คืนนี้ทั้งสองคนมิได้พักผ่อน แสงและเงาที่ผสานจิติญญากลายเป็ภาพที่สวยงามเหมือนดั่งน้ำกับไฟที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น หยวนจุนเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้เพื่อเตรียมเดินทาง เขานั่งลงข้างเตียงแล้วกล่าวกับเสี่ยวเมิ่งว่า “ลำบากเ้าแล้ว”
“พี่จุนจะไปตอนนี้เลยหรือ?”
“ใช่ แม้จะมีเวลาอีกครึ่งเดือน แต่ข้าก็ต้องวางแผนไว้ก่อน อีกอย่างข้ามิชอบการจากลาที่มีพิธีรีตอง ลาเ้าแค่เพียงคนเดียวก็พอแล้ว”
เสี่ยวเมิ่งผูกสายเสื้อคลุมอย่างอ่อนโยน นางเดินไปอยู่ตรงหน้าหยวนจุนด้วยสายตาที่มั่นใจและคลายกังวล จากนั้นฝ่ามือของทั้งสองจึง ‘ประสาน’ หงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียเข้าด้วยกัน
เมื่อร่ำลาแล้ว หยวนจุนจึงเดินออกไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะกลายเป็ลำแสงพุ่งไปยังจักรวรรดิชิงหยางอย่างรวดเร็ว
หลังจากเดินทางทั้งวันทั้งคืนมาหนึ่งอาทิตย์ ในที่สุดหยวนจุนที่กำลังเหนื่อยล้าก็ใกล้ถึงเมืองหลวงชั้นนอกของจักรวรรดิชิงหยางแล้ว
สถานที่นั้นกว้างใหญ่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แม้แต่เมืองเทียนอวิ่นยังเทียบไม่ได้ ความยิ่งใหญ่เช่นนี้เรียกได้ว่าเป็เมืองหลวงที่แท้จริง!
เมื่อเขาคำนวณเวลาที่เหลือกับพละกำลังในตอนนี้ คงต้องใช้เวลาอีกหนึ่งอาทิตย์กว่าจะถึงเมืองหลวงชั้นใน! หากเป็เช่นนั้น การคัดเลือกของโรงเรียนยุทธ์ขนาดใหญ่ทั้งสี่แห่งคงสิ้นสุดลงแล้ว
หยวนจุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจพักที่เมืองหลวงชั้นนอกก่อน แล้วค่อยหาค่ายกลทะลุมิติ
เขาเห็นสิ่งก่อสร้างตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า แต่เดินมาสองชั่วยามแล้วก็ยังออกจากป่านี้ไม่ได้เสียที
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อฟื้นฟูปราณดาราที่สูญเสียไปจากการเดินทางที่รีบเร่ง
หยวนจุนนำผลึกของงูเหลือมเกล็ดโลหิตออกมา ผลึกที่ถูกปกคลุมไปด้วยปราณดาราก้อนนี้ทำให้อากาศโดยรอบเกิดลมแปรปรวน จนทำให้ผมสีดำของเขาพลิ้วไสวไปกับสายลม
เพียงไม่นาน ปราณดาราภายในร่างกายก็ถูกเติมเต็ม ดังนั้นเขาจึงหยุดการเคลื่อนไหวมือ
ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังอยู่ข้างหน้า ก่อนจะเห็นอันธพาลเจ็ดแปดคนที่สวมหน้ากากกำลังไล่ตามสตรีนางหนึ่งอยู่
ขาขาวภายใต้กระโปรงยาวเข้ารูปที่ฉีกขาดมีเืไหลลงมา แม้สตรีผู้นี้จะวิ่งสุดกำลัง แต่ด้วยสองขาที่ได้รับาเ็จึงทำให้นางอ่อนแรงลง
เรียวขาสีขาวและเืสีแดงนั้นตัดกันอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว
“อย่าปล่อยให้นางหนีไป เืของสตรีผู้นั้นสามารถต่อชีวิตให้ยืนยาวขึ้นได้ ผู้ใดที่ได้นางจะสามารถควบคุมความเป็ความตายได้!”
เขาได้ยินเสียงบุรุษะโมาแต่ไกล เสียงะโนั้นประสานกันจนดังสนั่นทั่วท้องฟ้า
“โอ๊ย”
สตรีผู้นั้นสะดุดก้อนหินและล้มลงบนพื้นโดยที่ไม่ทันตั้งตัว นางหันศีรษะไปมองหยวนจุนที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ใต้ต้นไม้ จากนั้นจึงกัดฟันลุกขึ้นยืน
เมื่อเห็นสตรีผู้นี้ในระยะใกล้ นางมีหน้าตาที่สะสวยไม่น้อย การที่คนพวกนั้นไล่ตามแล้วะโว่าหากได้นางจะสามารถควบคุมความเป็ความตายได้ เช่นนี้คงเกินจริงไปหน่อยกระมัง?
ขาและมือของนางได้รับาเ็หลายแห่ง แม้นางจะอยู่ในระดับวงแหวนเล็กขั้นเจ็ด แต่ด้วยอีกฝ่ายที่มีคนมากกว่า จึงทำให้นางต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
ยังไม่ทันที่นางจะได้ลุกขึ้น ด้านหลังก็มีบุรุษเจ็ดแปดคนมายืนรออยู่แล้ว หนึ่งในนั้นที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อถอดหน้ากากออกมา เผยให้เห็นหน้าตาอัปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยหนวดเครา
เขาเอื้อมมือไปจับคางของนาง จากนั้นจึงใช้นิ้วลูบไล้ราวกับััหยกอ่อนที่เนียนนุ่ม เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมีความคิดที่ไม่ดี
“หน้าตาช่างสะสวยเสียจริง ได้ยินว่าเืของเ้าช่วยต่อชีวิตให้ยืนยาว และสามารถควบคุมความเป็ความตายได้ ไม่รู้จริงเท็จเพียงใด ข้าคงต้องขอตรวจสอบเสียหน่อยแล้ว ฮาฮาฮา”
เมื่อกล่าวจบ นักยุทธ์ผู้นี้ก็มิได้สนใจนักยุทธ์อีกหกเจ็ดคนที่เหลืออีกต่อไป เขาใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่กางเกงของตนเอง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ฉีกกระโปรงยาวของสตรีผู้นั้น
“ฮาฮา เืตรงนี้นั้นได้ผลเหมือนกันหรือไม่?”
กระโปรงยาวที่คอยปกปิดสิ่งลับถูกฉีกออกจนเป็รอยขาดที่ใหญ่ขึ้น เมื่อร่างกายด้านล่างััได้ถึงความเย็น นางจึงรีบมองหยวนจุนด้วยสายตาที่หวาดกลัวทันที
“ช่วยข้าด้วย!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากนาง คนพวกนั้นจึงหันไปมองหยวนจุน ก่อนจะเห็นเพียงเขากำลังนั่งขัดสมาธิด้วยท่าทีที่สงบเงียบเหมือนดั่งขุนเขา ซึ่งนิ่งเฉยและไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย
สายตาเ็าของเขานั้นทำให้ผู้ที่ได้มองถึงกับใจสั่น
เคราะห์ดีที่ร่างกายของเขาไม่มีปราณดารา คนพวกนั้นจึงมิได้สนใจ
“แม่นาง คิดว่าะโแล้วพวกเราจะกลัวหรืออย่างไร? ฮาฮา เ้ากล้าขอความช่วยเหลือไปทั่วได้อย่างไร? คิดว่าคนธรรมดาที่อยู่ใต้ต้นไม้นั้นจะช่วยเ้าให้รอดพ้นจากน้ำมือของพวกเราได้หรือ?”
มือใหญ่กดร่างของสตรีผู้นี้ลงกับพื้น จากนั้นร่างกายของนางก็ไม่มีสิ่งใดมากีดขวางอีกต่อไป
“หากข้ารอดไปได้ พวกเ้าจะต้องตายทั้งหมด!” นางกัดริมฝีปาก จากนั้นจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เมื่อเ้าเอ่ยออกมาก็นึกขึ้นได้ หากพวกข้ามีความสุขจนพอใจแล้ว พวกข้าจะนำเืของเ้ามาดื่มให้หมด ไม่ปล่อยให้เ้ารอดไปได้หรอก!”
หยวนจุนหันศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังสตรีผู้นั้นที่พยายามดิ้นรนหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ
“สตรีอีกแล้ว...”
เขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับสตรีอีก โดยเฉพาะสตรีที่หน้าตาสะสวยเช่นนี้ เพราะพวกนางมักจะสร้างปัญหาอยู่เสมอ
แต่การที่ได้ยินเสียงคนร้องขัดขืนก็ทำให้จิตใจของเขาไม่สงบ
ช่วยหรือไม่ช่วยดี
เื่นี้ทำให้หยวนจุนเกิดความสับสนในตนเองว่าแท้จริงแล้วเขาเป็คนอย่างไร? เป็ผู้ที่น่ายกย่องเชิดชู? หรือเป็ผู้ที่แข็งแกร่ง? แต่ก็เพราะสตรีเพียงคนเดียวมิใช่หรือที่ทำให้เขาต้องมาตกต่ำเช่นนี้ ดังนั้นเขาต้องสนใจสตรีผู้ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องด้วยหรือ?
เขาเคยเป็ผู้นำเมืองที่มีความเด็ดขาด แต่เหตุใดตอนนี้ถึงกลับมีจิตใจที่โลเล?
หยวนจุนหัวเราะในใจให้กับตนเอง เขารู้สึกว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่หนักหนาเพียงใด เขาก็ยังเป็หยวนจุนคนเดิม แม้มีชั้นหมอกควันมาขวางกั้นก็ยากที่จะลบตัวตนออกจากใจ
ซึ่งชั้นหมอกควันนี้เกิดจากการที่คุยจีทรยศหักหลังเขา จนกลายเป็ความเกลียดชังสตรี
“ข้าคือหยวนจุน ข้าจะเปลี่ยนความตั้งใจเพราะสตรีที่ไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร? จิตใจหนักแน่น ทำในสิ่งที่้า เช่นนี้ถึงจะเป็ตัวตนที่แท้จริงของข้า!”
“ในเมื่อมิได้ทำเื่ที่น่าละอาย เหตุใดจึงต้องคิดมากด้วย?”
หยวนจุนถอนหายใจ เขารู้สึกเหมือนได้ระบาย ทำให้ในใจรู้สึกสบายใจมากขึ้น
ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าจุดตันเถียนบนมีพลังที่รุนแรงมากขึ้น ราวกับว่าพลังนั้นกำลังจะฉีกจุดตันเถียนบนให้แยกออกจากกัน!
หยวนจุนใช้เจ็ดหฤทัยสูตรปรับสมดุลของพลังทันที หลังจากควบคุมได้แล้ว ระดับพลังจิตของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้จุดตันเถียนบนแผ่พลังออกมามากกว่าเดิมเป็เท่าตัว
“ฟิ้ว”
คลื่นอันทรงพลังที่มองไม่เห็นถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของหยวนจุน ส่งผลให้พลังจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในทันที!
เมื่อหยวนจุนขจัดความสับสนในใจออกไปได้ ระดับพลังจิตของเขาก็เลื่อนขึ้นไปอีกขั้น ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าได้เข้าสู่ระดับใหม่!
หากกล่าวตามระดับของนักสร้าง ตอนนี้หยวนจุนได้บรรลุผ่านนักสร้างขั้นทั่วไปเป็นักสร้างขั้นยอดแล้ว ซึ่งสามารถเทียบได้กับนักยุทธ์ระดับดาราขั้นหกถึงเก้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้