ตีสามของวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็ตื่นล้างหน้าแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อเอาไก่และวัตถุดิบต่าง ๆ ใส่ซาเล้งจนครบ สองพ่อลูกก็พากันขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปตลาด โดยมีอนงค์มองตามไปจนสุดสายตา เธออยากไปด้วยอย่างมาก แต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวย จึงได้แต่คอยส่งใจอยู่ที่บ้านเท่านั้น
เมื่อไปถึงตลาด พ่อค้าแม่ค้าที่มาถึงก่อนต่างถามขึ้นด้วยความแปลกใจ นอกจากหงส์แล้ว ทั้งสองพ่อลูกไม่ได้บอกใครเลยว่าจะขายไก่ทอด เมื่อบรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้ยินเสียงบอกเล่าจากทั้งสองคนก็เกิดความสนใจใคร่รู้ คอยชะเง้อมองมาที่แผงขายของพวกเขาอยู่เนือง ๆ
ทั้งสองเตรียมตัวกันอย่างไม่รีบร้อนนัก เพราะกว่าคนจะเข้าตลาดก็ประมาณตีห้า เริ่มทอดตีสี่ครึ่งก็ยังทัน เมื่อเข้าไปในร้าน ทั้งสองก็ช่วยกันเช็ดทำความสะอาดแผงกันก่อนไม่ให้มีคราบฝุ่นเกาะ เพราะขายอาหาร ความสะอาดเป็เื่ที่สำคัญมาก
หลังจากนั้น อนงค์กานต์ก็นำถาดสเตนเลสขนาดใหญ่สองถาดวางเรียงกันที่หน้าร้าน และตั้งป้ายกำกับไว้ด้านข้างของแต่ละถาด ป้ายนั้นทำจากกระดาษแข็งตัดให้มีขนาดประมาณกระดาษ A4 แล้วพับทบกันเป็สามเหลี่ยมเข้ามุม ก็จะได้ป้ายสามเหลี่ยมตั้งแบบง่ายๆ ป้ายแรกเขียนว่า 'สูตรต้นตำรับ 10 บาท' อีกป้าย 'สูตรสมุนไพร 10 บาท'
เตรียมหน้าร้านเรียบร้อย เธอก็หันมาเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอดต่อพวก หม้อ ตะหลิว ทัพพี ถาดวางพักสะเด็ดน้ำมัน ซึ่งของเหล่านี้เป็ของที่แม่ใช้ประจำในร้าน เธอเพียงแค่นำออกมาล้างทำความสะอาดคราบฝุ่นอีกรอบก็ใช้ได้แล้ว
เมื่อเห็นพ่อยกเตาแก๊สมาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เธอก็นำหม้อใบใหญ่สำหรับใช้เป็หม้อทอดมาวางบนเตาแล้วติดไฟเพื่อช่วยระเหยหยดน้ำที่อยู่ในหม้อให้หมด เมื่อหม้อแห้งดีแล้วก็ปิดแก๊ส และให้พ่อช่วยเทน้ำมันใส่ลงไปครึ่งหม้อ หลังจากนั้นก็รอสักตีสี่ครึ่งค่อยติดไฟอีกครั้งเพื่อเริ่มทอด
หลังจากนั้นก็เทแป้งสำหรับทอดแยกใส่ 2 ชาม เตรียมน้ำผสมแป้งอีก 2 ชาม เท่านี้ก็เรียบร้อยหมดแล้ว
"สวัสดีค่ะ อากานต์" ตามภาภรณ์ส่งเสียงทัก "นิดเรามาแล้ว"
เสียงทักทายเจื้อยแจ้วดังมาจากหน้าร้าน สองพ่อลูกหันมามองก็เห็นตามภาภรณ์ยืนยิ้มเผล่อยู่ที่หน้าร้าน ทั้งสองจึงส่งยิ้มกว้างกลับไปให้พร้อมความรู้สึกประหลาดใจอยู่ในที
"ทำไมตัวมาแต่เช้า ปกติเห็นมาเกือบ 9 โมงทุกครั้ง" อนงค์กานต์ถามขึ้นมาทันที
"เค้าบอกแล้วนี่ว่าจะมาช่วย ก็ต้องมาสิ นี่ให้แม่เรียกั้แ่ตีสามครึ่งเลยนา" ตามภาภรณ์ตอบอย่างอารมณ์ดี
อนงค์กานต์ส่งสายตามองเพื่อนอย่างซาบซึ้ง "ขอบคุณตัวมากนะ เราเกรงใจจัง แต่ตัวไม่จำเป็ต้องมาเช้าขนาดนี้ก็ได้ นอนไม่พอเลยสิ ตาบวมตุ่ย" เธอเอ่ยปากแซวปิดท้าย
"ใครบอกล่ะ นอนมากไปต่างหาก หลายวันนี้เค้าเอาแต่นอนี้เีอยู่บ้านจนแม่บ่น พอแม่รู้ว่านี้เค้าจะมาช่วยนิดแต่เช้า แม่นี่ดีใจจนเนื้อเต้นเลย ถ้าไม่บอกให้เรียกตอนตีสามครึ่งนะ แม่คงมาเรียกเราั้แ่ตีสองแล้ว" ตามภาภรณ์หัวเราะเสียงใส พร้อมกับอธิบายและนินทาแม่ผสมไปด้วย "ว่าแต่ตอนนี้จะให้เราช่วยอะไรบ้าง บอกได้เลย พร้อมมาก"
"ชมพูเข้ามานั่งข้างในดีกว่า เดี๋ยวอาจะไปซื้อน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋มาให้รองท้องก่อน ตื่นเช้ามาก ๆ ถ้าไม่ได้กินอะไร เดี๋ยวจะมวนท้อง" หลังจากนั้นก็เดินตรงไปยังร้านขายน้ำเต้าหู้ที่ตั้งอยู่ถัดไป 2-3 ร้าน
"ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้ทำหรอก แต่ถ้ามีคนมาซื้อยังไงตัวช่วยนำไก่ใส่ถุงและเก็บเงินก็พอ" วันนี้ขายวันแรก และเมื่อทั้งต้องทั้งทอดและขายไปพร้อมกัน คงต้องมีอาการรวนมือไม้พันกันแน่ เป็เื่ดีมากที่ตามภาภรณ์มาช่วยอยู่หน้าร้านอีกแรง หลังจากนั้นอนงค์กานต์ก็หยิบกระปุกเก็บเงินทอนส่งให้เพื่อนดูแล "ไก่ขายชิ้นละ 10 บาท มี 2 สูตรนะ ต้นตำรับกับสมุนไพร เดี๋ยวทอดแล้วนิดจะให้ลองชิมดู"
"ส่วนน้ำจิ้ม 1 ถุงต่อไก่ 1 ชิ้น ซื้อกี่ชิ้นก็ใส่น้ำจิ้มไปตามนั้นได้เลย" ตามภาภรณ์ฟังและพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อกานต์เดินกลับมาก็ประมาณเกือบตีสี่ครึ่งแล้ว เขาจึงเริ่มติดไฟเตา เมื่อทั้งสามนั่งกินน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋กันเรียบร้อยแล้ว น้ำมันก็ได้ที่พอดี กานต์นำไก่ลงทอด โดยมีตามภาภรณ์นั่งดูด้วยความสนใจ ที่ผ่านมาเคยเห็นแต่ไก่ชุบแป้งที่ผสมน้ำแล้วทอด เพิ่งจะเคยเห็นการทอดไก่ที่มีหลายขั้นตอนแบบนี้เป็ครั้งแรก เธอถึงกับจ้องเขม็งเลยทีเดียว
