“ไอ้น้อง นายช่วยชีวิตฉันไว้ ชีวิตฉันเป็ของนายแล้วล่ะ” มู่หรงหลงมองกัวไฮว่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่แล้วพูดขึ้นเบาๆ
เป็เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกัวไฮว่ก็ลืมตาขึ้น เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมาแล้วลอบคิดในใจว่า การหนีลิขิตฟ้าชิงชีวิตแบบนี้ทำน้อยๆ หน่อยก็น่าจะเป็การดี
“พี่ไฮว่ ยังมีอีกไหม ให้ผมอีกเม็ดเถอะ มีพี่ยาลูกกลอนกี่เม็ดกันแน่ตอนนี้อีกก้าวเดียวผมก็จะถึงเขตแดนเซียนเทียน[1]แล้วเนี่ย”
“เบาเสียงหน่อย พวกยอดฝีมือที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีน่ะต้นไม้ใหญ่ในป่ามักถูกลมแรงพัดล้ม[2]” กัวไฮว่พูดยิ้มๆจากนั้นก็หันศีรษะไปมองมู่หรงหลง “พี่เขย ออกแรงหน่อยสิดูหน่อยว่าร่างกายฟื้นฟูสมบูรณ์แล้วหรือยัง”
“พี่เขย? ฮ่าๆ เวยเวยตาแหลมดีนี่ ขอบคุณนะ” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ
“ไปเถอะ จัดการเื่พี่เรียบร้อยแล้วแต่เื่ที่พี่โดนยาพิษน่ะยังจัดการไม่เสร็จเลย เราไปกินข้าวกันดีกว่า” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็เดินออกจากห้องไป ภายในห้องมีคนหลายคนข้างกายมู่หรงกูมีผู้าุโสองสามรายยืนอยู่ข้างๆ สายตาพวกเขาสุกสกาวเห็นได้ชัดว่าอยู่ห่างจากเขตแดนเซียนเทียนอีกไม่ไกลแล้ว
“อาจารย์” มู่หรงเฟยพูดขึ้นยิ้มๆกับชายชราคนหนึ่งในนั้น
“เสี่ยวเฟย ดี ดีมาก” ่ขณะที่สายตาของชายชราตกไปอยู่บนร่างของมู่หรงเฟยเขาก็พูดขึ้นเสียงดังด้วยความดีใจศิษย์ของเขาอยู่ในระดับผู้บำเพ็ญทางเซียนใกล้เคียงกับตน
“มาทั้งผู้สืบทอดมวยแปดสุดยอด ผู้สืบทอดมวยตั๊กแตนเจ็ดดาวผู้สืบทอดหมัดเจ็ดพิการ คุณพ่อตาเล่นใหญ่เลยนะเนี่ย” กัวไฮว่มองมู่หรงกูแล้วพูดยิ้มๆเขาตรงดิ่งไปนั่งข้างมู่หรงเวยเวยโดยไม่แยแสคนอื่น คำว่า ‘คุณพ่อตา’ มู่หรงกูยังไม่ทันเรียกสติกลับมาแต่กลับทำให้มู่หรงเวยเวยหน้าแดงก่ำไปเรียบร้อยแล้ว
“ฮ่าๆ วันนี้ดีใจมากเลย นั่งลงกันก่อนเถอะ” มู่หรงกูมองฝูงชนด้วยความเกร็งเล็กน้อยจากนั้นก็พูดขึ้นยิ้มๆ
“เสี่ยวไฮว่ วันนี้เราสองพ่อลูกได้นั่งร่วมโต๊ะกัน ขอบคุณมากนะ” มู่หรงกูพูดเปิดอกเสียงดัง “มู่หรงหลงกัวไฮว่เป็คนช่วยชีวิตแกเอาไว้ แกต้องขอบคุณเขานะ”
“ผมรู้ครับพ่อ” มู่หรงหลงเองก็ไม่เท่าไหร่พยักหน้าขึ้นเบาๆ มู่หรงเวยเวยมองพี่ชายของตนเองแล้วยิ้มขึ้นในใจเธอรู้สึกสุขอย่างไม่มีใครอาจอธิบายได้ ั้แ่เล็กจนโต ความรู้สึกแบบนี้ไม่อาจอธิบายออกมาได้
“คนมากันครบแล้วก็เสิร์ฟอาหารเถอะ” กัวไฮว่มองเมิ่งจวงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
เมิ่งจวงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่นาน บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศ
“เกี๊ยวหมูไคหยวน ต้นกระจับหยินหยาง ไก่ฉีกแตงกวา ถั่วลิสงต้มเก้าหยินเมนูสามแพะ เต้าหู้สองสี เนื้อกระต่ายพันถ้ำ ขึ้นฉ่ายเหล่ากุ่ย ปลาต้มเค็มสูตรลับผักกาดม้าดี ตับห่านทอดไส้เดือน ไข่น้ำเฟิ่งอู่” กัวไฮว่มองอาหารบนโต๊ะแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “เมิ่งจวง อาหารที่จัดมานี่ไม่ถูกนะ” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็ยื่นมือไปเปลี่ยนตำแหน่งอาหารบนโต๊ะ
“นี่สิ อาหารที่ผมชอบกินที่สุด ขอบคุณลุงเมิ่งมากครับ” มู่หรงหลงมองอาหารรสเลิศที่อยู่เต็มโต๊ะ ในใจก็พลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาตัวเขาเองสลบไปตั้งหกปี พ่อครัวในบ้านยังจำรสนิยมของตนเองได้อีก
“พวกท่านเป็ผู้าุโในยุทธภพกันทั้งนั้น กินเถอะ” กัวไฮว่พูดขึ้นยิ้มๆ อย่างไม่มากความ
“นายท่าน ผมผิดไปแล้ว” ในขณะที่ทุกคนกำลังจะคีบอาหารนั่นเองเมิ่งจวงก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดัง “พ่อหนุ่มนี่ตาแหลมนักตอนแรกผมคิดว่าจะไม่มีใครรู้เื่ผมแล้ว ผมผิดไปแล้ว”
“ว่ามา!” มู่หรงกูหรี่ตามองเมิ่งจวงแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“อาหารทั้งสิบสองอย่างบนโต๊ะทำออกมาโดยอิงจากชั่วยามหยินหยางน่าจะเป็การปรับสภาพหยินหยางน่ะครับ ชั่วยามโจมตีกันแต่อาหารของนายน้อยในครั้งนั้น กลับตรงกันข้าม” เมิ่งจวงก้มหน้าพูดขึ้นเบาๆ
“ใคร” มู่หรงกูถามต่อ
“คือ...” เมิ่งจวงยังไม่ทันไม่ได้พูดอะไรมู่หรงเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็ยื่นมือขึ้นมาจับศีรษะของเมิ่งจวงตอนที่เขาจะออกแรงนั่นเอง กัวไฮว่ก็ยื่นมือมาจับข้อมือของมู่หรงเหยียนเขาจึงไม่สามารถออกแรงได้
“ปู่เหยียน คิดจะฆ่าคนปิดปากเหรอ” กัวไฮว่หรี่ดวงตามองชายชราที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“ฉันเข้าใจแล้ว เสี่ยวไฮว่ ปล่อยเขาเถอะ” มู่หรงกูมองมู่หรงเหยียนก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงชั่วขณะราวกับแก่ขึ้นสองสามปี
“ท่านผู้นำ ผมผิดไปแล้ว” มู่หรงเหยียนคุกเข่าอยู่ข้างๆเมิ่งจวง เสียงแก่ๆ ของเขาเล็ดลอดออกมา
“หนานกงเชี่ยน ใช่ไหม” มู่หรงกูพูดด้วยความจนใจ “ลุกขึ้นมาเถอะ วันนี้เสี่ยวหลงดีขึ้นมาได้ เป็เื่ที่ดีวันนี้ไม่อยากฆ่าคน”
เมิ่งจวงลุกขึ้นมา จากนั้นก็เรียงลำดับอาหารใหม่อีกครั้งจากนั้นก็เอาอาหารอีกสิบสองอย่างมาวางไว้บนโต๊ะทว่าเขากลับไม่กล้ามองหน้ามู่หรงหลง
“หลานชายตัวดีของผมติดหนี้อยู่ร้อยกว่าล้านอยู่ที่เมืองนอกผมไม่กล้าบอกท่านผู้นำ เมิ่งจวงเป็คนที่ผมพามาที่บ้านตระกูลมู่หรงเองตอนนั้นมู่หรงอวี่บอกแค่ว่าให้พาเพื่อนมาคนหนึ่งเข้าบ้านมู่หรงแล้วเงินของหลานชายผมเขาจะเป็คนจ่ายให้เอง แต่ผมไม่คิดเลยว่าจะกลับทำร้ายเสี่ยวหลงได้” มู่หรงเหยียนพูดเบาๆ
“กินข้าว” มู่หรงกูพูดยิ้มๆ “ขายหน้าพวกท่านทั้งสามคนแล้วล่ะ”
“ฮ่าๆ อากู เสี่ยวหลงฟื้นฟูร่างกายแล้ว น่ายินดีมากๆ แต่จากนี้ไม่ต้องให้พวกเราสามคนมาปกป้องเขาแล้วล่ะพ่อหนุ่มข้างๆ เขาเป็ยอดฝีมือ” เซียวอวิ๋นเทียนผู้สืบทอดมวยแปดสุดยอดลำดับที่ร้อยสามสิบแปดพูดขึ้นยิ้มๆ
“ใช่ไหมล่ะ ไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มดูพวกเราออกได้ยังไงกัน” หวังเทียนลั่ว ผู้สืบทอดมวยตั๊กแตนเจ็ดดาวถามขึ้น “ไม่ทราบว่าอาจารย์ของพ่อหนุ่มเป็ใครเหรอ”
“เื่บางอย่างไม่สะดวกจะบอกพวกท่าน ในเมื่อพวกท่านเป็แขกของคุณพ่อตาผมก็จะคิดหาวิธีรักษาโรคแฝงให้พวกท่านเอง กินข้าวกินข้าวในเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเรามากินข้าวกันก่อน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ หลังจากที่เขาคีบอาหารให้มู่หรงเวยเวยโดยไม่ได้สนใจคนอื่นและตัวเขาเองก็เริ่มกินข้าว
“ฮ่าๆ พ่อหนุ่มช่างมีน้ำใจ เราสามคนขอขอบคุณล่วงหน้า” ทั้งสามพูดขึ้นยิ้มๆ ผู้ฝึกยุทธมีใครบ้างไม่มีอาการแฝงโดยเฉพาะเซี่ยอวี่ขุยผู้ฝึกหมัดเจ็ดพิการหมัดเจ็ดพิการใครฝึกเป็ต้องได้รับาเ็ภายในร่างกายของคนเรามีพลังหยินพลังหยางและธาตุเหล็กไม้น้ำไฟดินทั้งห้าจึงเรียกรวมกันว่า ‘เจ็ดพิการ’ ซึ่งมักจะทำร้ายตัวเ้าของเองก่อนจะไปทำร้ายผู้อื่นตัวเขาเองทรมานจากอาการแฝงทุกวัน จู่ๆ วันนี้ก็ได้เห็นความหวังที่รักษาเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไรกัน
ในขณะที่ทุกคนกินข้าวกันอย่างคึกครื้นอยู่นั้นเองก็มีเงาดำมายังข้างกายของมู่หรงกู พูดขึ้นข้างหูเขาสองสามประโยคไม่นานมู่หรงกูก็หน้าถอดสี
“อากู เป็อะไรไป มีคนมาหาเื่เหรอ” หวังเทียนลั่วมองมู่หรงกูแล้วถามขึ้นยิ้มๆ
“มู่หรงเชี่ยนมาแล้ว” มู่หรงกูพูดอย่างไม่ปิดบัง “พวกเธอกินกันไปเถอะ ฉันจะไปดูหน่อยว่าวันนี้เธอจะทำอะไร”
“กินอิ่มไปหกส่วนแล้ว พวกเราไปดูด้วยกันเถอะครับ” กัวไฮว่ลุกขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเขาอยากจะดูนักว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงผู้นี้เป็บุคคลแบบไหนกันแน่
“ทำไม ฉันมาหามู่หรงกูยังต้องรอให้พวกแกไปรายงานด้วยเหรอถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไป” หญิงสาวที่ดูอายุสามสิบกว่าปีพาคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านตระกูลมู่หรง
[1] เป็ลำดับสองของระดับผู้บำเพ็ญเพียราุโ อันประกอบไปด้วยปรมาจารย์ิญญา เขตแดนเซียนทียนและเขตแดนหนิงตัน
[2] อุปมาว่าผู้ที่โดดเด่นมีความสามารถมักจะมีอันตรายได้ง่ายมักมีผู้อิจฉาริษยา