวกเราไม่กี่โรงเรียนจะสู้โรงเรียนจิ่วจงของแกไม่ได้แต่ดูเหมือนว่าที่หนึ่งของแต่ละโรงเรียนจะไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ” สวี่อู๋อี้ ผอ.โรงเรียนหยางกวงพูดพลางมองไปยังเฉาสิงหลง
“เหล่าสวี่แกคิดว่าที่หนึ่งของพวกเราทั้งเจ็ดโรงเรียนจะเอาชนะหลี่สวินอวี้ได้เหรอ” เฉาสิงหลงดื่มชาไปคำหนึ่งแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “แม้ในเดือนนี้ทั้งเจ็ดโรงเรียนจะฝึกซ้อมด้วยกันพวกเราก็ผ่านการคัดเลือกภายในได้ผู้เข้าแข่งขันเจ็ดรายมาแล้ว แต่ถ้าอยากชนะฟู่จงแค่นิดเดียวยังไม่ชนะเลย”
“เหล่าเฉา ถ้าแกอยากเปลี่ยนคนงั้นก็เอาหลินเซี่ยวโรงเรียนจิ่วจงของแกมาเปลี่ยนสิ จะมาปรึกษาอะไรพวกเราอีก” จางเจิ้งเฉิง ผอ.โรงเรียนชีจงพูดยิ้มๆ
“ไม่ได้ พวกเขาสองคนต้องแข่งเวลาเดียวกันไม่งั้นคนคนนี้จะเป็ตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันไม่ได้” เฉาสิงหลงพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ
“สิงหลง คนคนนี้ที่แกพูดหมายถึงใคร ให้พวกเราได้เจอก่อนเถอะแกพูดแบบนี้แล้วจะมาให้พวกเราสละที่ให้เนี่ย แบบนี้จะไม่ยุติธรรมกับโรงเรียนอื่นๆนะ ไม่ยุติธรรมต่อนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกด้วย” เจี่ยอวิ๋นเทาผอ.โรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ
“ยังเหลืออีกสามนาที พวกแกให้ผู้เข้าแข่งขันของโรงเรียนตัวเองมาที่นี่เดี๋ยวฉันจะเรียกเขามา” พูดเสร็จ เฉาสิงหลงก็เดินออกไปยังห้องพัก
“เสี่ยวเทียน มานี่หน่อย เซี่ยวเซี่ยวก็มาด้วยกันสิ” เฉาสิงหลงพูดยิ้มๆ กับเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาการผู้หนึ่ง
“ไปกัน เราไปด้วยกัน” เด็กหนุ่มผงกศีรษะเล็กน้อยเขาจูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวไป จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องพักอย่างสนิทสนม
“ซย่าโหวเทียน นักเรียนใหม่จิ่วจง” เฉาสิงหลงชี้ไปทางเด็กหนุ่มแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“นึกว่าจะเป็พวกเนิร์ดสูงแปดฉื่อรอบเอวแปดฉื่อ มีสามขาซะอีกที่แท้ก็เป็แค่ไอ้เด็กหน้าขาว” เฉียวมู่นักเรียนโรงเรียนหยางกวงมองซย่าโหวเทียนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“เซี่ยวเซี่ยว นักเรียนชายที่หน้าตาหล่อเกินไปมักจะไม่ปกตินะเธอหาเด็กหน้าขาวแบบนี้สู้หาฉันไม่ได้หรอก ฉันจะรักเดียวใจเดียวต่อเธอ ฮ่าๆ” อาคิวจากโรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ
“ถึงฉันจะเข้ากับเฉียวมู่และอาคิวไม่ได้แต่ครั้งนี้ฉันว่าพวกเขาพูดไม่ผิดนะ” หลี่เอ้าจากโรงเรียนชีจงพูดด้วยรอยยิ้มร้าย
“ผอ. คนพวกนี้เป็ผู้เข้าแข่งขันที่จะมาเข้าร่วมการแข่งกับพวกเราเหรอก็ว่าทำไมพวกคุณกลัวจะไม่ชนะฟู่จง เลือกคนสูงในหมู่คนเตี้ย เลือกสมบัติในหมู่ขยะน่าสังเวชจริงๆ” ซย่าโหวเทียนพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ
“เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเรายังไม่ตอบตกลงเหล่าเฉาเลยถ้าเธออยากเป็ตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันในครั้งนี้ก็แสดงความสามารถให้พวกเราดูสิ” เจี่ยอวิ๋นเทาพูดยิ้มๆ
“นี่เป็คำถามในคลังคำถามระดับโกลด์ ให้เวลาผมสิบนาทีถ้าพวกคุณคิดว่าผมเข้าไปแข่งขันได้ ผมก็จะเข้าแข่ง แต่ถ้าพวกคุณคิดว่าไม่ได้ผมก็จะหันหลังกลับไป ยังไงซะผมก็จะไม่ได้อยู่ที่อู่เฉิงนานอยู่แล้ว” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็นั่งไปยังด้านข้างของโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งจากนั้นนิ้วมือก็พิมพ์อยู่บนคอมพิวเตอร์
“หมดเวลา พิมพ์ไวขนาดนั้น ฝึกเล่นเกมเต้นรึไง ฮ่าๆ” เฉียวมู่ยังไม่ทันจะหัวเราะเสร็จผอ.โรงเรียนสองสามคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็เบิกตาโพล่งหนึ่งร้อยสามข้อในเวลาสิบนาที ผิดไปแค่ข้อเดียวศักยภาพแบบนี้ไม่ต่างไปจากกัวไฮว่เลย
“ขอผมบอกทุกคนสักหน่อยว่า ผมรอบรู้สิบสองภาษาต่างประเทศเป็นักเรียนชุดแดงของราศีัแห่งสถาบันสิบสองราศีเมนซา” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ
“ใน่ขณะที่เหล่าผอ.ได้ยินคำว่าสิบสองราศีเมนซา ทุกคนก็ไร้ข้อสงสัยใดๆสถาบันสิบสองราศีเมนซา บนโลกนี้มีเพียงอัจฉริยะที่ไอคิวเกินร้อยแปดเท่านั้นที่จะเข้าไปได้แค่ได้เข้าไปในที่นั่น ก็หมายความว่าคุณยืนอยู่บนจุดสูงสุดของไอคิวมนุษย์แล้ว”
“หลิวปิง คราวนี้เธอให้ถอนรายชื่อให้ซย่าโหวเทียนไปเถอะศักยภาพของเขาแกร่งกว่าเธอจริงๆ” หลิวชิงซงผอ.โรงเรียนซานฉือชีพูดยิ้มๆ หลิวปิงพยักหน้าเบาๆจากนั้นก็ส่งป้ายแข่งขันที่ห้อยไว้บนคอไปให้ซย่าโหวเทียน
“ขอบคุณไอ้น้อง รอให้การแข่งขันเสร็จก่อน ถ้านาย้าล่ะก็ตามฉันไปเมืองหลวงได้นะเดี๋ยวฉันจะขอทุนการศึกษาโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงให้นายเองถ้านายเรียนได้ดี ฉันจะแนะนำนายให้เป็สมาชิกสำรองของเมนซา” ซย่าโหวเทียนรับป้ายแข่งขันมาแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
เหล่าผอ.ของทั้งเจ็ดโรงเรียนเบิกตาโพล่งอันที่จริงตอนที่พวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ชื่อว่าซย่าโหวเทียนก็มองออกแล้วว่าเขาอาจจะเป็คนในตระกูลเก่าแก่แห่งเมืองหลวงอย่างตระกูลซย่าโหว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาแบบนี้ได้นั่นเป็หลักฐานว่าเขามีสถานะที่ไม่ต่ำในตระกูลซย่าโหว
“งั้นผมก็ขอขอบคุณพี่ซย่าโหวมากนะครับ” หลิวปิงพูดยิ้มๆแม้เมืองอู่เฉิงจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับเมืองหลวงก็ยังห่างกันเยอะถ้าเข้าโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงได้หนทางในภายหลังของเขาก็จะกว้างขวางกว่าที่อยู่ตรงหน้านี้
“ตอนนี้ฉันเป็ผู้เข้าแข่งขันแล้ว ฉันหวังว่าพวกเธอไม่ต้องมาช่วยฉันพอถึงเวลาอย่ามาวุ่นวายกับฉันก็พอ ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน” ซย่าโหวเทียนมองพวกเฉียวมู่ หลี่เอ้าทั้งห้าคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“ไปกันเถอะ อีกไม่นานก็ควรเข้าสนามได้แล้วขอฉันดูสักหน่อยว่ากัวไฮว่ที่เซี่ยวเซี่ยวพูดถึงนั่นเป็คนยังไงกันแน่เจ็ดโรงเรียนถึงต้องรวมกลุ่มกันถึงจะแข่งได้” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็จูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวเดินไปยังทางเดินของผู้เข้าแข่งขัน