ในใจของท่านเจี่ยเหวยเกิ่งก็แอบรำพึงอยู่เงียบๆหลังจากนั้นจึงพูดเตือนขึ้น “ยังจำเฉินเฟยคนนั้นได้หรือเปล่า?ตอนนั้นพวกคุณไม่ถูกกัน ถึงเหตุการณ์จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกว่าพวกคุณสะสมความไม่พอใจไว้มากกว่าเดิมเสียอีกได้ยินมาว่าเขามีลูกศิษย์ที่อายุยี่สิบกว่าปีอยู่คนหนึ่งแต่ว่าลูกศิษย์ของเขาศึกษาติดตามเครื่องเคลือบจากเขามาั้แ่อายุ 6 ขวบ ครั้งนี้เขา้าข่มคุณคุณก็ต้องระวังหน่อยละกัน”
“ผมว่าแล้วว่าตาแก่คนนั้นต้องมีเจตนาไม่ดีครั้งนี้ก็เป็เพราะเขาเอาแต่ยุคนอื่นใช่ไหมล่ะ เจตนาของเขาก็คือ้าเล่นงานผมโดยตรงเอาสิ! ถ้าส่งทหารมาผมก็จะเอานายพลออกไปรับถ้าบุกด้วยน้ำผมก็จะเอาดินเข้าสู้ ไม่ว่าจะเป็สถานการณ์แบบไหน ผมก็จะหาวิธีรับมือถึงเขา้าให้ผมขายหน้า แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นเล่นงานง่ายๆ หรอกนะหึ!”
ท่านเฮ่อฉางเหอสบถในลำคอ ดวงตาของเขาส่องประกายเ้าอารมณ์
เมื่อเห็นว่านิสัยของท่านเฮ่อฉางเหอไม่ได้เปลี่ยนไปท่านเจี่ยเหวยเกิ่งก็ได้แต่หัวเราะอย่างอ่อนใจถึงเวลานั้นเขาก็จะช่วยสหายเก่าของตนเอง เฉินเฟยคนนั้นอาจจะไม่ได้เป็ต่ออะไรมากเพียงแต่ว่าการทดสอบลูกศิษย์ในครั้งนี้พวกเขาที่เป็รุ่นาุโก็อาจจะไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้สักเท่าไร
หวังว่าเด็กหนุ่มหลินเยว่คนนี้จะศึกษาความรู้ความสามารถจากสหายเก่าของเขาได้สัก70 – 80% ก็แล้วกัน
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งมองหลินเยว่ด้วยสายตาครุ่นคิดลึกซึ้ง
พวกท่านเฮ่อฉางเหอต่างคนต่างชมเครื่องเคลือบโดยไม่ได้รบกวนหลินเยว่อีกเลย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรหลินเยว่จึงตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความรู้เครื่องเคลือบที่กว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทรเขาผ่อนลมหายใจด้วยความพอใจ สีหน้ามีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นและเวลานี้เองที่เขาพบว่าอาจารย์ของตนและท่านเจี่ยได้เดินห่างออกไปเสียแล้วเขาจึงได้แต่รุดตามไปทันที
เมื่อเห็นหลินเยว่ตามมาถึงแล้วท่านเฮ่อฉางเหอจึงถามท่านเจี่ยเหวยเกิ่งขึ้น “ยังจำวิธีการในการผลิตเครื่องเคลือบและขั้นตอนต่างๆที่พวกเราเรียนในตอนนั้นได้หรือเปล่า?”
ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอยู่ข้างๆอุปกรณ์เครื่องมือในการผลิตเครื่องเคลือบในสมัยโบราณพอดี
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งมีประสบการณ์มากขนาดนี้ก็ย่อมเข้าใจได้ทันทีว่าท่านเฮ่อฉางเหอ้าจะทำอะไรกันแน่...เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่าย้าสอนลูกศิษย์ของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงให้ความร่วมมือเป็อย่างดี
“จำได้อยู่แล้วสิ รายละเอียดพวกนี้ผมย่อมจำได้ชัดเจนยิ่งกว่าคุณตอนนั้นคุณถือว่าตัวเองมีความรู้ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษอยู่บางส่วนจึงไม่ชอบศึกษาเื่พวกนี้ผมยังจำภาพเหตุการณ์ที่คุณถูกอาจารย์ใหญ่ตีก้นตอนนั้นได้เลย”
ใบหน้าชราของท่านเฮ่อก็ถึงกับแดงขึ้นทันทีเขาถลึงตาหนักๆ ใส่ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งและพูดขึ้นอย่างโมโห“คุณจะพูดเื่พวกนี้ทำไมล่ะ ที่ผมถามคุณคือวิธีการและขั้นตอนในการผลิตเครื่องเคลือบ!”
การขายหน้าต่อหน้าคนรุ่นหลังก็ไม่ใช่เื่ที่ดีนักหรอกนะ!
หลินเยว่พยายามเกร็งหน้าของตัวเองไว้เพื่อไม่ให้หลุดยิ้มออกมาแต่ความคิดและสมองของเขากลับล่องลอยไปถึงภาพเหตุการณ์ที่ท่านอาจารย์ใหญ่ตีก้นอาจารย์ของเขาในตอนนั้น...
ส่วนจางฮุยิก็เกร็งหน้าไว้นิ่งเช่นกันแต่สุดท้ายเขาจึงเลือกหันหน้าออกไปทางอื่น เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นสีหน้าของเขาแทน
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งหัวเราะ “ฮ่าๆ” อย่างอารมณ์ดี“คุณก็มี่จังหวะเขินกับเขาเหมือนกันหรือเนี่ย หายากจริงๆ ฮ่าๆ......”
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งรู้ดีว่าเมื่อไรควรล้อเล่นเมื่อไรไม่ควรล้อเล่นหลังจากแซวท่านเฮ่อฉางเหอแล้ว เขาจึงพูดต่อ “ขั้นตอนการผลิตเครื่องเคลือบแต่ละชิ้นมีอยู่7 ขั้นตอนซึ่งทั้ง 7 ขั้นตอนนี้เป็ขั้นตอนที่เป็พื้นฐานที่สุดไม่สามารถขาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งได้เลย ขั้นตอนแรก หาและรวบรวมหินพอร์ซเลนและดินขาวขั้นตอนที่ 2 บดหินพอร์ซเลนและดินขาวให้ละเอียดขั้นตอนที่ 3 ล้างน้ำและกรองเฉพาะผงดินที่มีความละเอียด ขั้นตอนที่ 4ขึ้นรูป ขั้นตอนที่ 5 ตกแต่งวาดลวดลาย ขั้นตอนที่ 6 ลงสีเคลือบให้สม่ำเสมอ ขั้นตอนที่ 7 นำเข้าเตาเผา แต่ทั้ง 7 ขั้นตอนนี้ก็ยังมีรายละเอียดอีกมาก......”
หลังจากนั้นท่านเจี่ยเหวยเกิ่งก็ได้อธิบายขั้นตอนทั้ง7 นี้อย่างละเอียดขึ้นอีกครั้งยกตัวอย่างเช่นขั้นตอนที่ 5ตกแต่งวาดลวดลาย ท่านก็ได้พูดถึงตอนที่แกะลวดลายนั้นจำเป็ต้องใช้เครื่องมือพิเศษเช่น ต้องใช้ดาบไม้ไผ่ในการแกะลวดลายขณะที่ชิ้นงานยังแห้งไม่สนิท แต่การพิมพ์ลายหรือการปั้นรูปจำเป็ต้องทำขณะที่ดินค่อนข้างเปียกแต่การวาดลวดลายกลับต้องรอให้ตัวชิ้นงานแห้งสนิทแล้วถึงจะค่อยลงมือ ความ้าที่แตกต่างกันก็ย่อมใช้วัตถุดิบในการทำที่แตกต่างกันหรือตัวอย่างเช่นขั้นตอนที่ 7 เครื่องเคลือบแต่ละชนิดย่อมใช้อุณหภูมิในการเผาที่แตกต่างกัน
หลินเยว่ยืนฟังอยู่ข้างๆ อย่างสนใจเขาพยายามจดจำทุกประโยคของท่านเจี่ยเหวยเกิ่ง ราวกับว่าเกรงว่าจะพลาดอะไรบางอย่างไปนี่เป็โอกาสที่หาได้ยากทีเดียว
ถึงแม้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าจางฮุยิจะเคยเรียนรู้เื่พวกนี้มาแล้วแต่ทว่าเขาก็ยังตั้งใจฟังเช่นกัน การทบทวนอีกครั้งก็ย่อมจะได้รับความรู้สิ่งใหม่ๆเพิ่มเติมอีกทั้งการบรรยายของอาจารย์ของเขาในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะมีความละเอียดมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก
ทำให้เวลา 20 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครรู้ตัว
เมื่อท่านเจี่ยเหวยเกิ่งพูดส่วนสุดท้ายจบลงเขาก็มองท่านเฮ่อฉางเหอด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ และถามขึ้น “เป็ยังไงล่ะยิ่งแก่ก็ยิ่งเจ๋งใช่ไหมล่ะ?”
“ก็พอไหว แต่ก็ยังแย่กว่าตอนที่คุณหนุ่มๆ เยอะ”
ท่านเฮ่อฉางเหอก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสในการโจมตีท่านเจี่ยเหวยเกิ่งเช่นกัน
ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับหนวดกระดิกเขาถลึงตาใส่ท่านเฮ่ออย่างแรง
ท่านเฮ่อฉางเหอหัวเราะ “เหอๆ” หลังจากนั้นจึงชี้ไปยังเครื่องบดหินขนาดใหญ่และพูดต่อจากท่านเจี่ยเหวยเกิ่ง“นี่คือเครื่องบดขนาดใหญ่ที่ใช้ในขั้นตอนที่ 2 บดหินพอร์ซเลนและดินขาวให้ละเอียดบางส่วนอาจจะต้องใช้ค้อนหินั์ทุบวัตถุดิบที่้าใช้ให้ละเอียดในครกหิน......”
หลังจากนั้นท่านเฮ่อฉางเหอจึงชี้ไปยังเครื่องมืออื่นๆแล้วบอกกับหลินเยว่ เช่น ชิ้นนั้นเป็แป้นหมุนเอาไว้ทำเวลาขึ้นรูป...... เป็ต้น
ขณะที่หลินเยว่ฟังอาจารย์ของตนอธิบายเขาก็พยักหน้าอย่างตั้งใจตลอดเวลา ในใจก็พยายามจดจำข้อมูลทั้งหมด
เมื่อพูดถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทั้งหมดก็ใช้เวลากว่าสิบนาที
เมื่อบรรยายส่วนนี้จบแล้วพวกเขาก็ต่างเดินต่อไปทางด้านหน้าหลินเยว่จึงถือโอกาสนี้สำรวจเครื่องมือทั้งหลายเหล่านี้ และก็พยายามทบทวนข้อมูลที่ท่านเฮ่อและท่านเจี่ยได้อธิบายให้เขาฟังเมื่อสักครู่เมื่อเห็นว่าพอได้ความชัดเจน เขาก็รีบเดินตามมาสมทบกับกลุ่มที่ล่วงหน้าไปก่อนทันที
การกระทำของหลินเยว่ล้วนอยู่ในสายตาของท่านเจี่ยเหวยเกิ่งทั้งหมดและทำให้เขาประเมินหลินเยว่สูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ
สายตาของท่านเจี่ยเหวยเกิ่งนี้ก็ตกอยู่ในสายตาของท่านเฮ่อฉางเหอเช่นกันเขาจึงได้แต่หัวเราะ “เหอๆ”แต่เมื่อในใจคิดถึงเฉินเฟยที่ไม่ลงรอยกับตนเองมานานก็ได้แต่โมโหต่อ
เื่ที่เขากับเฉินเฟยไม่ถูกกันก็เป็สิ่งที่ทุกๆคนต่างรู้กันเป็อย่างดี ระหว่างพวกเขามีการสะสมความแค้นไว้มากพอสมควรจนถึงขนาดที่ไม่สามารถยอมอีกฝ่ายได้เลย อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากลับแย่ลงเรื่อยๆ ครั้งนี้เฉินเฟยเป็คนเริ่มยุใครบางคนรวมทั้งทางจิ่งเต๋อเจิ้นให้จัดการทดสอบครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะเป็การจัดขึ้นเป็การส่วนตัว ไม่ได้เปิดเผยต่อบุคคลภายนอกแต่ทว่าการสร้างความอับอายขายหน้าต่อหน้าคน 10 คนมันกลับแย่ยิ่งกว่าการเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกเสียอีกอีกทั้งฝ่ายจัดการทดสอบหลักคือทางจิ่งเต๋อเจิ้นถึงแม้จะบอกว่าไม่ได้เปิดเผยต่อบุคคลภายนอกแต่หากมีคนจงใจปล่อยข่าวออกไปก็คงไม่มีใครห้ามได้หรอก และครั้งนี้...เฉินเฟย้าให้เฮ่อฉางเหอขายหน้าจริงๆ
เอาไงเอากันสิ เดี๋ยวผมจะขวางไว้เอง
อีกอย่างไอ้หนุ่มหลินเยว่ก็อาจจะไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังก็ได้
เขามองหลินเยว่ที่กำลังมองรอบๆ อย่างสนใจในใจจึงแอบคิดอยู่เงียบๆ
กลุ่มพวกเขาทั้ง 4 คนก็มุ่งหน้าต่อไปเพียงไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงชั้น 2 ซึ่งเป็สถานที่ที่มีความพิเศษที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
เมื่อหลินเยว่เห็นสภาพรอบๆ ตัวก็ตกตะลึงไปทันที
เบื้องหน้าของเขาเป็ตู้กระจกชั้นดีวางเรียงสองแถวเป็แนวยาวมากราวกับบันไดที่มีราวจับอยู่ทั้งสองด้าน แต่ทว่าตู้กระจกทั้งสองด้านนี้มีขนาดใหญ่มากกว่าและตู้กระจกที่อยู่ตรงกันข้ามกันก็มีความสอดคล้องกันตรงกลางจึงกลายเป็ทางสำหรับผู้เข้าชมได้เดินเยี่ยมชม
ภายในตู้กระจกทั้งสองด้านนี้ไม่ได้ว่างเปล่าแต่กลับมีของตั้งอยู่เต็มไปหมด ในตู้ทางด้านซ้ายมือของหลินเยว่ล้วนเป็ผงสีขาวตั้งเป็กองๆแต่ละกองจะมีแผ่นกระจกกั้นอยู่ ทำให้แต่ละส่วนไม่ผสมกันในกระจกทางด้านขวากลับเป็ผลึกเม็ดเล็กๆ และตั้งเป็กองๆ เช่นกันและระหว่างกองก็มีแผ่นกระจกกั้นอยู่
ตู้กระจกทั้งสองข้างถูกจัดไว้อย่างพอดีกัน ผงสีขาวที่อยู่ภายในตู้ด้านหนึ่งก็จะวางอยู่ตรงกันข้ามกับผลึกเม็ดสีขาวอีกด้านพอดี
เมื่อมองตู้ทั้งสองด้านนี้แล้วหลินเยว่ก็รู้สึกราวกับเห็นถนนเส้นเล็กๆ ที่แคบมากยาวเหยียดไปด้านหน้า ราวกับเป็แนวกระบอกไม้ไผ่ที่โปร่งใสแต่ละปล้องๆ มีขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้างไม่เสมอกัน แต่กลับเกิดเป็ภาพอันสวยงามที่น่าตกตะลึง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้