เซี่ยโม่ไม่ถอดใจ เอ่ยถามต่อว่า “คุณปู่ ทราบไหมว่าคุณปู่ท่านนั้นอยู่ที่ไหน”
ชายชรามองหน้าเซี่ยโม่นิ่ง ก่อนจะถามอย่างระแวดระวัง “เด็กอย่างเธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ตาแก่บ้านั่นคงไม่ได้ไปก่อเื่อะไรใช่ไหม”
เธอฟังออกจากน้ำเสียงว่า ชายแก่คนนี้น่าจะรู้จักกับหมอเ้าของร้านยา เพราะในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความปกป้อง
เธอจึงรีบตอบออกไปว่า “คุณปู่ ฉันไม่ได้มีความหมายอื่น ฉันแค่อยากให้เขาสอนเื่สมุนไพรให้เท่านั้น ฐานะทางบ้านฉันไม่ดีเลย้าเก็บสมุนไพรไปขายเพื่อหารายได้ เมื่อครู่ฉันไปที่ร้านหุยชุนถัง ถูกคนที่นั่นดูถูก ต่อมาได้ยินว่าในตำบลนี้ยังมีร้านยาอยู่อีกร้าน ก็เลยมาถามข่าวคราวกับคุณ…”
สีหน้าของชายแก่ที่ซ่อมรองเท้าดูโล่งอกขึ้นมาเมื่อได้ฟังคำอธิบาย
“สาวน้อย ร้านหุยชุนถังใจจืดใจดำอำมหิต เป็เพราะพวกเขานั่นแหละ ร้านยาฮุ่ยหมินถึงได้ถูกบีบคั้นจนต้องปิด”
เธอเข้าใจเื่ราวทั้งหมดในทันที หากร้านยาฮุ่ยหมินกิจการย่ำแย่จนต้องปิดตัวลง ร้านยาหุยชุนถังก็จะกลายเป็ร้านยาเพียงร้านเดียวของตำบลนี้ ถึงว่าเหตุใดร้านนั้นถึงได้ทำตัวอวดดีและโอหัง ดูถูกเด็กอย่างเธอที่ไปขอความรู้เื่สมุนไพร
เธอนึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ ศัตรูของศัตรูอาจจะกลายมาเป็สหายก็ได้
เธอเอ่ยถามชายชราตรงหน้าอย่างนอบน้อม “คุณปู่ บอกหน่อยได้ไหมคะว่าคุณปู่ท่านนั้นอยู่ที่ไหน”
อีกฝ่ายถือโอกาสนี้ขอคำสัญญาจากเธอ “เธอต้องรับปากมาก่อนว่าจะไม่ทำร้ายตาแก่นั่น”
เธอทราบดีว่าผู้คนในยุคนี้ล้วนมีจิตใจดี ซื่อตรง จึงให้คำมั่นสัญญาออกไปว่า “ฉันขอสาบาน หากฉันมีใจคิดร้าย ขอให้ถูกฟ้าผ่าไม่ตายดี”
“พอแล้วๆ เธอเดินไปตามทางนี้ เดินไปจนถึงแถวริมตำบล ตรงนั้นจะมีกระท่อมขนาดสองห้องตั้งอยู่ ตาแก่จ้าวพักอยู่ที่นั่นแหละ ไปถึงเธอก็บอกว่าเหล่าหลี่จากร้านซ่อมรองเท้าแนะนำมา ไม่แน่ตาแก่นั่นอาจจะเห็นแก่หน้าฉัน ยอมให้คำแนะนำเื่สมุนไพรกับเธอก็ได้”
เธอรอดแล้ว!
แววตาเธอเปล่งประกาย ที่แท้ชายชราตรงหน้าก็แซ่หลี่นี่เอง
เธอกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ “คุณปู่หลี่ ขอบคุณมากค่ะ”
หลังจากบอกลาคุณปู่หลี่ เธอเดินไปตามทางที่อีกฝ่ายบอกไว้ ยิ่งเดินไปไกลก็ยิ่งรกร้างเงียบเชียบ พระอาทิตย์ส่องแสงร้อนแรง เธอเดินมานานจึงเริ่มเหนื่อย เวลานี้เองที่ท้องส่งเสียงร้องโครกครากออกมา
ตอนนี้เธอมีโกดังสินค้าติดตัว จะปล่อยให้ท้องหิวได้อย่างไรกัน
เธอเดินเข้าไปหลบหลังต้นไม้ หยิบซาลาเปาสองลูกออกมาจากในโกดังสินค้ากับน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด หลังจากกินซาลาเปาสองลูกตามด้วยน้ำ จึงค่อยรู้สึกว่าร่างกายมีเรี่ยวแรงขึ้น
เซี่ยโม่คิดว่ากำลังจะไปขอให้คนช่วย หากไปมือเปล่าจะดูไม่ดี เธอจึงหยิบถุงข้าวสารหนักสิบกิโลครึ่งและเนื้อหมูขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือออกมาจากในโกดังสินค้า
ของสองอย่างนี้เป็ที่้ามากในยุคนี้ เธอก้าวไปข้างหน้าพร้อมถือมันไว้ในมือ
เดินมาถึงบริเวณริมตำบล ที่นี่มีกระท่อมขนาดสองห้องตั้งอยู่จริงๆ ด้วย
เมื่อเข้าไปใกล้พบว่าประตูปิดอยู่ เธอยกมือเคาะประตูพลางร้องเรียก “มีคนอยู่ไหมคะ คุณปู่จ้าวอยู่หรือเปล่าคะ”
นานกว่าจะมีเสียงความเคลื่อนไหว จากนั้นชายชราอายุประมาณหกสิบกว่าปี หลังค่อม ใบหน้าเหี่ยวย่น หน้าตาโทรมๆ ก็เดินออกมาจากในบ้าน
“เธอคือ?”
เธอมองชายชราตรงหน้าอย่างพิจารณา ท่าทีอีกฝ่ายไม่เห็นเหมือนคนสติไม่สมประกอบเลย ไม่นานเธอก็เข้าใจ คงเป็ข่าวลือที่ตั้งใจปล่อยออกไปเพื่อตบตาผู้คน
คนตรงหน้าหน้าตาซื่อๆ หนวดเคราสีดอกเลา ให้ความรู้สึกเหมือนเทพเซียนบน์ เพียงแต่คิ้วขมวดกันเป็ปมเหมือนมีเื่ทุกข์ใจ
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม “คุณปู่จ้าว คุณปู่หลี่ที่เปิดร้านซ่อมรองเท้าแนะนำให้ฉันมาขอคำแนะนำจากคุณค่ะ”
เหล่าจ้าวมองสำรวจเด็กสาวตรงหน้า เด็กสาวมีแววตาใสกระจ่างดุจลูกแก้ว ถึงแม้ผิวจะเข้มไปนิด และเสื้อผ้าที่สวมใส่จะเก่าไปหน่อยก็ตาม
เหล่าจ้าวกล่าวประชดประชันไม่จริงจังนัก “ตาแก่นั่นยุ่งเื่ชาวบ้านเขาอีกแล้ว มีอะไรก็ว่ามา”
เหล่าจ้าวพูดจาฟังรู้เื่ ไม่เหมือนคนบ้าเลยสักนิด
เซี่ยโม่ตอบอย่างนอบน้อม “คุณปู่จ้าว ฐานะทางบ้านฉันไม่ค่อยดี เลยอยากเก็บสมุนไพรไปขายหารายได้ แต่ฉันไม่มีความรู้เื่สมุนไพร เลยอยากมาขอคำแนะนำจากคุณค่ะ”
เหล่าจ้าวไม่ตอบคำ สีหน้าเคร่งขรึมลงก่อนจะกล่าวเสียงแข็งว่า “สาวน้อย ฉันสติไม่ค่อยดี ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย เธอไม่กลัวฉันเหรอ”
เธอส่ายหน้า “คุณปู่จ้าว มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า มือสะอาดไม่จำเป็ต้องล้าง คนอื่นพูดอะไรก็ไม่จำเป็ต้องเชื่อไปเสียหมด”
เหล่าจ้าวหรี่ตา กระตุกยิ้มมุมปาก “มือสะอาดไม่จำเป็ต้องล้างงั้นเหรอ ช่างเป็เด็กที่รู้ความจริงๆ”
เธอมองคนตรงหน้าอย่างมีความหวัง “แปลว่าคุณจะช่วยสอนฉัน?”
“ได้ เข้ามาในบ้านก่อนสิ…”
เอ่ยจบ ท้องของคุณปู่จ้าวก็ส่งเสียงร้องโครกครากออกมา
เธอคุ้นกับเสียงนี้ ก่อนหน้าตอนที่เธอรู้สึกหิว ท้องก็ส่งเสียงร้องแบบนี้เช่นกัน
คุณปู่จ้าวเดินเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าประดักประเดิด โดยมีเธอเดินตามเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เป็บ้านที่มีห้องครัวอยู่นอกบ้าน ส่วนในบ้านคือห้องนอนกับห้องรับแขก
นอกบ้านสะอาดสะอ้าน มีเตาไฟแต่ไม่มีฟืน ของสดหรือธัญพืชอะไรก็ไม่มี
เดินเข้ามาในบ้าน ส่วนแรกคือห้องรับแขก มีแค่โต๊ะและเก้าอี้ไม้เก่าๆ ตั้งอยู่เท่านั้น
เธอวางของที่นำติดตัวมาด้วยวางไว้บนโต๊ะ
“คุณปู่จ้าว รบกวนคุณแล้ว นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากฉันค่ะ”
คุณปู่จ้าวมองของที่เด็กสาวนำมาด้วยด้วยความซาบซึ้งใจ ขอบตาแสบร้อนขึ้นมาในทันใด
เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าใจว่า “สาวน้อย ฉันไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว ร้านยา สมุนไพร หรือแม้แต่เงิน ของสดกับธัญพืชในบ้านก็ถูกพวกนั้นเอาไปหมด ความรู้เื่ยาเื่สมุนไพรเป็ความรู้ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ บรรพบุรุษฉันเป็ชาวนามาสามรุ่น ตอนนี้ทุกคนหาว่าฉันเป็คนเลว หากฉันไม่แกล้งบ้า แม้แต่ชีวิตก็คงจะ…”
เธอทราบดีว่าในยุคนี้มีหลายคนที่โชคร้าย ถูกพวกมีอำนาจรังแกจนไม่ได้รับความเป็ธรรม
นึกถึงคำบอกเล่าของคุณปู่หลี่ที่เปิดร้านซ่อมรองเท้า ต้องเป็ฝีมือร้านยาหุยชุนถังแน่ ยืมมือคนอื่นมาทำลายกิจการร้านยาฮุ่ยหมิน แสดงว่าคุณปู่หลี่ต้องรู้เื่ที่เกิดขึ้นเป็อย่างดี
เธอรู้สึกสงสารและเห็นใจคุณปู่จ้าวยิ่งนัก
“คุณปู่จ้าว คุณเป็คนที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ ดังนั้นทุกเดือนก็น่าจะไปเอาอาหารกับพวกธัญพืชได้”
“สาวน้อย มีอาหารธัญพืชแล้วมีประโยชน์อะไร ฉันไม่มีเงิน ไปเอามาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
เธอรู้สึกหนักใจ หากเป็ชาติที่แล้ว ตระกูลที่ได้รับการถ่ายทอดเื่ยาจากบรรพบุรุษจะถูกผู้คนยกย่อง หากยุคนี้…
เธอล้วงหยิบเงินห้าหยวนออกมาจากในกระเป๋า “คุณปู่จ้าว นี่เป็น้ำใจเล็กน้อยจากฉัน หากมีเวลา ไปหาซื้อพวกอาหารและธัญพืชที่ร้านค้ากลับมาเถอะค่ะ เชื่อฉัน ต่อไปวันคืนของคุณต้องดีขึ้นกว่าเดิมแน่ กินให้อิ่มท้องก่อนแล้วค่อยมาวางแผนอนาคต”
เหล่าจ้าวมองเด็กสาวอย่างรู้สึกผิด “ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก เธอให้ข้าวสารถุงใหญ่และเนื้อหมูชิ้นใหญ่กับฉันแล้ว หากฉันยังรับเงินนี้มาอีกจะดูเป็คนยังไง”
“คุณปู่จ้าวคะ ฉันมาขอความรู้จากคุณ หากคุณรู้สึกไม่สบายใจก็สอนเื่สมุนไพรให้ฉันมากหน่อยก็ได้ค่ะ”
เหล่าจ้าวไม่มีความรู้เื่อื่น มีแค่ความรู้เื่วิชาแพทย์ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่สิ่งสำคัญในยุคนี้
ดูจากการแต่งตัวของเด็กสาว ฐานะน่าจะยากจนพอสมควร แต่กลับสนใจเื่สมุนไพรและการแพทย์ ทำให้เขาเริ่มรู้สึกลังเล
“นี่…”
เซี่ยโม่ตัดสินใจแทน จัดการยัดเงินใส่มือคุณปู่จ้าว “คุณปู่จ้าวเอาตามนี้แหละค่ะ เดี๋ยวฉันไปต้มโจ๊กมาให้นะคะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้