พวกของโอวหยางเต้าอวี่กำลังขี่อสูรสัตว์ปีก ทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคนมุ่งหน้าเข้าไปในทะเลทรายดูด ส่วนคนของสายเลี่ยนเหยียนนั้นหยุดรออีกครู่หนึ่ง ไม่ได้ตามไปในทันที
เพื่อความปลอดภัย พวกเขาไม่มีทางตามสายหรงเหยียนกับสายจั่วเหยียนไปทันทีแน่
เมื่อเห็นพวกโอวหยางเต้าอวี่ไปไกลแล้ว คนของสายเลี่ยนเหยียนถึงได้โล่งใจ ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งในกลุ่มหันไปมองซ้ายและขวา จากนั้นก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “ข้าจำได้ว่าในกลุ่มของเราน่าจะมีิอวี่กับเิหยูเยียนด้วยนี่นา ทำไมพวกเขาถึงยังไม่มาล่ะ?”
ในเวลานี้ คนที่พูดก็คือศิษย์ชั้นยอดที่ิอวี่ช่วยเอาไว้ จางเทียนหยางนั่นเอง
หลังจากที่จางเทียนหยางตัดสินใจเขาก็รีบตามิอวี่มาทันที แต่กลับพบว่าพวกเขานั้นตามไม่ทัน และั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เจอพวกของิอวี่เลย
เดิมคิดว่าเมื่อมาถึงที่ทะเลทรายทางเหนือแล้วก็จะได้พบกับิอวี่ เพื่อพิสูจน์ให้เขาได้เห็นว่าพวกเขานั้นมีการพัฒนา แต่ใครจะคิดว่าพอมาถึงกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของิอวี่
“ิอวี่? ใครกัน?”
ศิษย์ในสายเลี่ยนเหยียนคนอื่นมองมาที่จางเทียนหยางด้วยความสงสัย
จางเทียนหยางรู้สึกพูดไม่ออก “ก็ศิษย์ที่ได้อันดับที่สิบในศึกหอคอยเลี่ยนถ่าครั้งที่แล้วไง ศิษย์ของซ่งหยวนหยวนน่ะ พวกเ้าลืมแล้วหรือ?”
“อ๋อ เ้าหมายถึงเขาหรือ”
ทุกคนเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ จากนั้นก็พูดว่า “แต่เราจำได้ว่าเ้าได้อันดับที่สามนะ เ้าจะไปสนใจคนตัวเล็กๆ แบบนั้นทำไม?”
ตามหลักแล้ว ในศึกหอคอยเลี่ยนถ่าครั้งนั้น ถึงแม้ิอวี่จะได้อันดับสิบ แต่คนที่ได้อันดับห้าอย่างเิหยูเยียนน่าทึ่งกว่า ดังนั้นทุกคนเลยไม่ได้จำิอวี่ลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น ครั้งนี้ที่ิอวี่ไม่ได้มา คิดว่าน่าจะเจออันตรายอะไรแล้วบีบหยกออกจากสนามรบร้างโบราณไปแล้ว มันไม่ใช่เื่แปลก มันก็ไม่ได้มีอะไรให้พวกเขาต้องสนใจ
“ทำไมพวกเ้าถึงได้นินทาคนอื่นลับหลังแบบนี้?”
คนด้านหลังจางเทียนหยางสี่คนเหมือนจะโมโหนิดๆ ิอวี่คือผู้มีพระคุณของพวกเขา และเป็ต้นแบบของพวกเขาด้วย แล้วจะให้คนอื่นมาดูถูกได้อย่างไร
ในเวลานี้เอง ศิษย์ชั้นยอดขอบเขตอมฤตขั้นที่สองอีกคนที่ไม่รู้เื่ก็พูดขึ้นมาว่า “จางเทียนหยาง เ้ายอมออกหน้าแทนคนอื่นั้แ่เมื่อไหร่กัน มันดูไม่เป็เ้าเลยนะ อีกอย่าง ความสามารถของเิหยูเยียนกับิอวี่นั้นไม่เลวทั้งคู่ แต่กำลังหลักคือพวกเรานะ ขโมยไข่ัไม่จำเป็ต้องพึ่งพวกเขา เ้าตื่นตระหนกขนาดนี้ทำไม ข้านี่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ”
“เ้า ... ”
พวกจางเทียนหยางโกรธมาก จนถึงตอนนี้ ในหัวของพวกเขายังมีภาพที่ิอวี่ใช้กระบี่อันน่าตะลึงอยู่เลย ยังลืมไม่ลง
ความสามารถแบบนั้นเจอเทพฆ่าเทพได้ แล้วจะให้คนเหล่านี้มาขี่อยู่บนหัวแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
หากิอวี่อยู่ที่นี่ด้วย เขาต่างหากถึงเป็กำลังหลัก!
ในใจของจางเทียนหยางปั่นป่วนอย่างแรง เขารู้สึกอยากทวงความเป็ธรรมให้ิอวี่และอยากจะอธิบายเื่ของิอวี่มาก แต่ก็ต้องชะงักไป เพราะคิดได้ว่าเื่นี้เขาพูดไม่ได้ เขารับปากิอวี่ไว้แล้วว่าจะต้องรักษาความลับเอาไว้ หากคนอีกสองสายรู้เื่ที่ิอวี่สังหารศิษย์ชั้นยอดไปสามคน จะต้องเกิดความโกลาหลแน่!
อีกอย่าง เื่ที่พวกจางเทียนหยางคุกเข่าก็ยังติดตา เขาไม่อยากพูดถึงมัน แล้วก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าพวกเขาอ่อนแอเลย
“ถึงอย่างไรเ้าต่างหากที่เป็ฝ่ายไม่ถูก” จางเทียนหยางพูดอย่างหัวรั้น
“ ... ”
คนอื่นก็ทำอะไรจางเทียนหยางไม่ได้ ศิษย์ชั้นยอดคนนั้นตบมาที่ไหล่ของจางเทียนหยาง ก่อนจะส่ายหัวยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าปกป้องเขาขนาดนี้ ข้าอดสงสัยไม่ได้เลยว่าพวกเ้าเป็คู่รักกันหรือเปล่านะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ... ”
พอพูดแบบนี้ออกมา คนรอบข้างต่างก็หัวเราะกันขึ้นมา สายตาที่มองไปที่จางเทียนหยางนั้นก็แปลกไป พวกของจางเทียนหยางได้ยินดังนั้นก็หน้านิ่ง ตัวแข็ง
“เอาล่ะเอาล่ะ ล้อเ้าเล่นน่ะ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้?”
ศิษย์ชั้นยอดคนนั้นผลักจางเทียนหยางจากด้านหลัง แล้วพูดว่า “ไปเถอะ เราเองก็ไปลองขโมยไข่ักัน เตรียมหยกเอาไว้ให้ดีด้วย ถ้าเจออันตรายอะไรจะได้บีบได้ทันที”
ระหว่างที่พูดเขาก็ขี่อสูรสัตว์ปีกบินขึ้นฟ้าไป ที่จริงทุกคนในสายเลี่ยนเหยียนพอััได้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์ชั้นยอดของอีกสองสายแล้ว พวกเขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าภารกิจในครั้งนี้คงหมดวาสนาแล้ว รู้ว่าการเดินทางในสนามรบร้างโบราณของพวกเขานั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว เพียงแต่คิดว่าก่อนที่จะออกไป ก็อยากเห็นัทะเลทรายกันสักครั้ง
พวกของจางเทียนหยางหันไปมองรอบๆ อีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีร่องรอยของิอวี่ ถึงได้บินตามกลุ่มใหญ่ไปอย่างจนใจ
แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า เหนือหัวของพวกเขาขึ้นไป บนเมฆสีเทาๆ ที่สูงขึ้นไปกว่าหมื่นเมตรนั้น มีเงาของอสูรสัตว์ปีกตัวหนึ่งกำลังบินตามรอยพวกเขาไปพร้อมกัน
ศิษย์ชั้นยอดทุกคนปล่อยพลังจิตทั้งหมดไปในทะเลทรายทางเหนือ ไม่มีใครสนใจลมปราณที่อยู่้าหัวของพวกเขาเลย
“เจอเบาะแสอะไรใหม่บ้างไหม?”
โอวหยางเต้าอวี่ปล่อยพลังจิตออกไปทั่วแล้วหันไปถามคนที่อยู่ด้านหลัง และก็ตรวจสอบทะเลทรายดูดไปพร้อมกันด้วย เขาััได้ว่าทะเลทรายดูดมันลึกกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ ระดับความลึกน่าจะมีอย่างต่ำหนึ่งพันเมตร และดูจากทรายที่เคลื่อนตัวแล้ว เหมือนระดับความลึกมันน่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย!
ซึ่งระหว่างนั้น โอวหยางเต้าอวี่ััได้ถึงลมปราณของอสูรร้ายจำนวนมาก
อสูรส่วนใหญ่มีระดับาาขั้นที่หนึ่ง ส่วนอสูรระดับาาขั้นที่สองมีน้อยลงมาหน่อย ส่วนระดับาาขั้นที่สามแทบไม่เจอเลย
“ไม่เจออะไรเลย” ซูอี้หรานเองก็กำลังสำรวจเหมือนกัน แต่ก็ไม่เจอลมปราณอะไรที่แข็งแกร่งเลย
คนด้านหลังกว่ายี่สิบคน ก็ล้วนแต่ปล่อยพลังจิตทั้งหมดไปในทะเลทรายดูด ในใจของพวกเขาทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัว ตื่นเต้นเพราะหากเจอัทะเลทราย ก็จะได้เห็นอสูราาขั้นที่สี่ระดับสูงสุด!
แต่พวกเขาก็หวาดกลัวเช่นกัน เพราะความสามารถของัทะเลทรายนั้นเหนือกว่าพวกเขาทุกคน
ความขัดแย้งในใจมันทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น แต่ละคนหัวใจเต้นแรงและถี่มาก
เมื่อเวลาผ่านไป หนึ่งก้านธูป สองก้านธูป ครึ่งชั่วยาม หนึ่งชั่วยาม ...
จนกระทั่งผ่านไปแล้วประมาณสองชั่วยาม พวกเขากลับไม่เจอร่องรอยของัทะเลทรายเลย!
ทะเลทรายดูดเหมือนไร้ที่สิ้นสุด มันไม่มีขอบเขต ก่อนหน้านี้พวกเขายังเห็นมีเงาของซากปรักหักพังอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เมื่อมองออกไปเห็นแค่ทะเลทรายสีเหลืองขาวเท่านั้น
ทุกคนขี่อสูรสัตว์ปีกบินอยู่บนท้องฟ้ากลางฝุ่นทราย เหมือนกับกำลังจะหลงอยู่ในโลกแห่งนี้
โอวหยางเต้าอวี่เองก็เริ่มรู้สึกร้อนใจ สำรวจมาตั้งสองชั่วยามแล้ว นอกจากเจออสูราาขั้นที่สามบ้าง ก็ไม่เจอลมปราณที่แข็งแกร่งอะไรอีกเลย
“ข้าคิดว่า เราควรจะเปลี่ยนแผนนะ”
เสียงโอวหยางเต้าอวี่ดังขึ้นอีกครั้ง “ัทะเลทรายมันน่าจะซ่อนตัวลึกลงไปในชั้นทราย ด้วยพลังจิตของเรา เหมือนจะไม่สามารถรับรู้ตำแหน่งของมันได้เลย”
“เหมือนจะเป็แบบนั้นนะ”
หญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งด้านข้างพูดขึ้นมา นางก็คือลั่วอิง ค้นหาอยู่แบบนี้ตลอดสองชั่วยามโดยรอบๆ มีแต่ทรายสีเหลืองขาว นางเองก็รู้สึกว่าดวงตาอ่อนล้าและหมดกำลังใจ
พอได้ยินว่าโอวหยางเต้าอวี่มีแผนก็เริ่มรู้สึกว่ามีความหวัง
คนอื่นเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน เพราะหากพวกเขามัวค้นหาอยู่อย่างนี้ไม่เลิกรา เกรงว่ายังไม่เจอัทะเลทราย อสูรสัตว์ปีกของพวกเขาอาจจะเหนื่อยตายก่อน
ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าให้พวกเขาดำลงไปในทะเลทรายดูดเองก็คงไม่กล้า
เพราะในทะเลทรายดูดนั้นมันไม่ใส พวกเขาจึงต้องใช้พลังจิตสำนึกส่องและััรอบๆ หากเกิดอันตราย พวกเขาก็จะรู้สึกปั่นป่วน ถ้าไม่มั่นใจ พวกเขาก็ไม่กล้าลอง
“ความคิดของข้ามันบ้าบิ่นพอสมควร แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะเอาด้วยไหม” โอวหยางเต้าอวี่หยุดบิน เขาหยุดอยู่กลางอากาศแล้วหันมามองทุกคนที่เหลือ
“อือ ศิษย์พี่เชิญพูดมาได้เลย”
ทุกคนให้เกียรติและเคารพโอวหยางเต้าอวี่มาก ดวงตาที่พวกเขาจ้องมองมาที่โอวหยางเต้าอวี่ สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
โอวหยางเต้าอวี่พูดเสียงเข้มว่า “ในเมื่อใช้วิธีการปกติไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องโหดหน่อย เราต่างรู้ดี อสูรหวงพื้นที่ของตัวเองมาก หากมีใครรุกรานเข้ามาในอาเขตของมัน พวกมันจะต้องรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกท้าทาย เื่นี้ไม่มีใครคัดค้านใช่ไหม”
ทุกคนต่างพยักหน้า
โอวหยางเต้าอวี่พูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้น เราต้องใช้วิธีที่แข็งแกร่งกว่าเดิมในการโจมตี ทำให้ทะเลทรายดูดแห่งนี้เกิดความปั่นป่วน เมื่อะเืไปถึงอสูร มันก็จะวิ่งพล่านไปทั่ว การเคลื่อนไหวที่เราสร้างขึ้นมาก็จะต้องแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณแน่ อสูรเป็พวกอ่อนไหว เมื่อััได้ถึงความเคลื่อนไหวที่รุนแรงจะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองแน่ แล้วเราก็จะััปฏิกิริยาเ่าั้เพื่อหาตำแหน่งของัทะเลทราย”
“เอ่อ ... ”
สายหรงเหยียนกับสายจั่วเหยียนมองหน้ากัน วิธีการแบบนี้มันบ้าบิ่นและอันตรายมาก
หากเวลาพวกเขาลงมือ แล้วอสูรในทะเลทรายดูดเ่าั้พุ่งขึ้นมาทำร้ายพวกเขาจะทำอย่างไร?
“หากพวกเ้าคิดว่ามันอันตราย ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้นะ พวกเ้าใครไม่เห็นด้วยก็ไปได้เลย แต่ใครเห็นด้วยก็อยู่ฟังแผนการขโมยไข่ัทะเลทรายของข้า”
คำพูดของโอวหยางเต้าอวี่ตรงมาก ไม่ได้มีปกปิดหมกเม็ดอะไรเลย
โอวหยางเต้าอวี่ตัดสินใจแล้วว่าจะขโมยไข่ัถึงได้มาที่นี่ เขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ไข่ัไป ขอแค่เขาสามารถเอาไข่ัมาได้ ก็จะได้รับรางวัลมหาศาล ศิษย์ของสายหรงเหยียนทั้งหมดก็จะได้รับรางวัลใหญ่ตามไปด้วย!
ครั้งนี้ วิธีการของโอวหยางเต้าอวี่ถึงแม้จะดูบุ่มบ่าม แต่ในความเป็จริงมันก็ละเอียดมากพอที่สามารถจะไปลองได้
วิธีการสร้างความวุ่นวายถึงแม้จะดูอันตราย แต่ก็สามารถหาตำแหน่งของัทะเลทรายได้เร็วที่สุด หากเจอที่อยู่ของัทะเลทรายเมื่อไหร่ โอวหยางเต้าอวี่ก็จะลองสู้กับมันสักตั้งหนึ่ง!
เื่นี้จะต้องให้โอวหยางเต้าอวี่เป็คนทำ เพราะมีแค่เขาเท่านั้นที่ทำได้!
เขาเป็ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สามระดับสูงสุด มีพร์เหนือใครทั้งหมดที่นี่ หลังจากที่เข้าสายหรงเหยียนแล้ว ศิษย์พี่ที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่หลายคนเขาก็สามารถสู้ได้ ถึงแม้ัทะเลทรายจะเป็อสูราาขั้นที่สี่ระดับสูงสุด แต่โอวหยางเต้าอวี่ก็มั่นใจว่าเขาสามารถต่อสู้กับมันได้!
ถึงเวลานั้นค่อยใช้วิธีการหลอกล่อให้ลั่วอิง ซูอี้หราน และคนอื่นลอบเข้าไปขโมยไข่ั ก็จะถือเป็การให้ความร่วมมือที่สมบูรณ์แบบ
บางครั้ง เหล็กที่ดีก็สมควรจะเป็ของคมดาบ การขโมยไข่ัเป็เื่ที่มีหน้ามีตา แต่หากไม่ใช่เขาสู้กับัทะเลทราย คนอื่นจะมีเวลาไปขโมยไข่ัได้อย่างไร?
พอคิดแบบนี้ โอวหยางเต้าอวี่ที่มีนิสัยสุขุมก็อดยิ้มขึ้นมาที่มุมปากไม่ได้ ในนาทีนี้เขาเริ่มนับถือสติปัญญาของตัวเองแล้ว
