เหล่าปายังไม่ยอมให้อาลู่เข้าใกล้ฝูงม้า
วันนี้เด็กหนุ่มจึงลงมือซ่อมเสาไม้ต่อ
น่าจะเพราะดินแข็งเกินไป เมื่อวานแม้เขาลงมือขุดดินทั้งวัน แต่ก็เพิ่งจะปักเสาลงดินได้แค่สองต้น
เช้าวันนี้กลับมีเสาต้นหนึ่งล้มลงเสียแล้ว อาลู่จำได้ว่าเขาฝังมันลงไปลึกมาก
มองไปรอบๆ ก็ไม่พบรอยเท้าอะไร จึงหาสาเหตุไม่ได้ว่าเสาต้นนั้นล้มลงด้วยเหตุใด
อาลู่พลันรู้สึกยุ่งยากใจเล็กน้อย
ดินก็แข็ง เสาก็หนักมาก เดาว่าอาจจะเป็ลมที่พัดมันให้ล้มลง
เด็กหนุ่มจึงวางแผนจะหาหินมาทับไว้ คาดว่าน่าจะทำให้เสามั่นคงขึ้นอีกสักหน่อย
เหล่าปาเห็นเด็กหนุ่มทำงานก็ไม่ได้กล่าวอะไร ยังคงเดินฝ่าฝูงม้าเข้าไปดังเดิม ไม่นานเงาของชายหนุ่มก็หายลับเข้าไปในฝูงม้า
อาลู่ยังคงทำงานต่อ เฉินโย่วน้อยเพิ่งจะกินข้าวเช้ามา จึงนอนอาบแดดอย่างว่าง่าย
อาบแดดอยู่สักพัก
รอจนนางตื่นขึ้นก็ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว
น้ำแข็งบนพื้นหญ้าเมื่อมีแดดส่องลงมาก็ละลายซึมหายไปกับพื้นดิน
เฉินโย่วน้อยดินขลุกขลักอยู่ครู่หนึ่งก็กลิ้งหลุนๆ ออกมาจากผ้าอ้อมได้ ทารกน้อยกลิ้งไปจนถึงพื้นหญ้า จากนั้นจึงเงยหน้ามองไปด้านหน้าตน
เด็กหนุ่มขณะกำลังทำงานอยู่ก็ได้ยินทารกน้อยส่งเสียงมา
เมื่อเงยหน้าก็พบกับสตรีคนเมื่อวาน
หลัวอู๋เลี่ยงในวันนี้มาพร้อมกับผ้าคลุมไหล่ขนแมวป่าสีเทาที่พาดอยู่บนไหล่
ทุกย่างก้าวที่ก้าวเดิน ขนยาวๆ นั้นจะพลิ้วสะบัดตามสายลมที่พัดผ่าน งดงามราวกับมีชีวิต
เมื่อวานตอนกลับไป นายท่านใหญ่รู้ว่านางออกมาเดินเล่นผ่อนคลาย ก็กลัวนางจะถูกความเย็นเล่นงาน จึงส่งผ้าคลุมผืนนี้มาให้นาง
หลัวอู๋เลี่ยงเดิมทีไม่ได้อยากออกมา
เื่เมื่อวานนั้นเป็แค่อุบัติเหตุ
นางแค่อยากมาทุ่มเ้าเด็กเหลือขอนั่นลงกับพื้นให้ถึงฆาตเพียงเท่านั้น
ลูกผู้อื่นมีสิทธิ์อะไรถึงมีชีวิตอยู่ ในขณะที่ลูกนางนั้นต้องตาย
ทว่าเมื่อเ้าเด็กเหลือขอนั่นปีนขึ้นมาบนกายนาง นางกลับมีความรู้สึกประหลาดสายหนึ่งผุดขึ้นมา
อันที่จริงนางแค่อยากเป็แม่คน
นอกจากนี้นางเองไม่ได้สนใจผ้าคลุมใหม่ผืนนี้สักนิด นางเป็แค่หลานสาวนายอำเภอ ยามปกตินางก็ไม่เคยมีผ้าคลุมพวกนี้อยู่แล้ว ทว่าเมื่ออยู่บนูเากระดูกแห่งนี้ นางจำต้องแสดงท่าทางว่านางชอบมัน วันนี้จึงได้คลุมมันออกมา
เดิมทีนางกะแค่จะคลุมมันมาเดินเล่นสักรอบ แต่เมื่อเดินไปเดินมา ไม่ทันรู้ตัว นางก็มาถึงที่นี่เสียแล้ว
เมื่อมาถึง ภาพตรงหน้าก็ปรากฏเป็ภาพเ้าเด็กเหลือขอนั่นกำลังเร่งคลานมาทางนาง
ด้านหลังเ้าเด็กเหลือขอนั่นยังมีใบหน้าร้อนใจของเ้าเด็กเหลือขออีกคนรีบวิ่งตามมา
แม้จะเร็วไม่เท่าเ้าเด็กเหลือขอตรงหน้านางก็ตาม
หลัวอู๋เลี่ยงเมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็นึกขันจนหัวเราะออกมา
เพียงแค่นางยิ้ม หญิงรับใช้สองคนข้างหลังก็พลันตื่นตะลึง
หลัวอู๋เลี่ยงเป็สตรีที่งามเหนือใครโดยเฉพาะเวลายิ้ม ราวกับทั้งท้องทุ่งแห่งนี้พลันสว่างไสวไปด้วยรอยยิ้มของนาง มิน่าเล่าหลังจากที่นางมาอยู่ที่นี่ นายท่านใหญ่ก็ไม่เคยฉุดหญิงคนใดกลับมาอีกเลย
อาลู่เองก็ราวกับถูกรอยยิ้มของนางสะกดเข้าเช่นกัน
กว่าจะได้สติว่าต้องอุ้มทารกน้อยกลับมา ทารกน้อยก็ปีนขึ้นไปอยู่บนเท้าของสตรีตรงหน้าเสียแล้ว
เฉินโย่วน้อยคว้าไข่มุกเม็ดงามเม็ดหนึ่งได้ จากนั้นนางจึงออกแรงดึงมา
นางชอบของที่ส่องประกายเป็ที่สุด
หญิงงามรู้สึกว่าเท้าโดนบางสิ่งกำลังรั้งไว้ เ้าตัวที่จับไว้ก็ไม่หนักเท่าใด หากเตะสักทีก็ย่อมปลิวไปไกลอย่างแน่นอน
ทว่าเมื่อเห็นเ้าตัวตรงหน้าส่งยิ้มเซ่อซ่าให้ตน ในที่สุดนางก็อดที่จะค้อมตัวลงไปอุ้มเ้าตัวน้อยขึ้นมาไม่ได้
เ้าตัวน้อยนี่แรงเยอะไม่เบา ถึงขนาดดึงไข่มุกบนรองเท้านางหลุดติดมือมาได้
อารมณ์ของหลัวอู๋เลี่ยงปกติก็ไม่ค่อยจะสู้ดี ต่อหน้านายท่านใหญ่ก็เอาแต่ใจเป็อย่างมาก กระทั่งมีครั้งหนึ่งมีโจรนายหนึ่งเดินเฉียดเข้ากับชายเสื้อนาง นางยังประท้วงไม่กินข้าวถึงสามวัน ทำเอานายท่านใหญ่ต้องจัดการโจรผู้นั้นให้เรียบร้อย นางถึงจะพอใจ
เหล่าสาวใช้เมื่อเห็นว่าทารกน้อยดึงไข่มุกบนรองเท้าของนายหญิงหลุด ก็อดเสียวสันหลังไม่ได้
อาลู่เองก็ไม่ต่าง
ทว่าเฉินโย่วน้อยกลับยื่นไข่มุกเม็ดนั้นให้แม่นางหลัว รอจนนางรับไป ทารกน้อยจึงยื่นมือไปจับหน้าอกของแม่นางตรงหน้า
จากนั้นจึงออกแรงบีบแล้วรีบมุดหน้าเข้าไปทันที
ราวกับว่าคุ้นเคยเป็อย่างมาก
เด็กหนุ่มพลันหน้าแดงกับภาพตรงหน้า
หลัวอู่เลี่ยงถูกท่าทางของเ้าตัวน้อยทำให้โกรธจนหัวเราะ
เ้าเด็กนี่ใช้ไข่มุกของนาง มาแลกกับน้ำนมของนางเอง
ยามเ้าเด็กน้อยที่กระทั่งฟันก็ยังไม่งอกขบลงมา นางก็รู้สึกคันยุบยิบแทบทนไม่ไหว จึงได้แต่คลายสาบเสื้อออก
เฉินโย่วน้อยเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบมุดหัวซุกหน้าลงดูดทันที
ทารกน้อยทำท่าทางตั้งใจกินอย่างเอาเป็เอาตาย
มือคู่เล็กนั้นขยับไปมา จับหลัวอู๋เลี่ยงไว้ ทำให้นางรู้สึกราวกับเ้าตัวเล็กนี้กำลังกอดนางอยู่ กระทั่งผ้าคลุมบนไหล่นางตกลงไปบนพื้น นางก็ไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง
หลัวอู๋เลี่ยงนั่งลงบนผ้าคลุมผืนงามของตน เพื่อป้อนนมให้ทารกน้อยในอ้อมอก
กลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เงาของแผ่นหลังตรงดุจพู่กันของแม่นางหลัวดูแล้วช่างสง่างาม
ลำคอเรียวระหง
เอวคอดบาง
ผิวพรรณขาวนวลดุจหิมะ
ณ ปากถ้ำชายผมยาวยืนมองภาพตรงหน้าเงียบๆ มิได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
เขาแทบจะแยกไม่ออกว่าภาพตรงหน้านั้นคือความจริง หรือว่ากำลังฝันไป
หญิงที่เขาปรารถนา หญิงที่เขาอยากจะมีลูกด้วย
เขาก้มหน้าต่ำลงเผยให้เห็นคิ้วงามที่มีเพียงครึ่งเดียว
หลัวอู๋เลี่ยงเมื่อป้อนนมให้ทารกน้อยเสร็จ ก็โยนนางลงพื้นเช่นเมื่อวาน
ทว่าวันนี้กลับเป็อาลู่ที่รับทารกน้อยไว้
เขามองทารกน้อยที่กินอิ่มแล้วตรงหน้าค่อยๆ ยื่นมือออกมา เผยให้เห็นไข่มุกเม็ดงามในมือ ก่อนจะยิ้มแล้วส่งไข่มุกเม็ดนั้นให้ตน
วันที่สาม
แม่นางหลัวก็ปรากฏกายอีกครั้ง พร้อมกับผ้าคลุมสีดำผืนใหม่ที่ยิ่งช่วยขับเน้นผิวขาวของนางให้งามยิ่งกว่าเดิม
วันที่สี่
วันที่ห้า
วันที่หก
อาลู่จากคราแรกที่รู้สึกหวาดกลัวแม่นางหลัวเมื่อพบเจอ ตอนนี้กลับรู้สึกปกติขึ้นไม่น้อย
ส่วนหลัวอู๋เลี่ยงนั้น จากความรู้สึกโกรธเกรี้ยวตลอดจนความกลัดกลุ้ม บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็ความรู้สึกว่านางไม่อาจควบคุมตนเองได้
เฉินโย่วน้อยจากเริ่มพลิกตัวได้ ต่อด้วยเริ่มใช้มือปีนป่ายได้ จวบจนบัดนี้ที่นางเริ่มนั่งเองได้แล้ว ในห่อผ้าอ้อมของนางก็เต็มไปด้วยไข่มุกเม็ดงามมากมาย
เจอทุกครั้งก็ดึงมาหนึ่งเม็ดทุกครั้ง ไข่มุกหลากสี ดูแล้วงดงามเหลือเกิน
เฉินโย่วน้อยชอบใจนัก