บทที่ 24
...
“คุณราชันย์เอายัยหนูมาให้ฉันอุ้มก็ได้นะคะ คุณจะได้ทานข้าวถนัด”
“คุณนั่นแหละ เอาตาหนูมาให้ผมอุ้มแล้วคุณก็ไปทานข้าว”
“ถ้าฉันให้คุณอุ้ม แล้วคุณอุ้มไหวแน่หรอคะ”
“ต้องได้สิ”
“งั้นเราก็อุ้มกันคนละคนแบบนี้แหละค่ะ คุณราชันย์ทานได้ใช่ไหม”
“ได้สิ คุณทานเถอะไม่ต้องห่วงผม”
เว่ยเอินที่เห็นทั้งคู่คุยกันก็ใจชื้นขึ้นมาหนึ่งเปาะ เธออยู่กับกอหญ้ามานาน พอจะรู้นิสัยใจคอ กอหญ้าเป็ผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยว แต่ก็ใจอ่อนเช่นเดียวกัน เธอเองก็ลุ้นว่าทั้งคู่จะสามารถสร้างครอบครัวด้วยกันได้ไหม แต่อีกใจก็เป็ห่วงผู้ชายอีกคนที่เฝ้าดูแลกอหญ้ามาตลอดเช่นกัน
ยังไม่ทันที่ความกังวลจะหมดลง ปอร์เช่ก็เดินเข้ามาพอดี เว่ยเอินหันไปยิ้มหวานให้ แววตาของเว่ยเอินที่จับจ้องที่ปอร์เช่นั้นก็นิ่งไปเพราะเธอเห็นความเสียใจที่ออกมาผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น
“พี่ปอร์เช่ทานข้าวค่ะ นั่งเลย ๆ เดี๋ยวเว่ยเอินตักข้าวให้”
“โอเค”
ปอร์เช่นั่งมองกอหญ้ากับราชันย์ที่ตั้งหน้าตั้งตาทานข้าว แต่เหมือนหลานของเขาจะไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ ข้าวเข้าปากกอหญ้าได้ไม่กี่คำอาร์เดนก็ร้องไห้งอแงขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงอาร์เดนร้อง อลิซเองก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน เล่นเอาพ่อแม่มือใหม่ถึงกับหัวหมุนกันไปตามกัน
ยังไม่ทันที่กอหญ้าจะอิ่มดี ก็ลุกขึ้นพาอาร์เดนเดินเข้าห้องไปก่อนที่ราชันย์เองก็เดินอุ้มอลิซตามไปเช่นกัน เว่ยเอินที่นำจานข้าวมาให้ปอร์เช่แล้ว ก็เดินไปทำหน้าที่ หยิบถุงที่บีจุน้ำนมอยู่เต็มถุงออกมาอุ่นก่อนจะเทใส่ขวดนม เมื่อเช็กอุณหภูมิที่พอดีแล้วก็เดินไปหากอหญ้า
“พี่หญ้า ขวดนมค่ะ”
“ขอบคุณจ้ะ เอาให้คุณราชันย์เลย”
“นี่ค่ะ คุณราชันย์”
ราชันย์ยื่นมือมารับขวดนม เดินช้า ๆ มานั่งที่โซฟาปลายเตียง ก่อนจะจัดแจงท่าให้ถนัดแล้วยื่นขวดนมให้ลูกสาวดูด อลิซเมื่อมีวัตถุเข้าใกล้ปาก เธอก็อ้าปากตามงับทันที ราชันย์ที่มองดูลูกสาวกำลังดูดนมยกใหญ่ ก็ทำให้ยิ้มตาม
เวลาผ่านไปพักใหญ่ จนขวดนมที่เต็มขวดเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ราชันย์ค่อย ๆ อุ้มลูกสาวขึ้นมาก่อนจะค่อย ๆ วางลงบนเตียงเล็กที่อยู่ข้างเตียงนอน เมื่อดูจนมั่นใจแล้วว่าลูกสาวจะไม่ตื่น เขายืดตัวเต็มความสูงบิดซ้าย บิดขวา ก่อนจะหันไปมองกอหญ้า ที่ตอนนี้นอนให้นมลูกจนหลับไปทั้งคู่
ราชันย์เดินไปด้านช้าง เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่มีทีท่าจะตื่นก็เดินไปด้านข้างเตียงฝั่งที่มีลูกชายนอนอยู่ เขาค่อย ๆ อุ้มลูกชายขึ้นมาอย่างเบามือที่สุด เดินพาลูกชายมานอนคู่กับลูกสาว ดึงผ้าห่มมาคลุมเด็ก ๆ อย่างเบามือที่สุด เมื่อรอจนเห็นว่าลูกยังไม่น่าจะตื่นตอนนี้ เขาก็เดินมาที่เตียงดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เธอ เรียวนิ้วของเขาปัดไรผมที่ปกใบหน้าของเธอออกอย่างเบามือ
“เว่ยเอิน เสื้อผ้านี่ต้องซักยังไง”
“เอ๋!?”
“เอ๋อะไรละ เสื้อผ้าลูกฉันเนี่ย ต้องซักยังไง”
“เดี๋ยวเว่ยเอินทำให้เองค่ะ คุณราชันย์เอาวางไว้ตรงนั้นก็พอ”
“ไม่เอา ฉันจะซักเอง”
“เอ๋!?”
“เลิกเอ๋ แล้วมาสอนฉันหน่อย”
“อ่อ ค่ะ…ก่อนอื่นก็อันนี้ ใส่ตรงนี้ แบบนี้ แล้วตามด้วยอันนี้ แล้วกดตรงนี้ แค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ แค่รอเครื่องหยุดทำงานแล้วเอามาอบแห้งค่ะ”
“อ่อ โอเคเข้าใจแล้ว”
ถึงแม้จะงุนงง แต่ก็พอเข้าใจได้ เด็กสาวยืนดูราชันย์ที่ตั้งอกตั้งใจกับการซักผ้าให้เ้าตัวเล็ก เมื่อเห็นว่าเขาจำได้ทุกขั้นตอน เธอก็เดินออกมาจากจุดนั้น พรางเกาหัวแกรก ๆ
“คุณราชันย์นี่เห่อลูกเหมือนกันนะ นายว่าไหม”
“ก็เป็ธรรมดา”
“ธรรมดาตรงไหน ที่ได้ยินมาคุณราชันย์ไม่น่าจะใช่คนที่หนุบหนับแบบนี้เลยนี่นา”
“ฉันก็คิดเหมือนเธอแหละยัยเปี๊ยก ราชันย์มันไม่น่าจะเป็คนแบบนี้ แต่ก็นะ อย่างที่เห็น”
ทั้งสองคนที่ยืนดูราชันย์ที่กำลังง่วนอยู่กับการซักเสื้อผ้าตัวเล็ก ๆ นั่น ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าจะถูกปั่นอย่างอัตโนมัติไปหมดแล้ว แต่ราชันย์ก็ยังไม่ยอมออกห่างจากตรงนั้น ยังคงยืนมองผ้านในตู้ปั่นที่หมุนทำงานไปตามการตั้งค่าเท่านั้น
“เว่ยเอิน มันหยุดแล้วต้องทำยังไงต่อ”
“คุณราชันย์เอาออกจากตู้นั้นทั้งหมด มาใส่ตู้นี้ค่ะ”
“เรียบร้อย แล้วยังไงต่อ”
“ปิดฝา แล้วกดตรงนี้ เสร็จแล้วกดนี่ แล้วรอเหมือนเดิมค่ะ”
“แบบนี้หรอ แล้วก็แบบนี้ โอ๊ะ! เครื่องหมุนแล้ว”
“มันยุ่งยากใช่ไหมคะ ครั้งหน้าให้เว่ยเอินทำให้ดีกว่าค่ะ”
“ไม่เห็นจะยุ่งยากตรงไหน...แล้วอีกอย่าง จะแทนตัวเองว่าหนูเหมือนที่คุยกับกอหญ้าก็ได้นะ”
“ได้หรอคะ คุณราชันย์ไม่ถือใช่ไหมคะ”
“อืม”
ดวงตาที่หนักอึ้งของกอหญ้า ถูกเปิดขึ้นมาก็ต้องใ เพราะล่าสุดจำได้ว่าลูกชายยังกินนมเธออยู่ข้าง ๆ แต่ก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อเธอเห็นผ้านวมผืนหนา ที่คลุมร่างกายเธอไว้ หันไปมองที่เตียงเล็ก ก็เห็นเด็ก ๆ นอนหลับปุ๋ยใต้ผ้าห่มผื่นนิ่ม เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลงจากที่นอน เดินมาทางหน้าบ้านก็เห็นราชันย์ เว่ยเอินและธันวา ยืนหัวเราะร่วนกันอยู่ราวกับมีเื่ตลก
ภาพที่ราชันย์ผู้ชายที่แสนใจร้าย กำลังตากผ้าเด็กเล็กที่มีเว่ยเอินกำลังสอนอยู่ใกล้ ๆ และตามด้วยธันวาที่ยืนให้กำลังใจ เป็ภาพที่หาดูยากมากจริง ๆ แต่ก็ทำให้เธออดยิ้มออกมาไม่ได้ ถ้านี่เป็ความฝันเธอก็อยากให้ฝันนานกว่านี้อีกสักนิด
“ภาพผู้ชายโหดร้ายคนนั้นหายไปหมดแล้วใช่มั้ย”
“ปอร์เช่”
“กอหญ้า เรามีเื่อยากถามให้แน่ชัด”
“อืม เื่อะไรละ”
“ตอนนี้กอหญ้าจะกลับไปหาคุณราชันย์ใช่ไหม”
“คือหญ้า…”
“หญ้าไม่ต้องตอบก็ได้ แต่เราอยากให้หญ้ารู้ไว้ว่าเรารักหญ้าจริง ๆ รักมานานมาก และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือหญ้าเลือกเดินทางไหน เราก็จะรักหญ้าไปแบบนี้ ถ้าวันหนึ่งหญ้าอยากหนีเขาอีก หญ้าต้องบอกเราเป็คนแรกนะ เราจะพาหญ้าหนีเอง”
"ปอร์เช่..หญ้าเข้าใจความรู้สึกของนายนะ แต่หญ้ารักเช่เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง รักมาก ๆ เช่เป็เพื่อนที่ดีที่สุดของหญ้า หญ้าขอโทษนะ ที่ตลอดมานี้หญ้าทำให้เช่ลำบาก หญ้าขอโทษที่หญ้ารับความรู้สึกของเช่ไม่ได้ และหญ้าก็ต้องขอบคุณเช่มากนะที่ตลอดเวลามานี้ เช่ลำบากดูแลหญ้ามาตลอด..ขอบคุณนะ"
“เราซิ ต้องขอบคุณที่หญ้านึกถึงเราเป็คนแรก ถ้าหญ้ามีอะไรให้ช่วยเราจะอยู่ข้าง ๆ หญ้าเสมอ”
“ขอบคุณมากนะ”
“เดี๋ยวอีกสองสามวันเราต้องกลับไทยละนะ ที่บริษัทมีแพลนจะเปิดผลิตภัณฑ์ตัวใหม่”
“อืม ขอโทษนะที่หญ้าทำให้ลำบากไป ๆ มา ๆ”
“สำหรับหญ้าและลูกแฝดของเรา เรายินดีทำให้อย่างเต็มใจ”
“ตาหนู ยัยหนู คงดีใจมากแน่ ๆ ที่พ่อบุญธรรมของเขารักเขาขนาดนี้”
ทั้งสองคนยิ้มให้กันแต่ช่างเป็รอยยิ้มที่ดูแล้วแสนเศร้า ทั้งคู่มองไปที่ผู้ชายคนนั้น คนที่ภาพจำของเธอช่างโหดร้ายและไม่มีเหตุผล ดุร้ายราวกับสัตว์ป่า ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกสับสนในใจอย่างบอกไม่ถูก
