เมิ่งเจียนเจียกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน "เื่บนหน้าผาครั้งก่อน ข้าสมควรจะไปขอบคุณด้วยตนเอง ส่วนเื่ที่ซวี่ซวีทำ ข้าก็ต้องไปขอขมาเช่นกัน แม้จะไม่ได้ผล แต่เมื่อมีชาวบ้านเดินผ่านไปมา เมิ่งอู่คงไม่รังแกข้าต่อหน้าชาวบ้านพวกนั้นกระมัง"
เมิ่งต้ารู้สึกตื้นตัน เจียนเจียช่างเป็เด็กดีและกตัญญูรู้คุณ
สถานการณ์เช่นนี้มิอาจแข็งข้อกับเมิ่งอู่ได้อีก มิเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย หากสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยและขายข้าวฟ่างได้สำเร็จ ก็ถือว่าดีที่สุด
เมื่อเมิ่งเจียนเจียเดินมาถึงเรือนของเมิ่งอู่ เหลือชาวบ้านไม่กี่คนที่ยังไม่กลับ ทุกคนมัวแต่ชั่งน้ำหนักข้าวฟ่างของตนเอง ไม่มีผู้ใดสนใจนาง
นางจึงได้แต่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างกระอักกระอ่วนครึ่งค่อนวัน
นางเซี่ยวุ่นอยู่กับการทำอาหารในครัว เมิ่งอู่กับอินเหิงเด็ดผักอยู่ใต้ชายคา พวกเขาทำราวกับนางเป็อากาศธาตุอย่างสมบูรณ์
เมิ่งอู่ััโดนมือของอินเหิงเป็ครั้งคราว อินเหิงไม่ได้ทักท้วง ปล่อยให้นางฉวยโอกาส
เมื่อเห็นว่าเขาให้ความร่วมมือขนาดนี้ เมิ่งอู่ยิ่งได้คืบเอาศอก เอ่ยกับเขาเสียงแ่เบา “อาเหิง ท่านแม่กำลังทำอาหาร ส่วนซวี่เฉินฟางกำลังคิดเงิน ยามนี้เป็เวลาเหมาะสมที่เ้ากับข้าจะพลอดรักกัน ประเดี๋ยวพวกเราเข้าห้องกันเถิด”
อินเหิงเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม “จะพลอดรักกันจำเป็ต้องเข้าห้องด้วยหรือ?”
เมิ่งอู่เบิกตากว้างถาม “ใช่แล้ว เอ๊ะ ข้าไม่เคยบอกเ้ามาก่อนหรือ?”
อินเหิงเงยหน้ามองนางผาดหนึ่ง แม้เขาทำหน้าเรียบเฉย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนัก แต่แววตากลับแฝงความเอื้อเอ็นดูและตามใจเกินบรรยาย “เ้าคิดจะทำอันใดกับข้า?”
ผู้อื่นอาจไม่สังเกตเห็นภาพนี้ แต่ในสายตาของเมิ่งเจียนเจียกลับดูแล้วขัดหูขัดตาอย่างยิ่งยวด
สิ่งที่เมิ่งเจียนเจียชื่นชอบที่สุดคือรูปโฉมของหวังสิง หากสักวันหนึ่งเขาลุกขึ้นยืนได้ก็คงจะสมบูรณ์แบบ
แต่ไม่ว่าจะเป็หวังสิงหรือเฉินฟาง บุรุษทั้งสองต่างเอาอกเอาใจเมิ่งอู่ ไม่สนใจนางแม้แต่น้อย
เมิ่งอู่มีดีอันใด ไฉนหวังสิงถึงต้องปกป้องนางเพียงนี้ ยามอยู่บนหน้าผา เพื่อช่วยชีวิตเมิ่งอู่ เขาถึงกับยอมะโลงไปด้วย!
เวลานี้ในสายตาของเมิ่งเจียนเจีย เมิ่งอู่มีท่าทางเหลาะแหละ ไม่รู้จักละอาย แต่หวังสิงกลับยอมตามใจนาง!
เมิ่งเจียนเจียทำหน้าเศร้าสร้อย สาวเท้าขึ้นหน้าสองก้าว เอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานขัดจังหวะเมิ่งอู่กับอินเหิงอย่างทันท่วงที “น้องสาวเมิ่งอู่ คุณชายหวังสิง”
เมิ่งอู่หมดอารมณ์จะล้อเล่น นางเงยหน้ามองไป
เมิ่งเจียนเจียเม้มริมฝีปาก ทั้งกล่าวขอบคุณเมิ่งอู่และขอโทษแทนเมิ่งซวี่ซวี
ท่าทางของนางสุภาพเรียบร้อย น้ำเสียงที่พูดจริงใจ แสดงบทบาทพี่สาวที่แสนดีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำเอาชาวบ้านที่เดิมทีไม่สนใจนาง ต้องหันมองนางโดยไม่รู้ตัว
ในสายตาของชาวบ้าน เมิ่งเจียนเจียเป็คนใจดีและอ่อนโยนมาโดยตลอด ถึงอย่างไรเื่นี้ก็ไม่ใช่เื่ที่นางเป็คนก่อ จะโทษก็ต้องโทษเมิ่งซวี่ซวี นางในฐานะพี่สาว ยังต้องออกมาแบกรับความผิดที่น้องสาวกระทำ
หลังเมิ่งเจียนเจียขอโทษเมิ่งอู่แล้ว นางก็ขอโทษนางเซี่ยกับซวี่เฉินฟาง
นางเซี่ยตอบสนองอย่างเฉยชา ก่อนกลับเข้าไปทำอาหารต่อในครัว นางได้ยินเื่ที่เมิ่งซวี่ซวีวางยาพิษและถูกทุบตีแล้ว พูดได้ว่าคนทำ ฟ้าดู [1] ต่อไปนางไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวของเมิ่งต้าอีก
เมิ่งเจียนเจียเดินไปหาซวี่เฉินฟางทั้งน้ำตาคลอหน่วย นางโค้งคำนับก่อนเอ่ย “ครั้งนี้ซวี่ซวีเกือบทำร้ายคุณชายเฉินฟาง เจียนเจียรู้สึกผิดอย่างยิ่ง ขออภัยคุณชายด้วยเ้าค่ะ”
เมิ่งเจียนเจียยังกล่าวอีกว่า เดิมทีเมิ่งต้ากับเมิ่งเอ้อร์เป็พี่น้องกัน สองครอบครัวถือเป็ครอบครัวเดียวกัน สมควรจะดูแลกันและกัน ไม่ใช่สร้างความบาดหมาง หากสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ช่วยเหลือซึ่งกันและกันย่อมเป็เื่ดี
เมิ่งอู่ลุกขึ้น ก่อนยกผักที่เด็ดแล้วเข้าครัว “ไม่ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้ ให้ครอบครัวของเ้าดื่มน้ำผสมยาเบื่อหนูสักสองสามอึกเพื่อชดใช้ความผิดก่อนหน้านี้ จากนั้นพวกเราค่อยมาหารือกันอย่างรอบคอบ หากทำไม่ได้ก็อย่าพูดจาไร้สาระตรงนี้ ครอบครัวของเ้าไม่มีที่ให้ขายข้าวฟ่างไม่ใช่หรือ ไปขอร้องเฉินฟางสิ”
ทันทีที่เมิ่งเจียนเจียถูกเปิดโปงก็หน้าซีดเผือดนิดหน่อย
ซวี่เฉินฟางตรวจสอบบัญชีของวันนี้เรียบร้อยแล้ว เขาลูบพัดก่อนเอ่ย “แม่นางเจียนเจีย เชิญฟังข้าพูดสักคำ”
เมิ่งเจียนเจียเห็นสีหน้าอ่อนโยนของเขาจึงเดินเข้าไปหาโดยไม่รู้ตัว ซวี่เฉินฟางนั่งพิงเก้าอี้ หรี่ตาพร้อมกับงอนิ้วมือเรียก “เข้ามาใกล้ๆ หน่อย”
เมิ่งเจียนเจียหน้าแดงเล็กน้อย โน้มตัวเข้าไปใกล้ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนหวาน “คุณชายเฉินฟางมีอันใดจะกล่าวกับข้าหรือเ้าคะ?”
ซวี่เฉินฟางกระซิบข้างหูของนาง ลมหายใจอ่อนโยนและอบอุ่น “ครั้งก่อนไม่ได้ตีเมิ่งซวี่ซวีจนตาย ระวังตัวหน่อย ครั้งหน้าอาจถึงคราวของเ้า”
สีหน้าแดงระเรื่อของเมิ่งเจียนเจียพลันเปลี่ยนเป็ซีดขาวฉับพลัน
กล่าวจบ ซวี่เฉินฟางก็เอนกลับไปพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ใบหน้าเกลื่อนยิ้ม “หากครอบครัวของแม่นางเจียนเจีย้าขายข้าวฟ่าง ก่อนหน้านี้ยังพอเจรจากันได้ ทว่ายามนี้ไม่ได้แล้ว ข้ารับซื้อข้าวฟ่างไว้เต็มจำนวนแล้ว”
เมิ่งเจียนเจียคิดว่าวันนี้มีชาวบ้านอยู่ด้วยหลายคน หวังว่าพวกชาวบ้านจะช่วยพูดให้สองครอบครัวกลับมาคืนดีกัน และกอบกู้ภาพลักษณ์ในอดีตของนางกลับคืนมา แต่สุดท้ายนางก็ต้องผิดหวัง ไม่เพียงถูกเปิดโปงจุดประสงค์ ยังเจ็บช้ำน้ำใจด้วย
ระหว่างทางกลับเรือน สีหน้าของเมิ่งเจียนเจียไม่สู้ดีนัก
คำพูดของซวี่เฉินฟางทำให้นางหวาดผวา พวกเขารู้หรือว่าเป็ฝีมือของนาง?
ไม่ นางไม่ได้ทำอันใดเลย ผู้ที่ทำเื่เลวร้ายคือเมิ่งซวี่ซวี
เมิ่งต้าไม่เต็มใจจะยอมแพ้ จึงเดินทางไปที่เรือนของเมิ่งอู่ เพื่อสอบถามราคาข้าวฟ่างกับเฉินฟาง ถามว่าเขาสามารถรับซื้อข้าวฟ่างของตนด้วยได้หรือไม่ พอเื่นี้แพร่ออกไปก็กลายเป็เื่ชวนหัวแล้ว
คนในครอบครัวของตนทำเื่เลวร้ายขนาดนั้น ยังกล้ามาขอร้องให้ผู้อื่นรับซื้อข้าวฟ่างของเขาอีก
ซวี่เฉินฟางไม่สามารถกองข้าวฟ่างมากมายขนาดนี้ทิ้งไว้ที่เรือนของเมิ่งอู่ได้ตลอดไป ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ผู้ติดตามไปหาเกวียน แล้วขนธัญพืชออกไปทีละคันๆ ส่วนจะแอบนำไปไว้ที่ใด นั่นก็เป็เื่ของซวี่เฉินฟางแล้ว
เพียงพริบตาเดียวซวี่เฉินฟางก็กำหนดวันเดินทางกลับ
อีกสองวัน หลังขนย้ายธัญพืชทั้งหมดออกไปแล้ว เขาจะเดินทางออกจากหมู่บ้านซุ่ย
ขณะเดียวกันเมิ่งอู่ก็ไม่ได้อยู่เฉย นางอาศัย่เวลาที่ซวี่เฉินฟางวุ่นอยู่กับงานของเขา ไปสั่งทำโม่หินสองอันกับช่างแกะสลักหินที่อยู่ใกล้ที่สุด
ในเมื่อมีแกนข้าวฟ่างมากมายขนาดนี้ นางยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก นางต้องรีบแล้ว มิเช่นนั้นหากปล่อยทิ้งไว้นานเข้าน้ำในแกนข้าวฟ่างจะแห้งเหือด
แม่ไก่ป่าที่เรือนวางไข่อีกหลายฟองราวกับท้องผูก เมิ่งอู่เห็นว่าซวี่เฉินฟางจะเดินทางกลับ จึงนึกถึงไข่ไก่ตุ๋น นางจึงตุ๋นไข่เ่าั้ให้เขากินสองสามฟอง
พลบค่ำ บรรดาอันธพาลในหมู่บ้านต่างมารวมตัวกันที่เรือนของเมิ่งอู่ นางเซี่ยทำเล่าปิ่ง [2] ให้พวกเขากิน
ซวี่เฉินฟางซื้อแกะมาสองตัวจากที่ใดก็ไม่รู้ และสั่งให้พวกเขานำไปเชือดและทำความสะอาด จากนั้นก็นำมาย่างไฟที่ลานเรือน
พวกเขายังถกเถียงกันอย่างดุเดือดว่าสมควรใส่ยี่หร่าเมื่อใด สมควรใส่พริกป่นเมื่อใด
ที่นี่มีเนื้อสัตว์แล้ว พวกเขานำสุราติดตัวมาเอง ส่วนใหญ่เป็สุราข้าวที่หมักเองในหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าพวกเขาไปขโมยมาจากที่ใด
ซวี่เฉินฟางลองชิมสองสามอึกก็เลิกคิ้ว แสดงว่ารสชาติไม่เลว
ผู้ที่เคยดื่มสุราชั้นเลิศมาโดยตลอดอย่างเขาชมว่ารสชาติดี ย่อมต้องดีมากจริงๆ
พวกอันธพาลมีความสุขอักโข ผลัดกันดื่มเ้าอึกหนึ่งข้าอึกหนึ่งอย่างสนุกสนานครื้นเครง
……….
[1] หมายถึง คนทำอะไรไว้ ์รู้เห็น
[2] ขนมแป้งทอดชนิดหนึ่งของจีน โดยมากทำจากแป้งสาลีผสมน้ำ นวดและหมักทิ้งไว้จนได้ที่ แล้วแผ่เป็แผ่นบาง นำไปย่างหรือทอดในกระทะก้นแบน