ในการออกว่าราชการ ฮ่องเต้ต้องออกไปประชุมเช้าที่ท้องพระโรง เช้านี้ท่านมหาเสนาบดีเซียว ผู้นำของขุนนางฝ่ายบุ๋นเสนอรายชื่อขุนนางมาแทนตำแหน่งขุนนางที่ว่างจากการโดนฮ่องเต้ทรราชไท่เฉินสังหาร ตำแหน่งจึงว่างลงหลายตำแหน่ง และตำแหน่งที่สำคัญคือ เสนาบดีกรมคลัง กับเสนาบดีกรมพิธีการ ส่วนตำแหน่งอื่นก็สำคัญรองลงมา
“ตำแหน่งเสนาบดีกรมคลัง กระหม่อมขอเสนอเหลียงกั๋วกง ส่วนตำแหน่งเสนาบดีกรมพิธีการให้ใต้เท้าเหยาดูแล ตำแหน่งอื่นๆ ก็ให้ตามที่ท่านมหาเสนาบดีเสนอมาพ่ะย่ะค่ะ” มหาอำมาตย์โหรวทูลเสนอแย้ง
“ตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังสำคัญต่อต้าฮั่วเป็อย่างมาก งบประมาณที่ใช้จากกรมต่างๆ ก็เบิกที่นี่ กระหม่อมเห็นว่า ใต้เท้าจิ้งเหมาะสมกว่า เป็ขุนนางมา 4 แผ่นดิน สุจริตซื่อตรงไม่แบ่งฝักฝ่าย เหมาะรับหน้าที่สำคัญ ส่วนตำแหน่งเสนาบดีกรมพิธีการให้ใต้เท้าเหยารับ่ต่อตามที่มหาอำมาตย์เสนอก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”มหาเสนาบดีเซียวทูล เขาเสนอให้คนของมหาอำมาตย์โหรวเป็เป็เสนาบดีกรมพิธีการซึ่งสำคัญน้อยกว่า เพื่อแลกกับตำแหน่งเสนาบดีกรมคลัง
“ข้าก็เห็นว่าใต้เท้าจิ้งเหมาะสำหรับรับหน้าที่นี้ ข้าขอแต่งตั้งให้ใต้เท้าจิ้งเป็เสนาบดีกรมคลัง” ฮ่องเต้ตรัสแต่งตั้ง
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” มหาอำมาตย์โหรวแย้ง
“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าตัดสินใจแต่งตั้งแล้ว” ฮ่องเต้ตรัสพร้อมกับยื่นฝ่ามือไปทางมหาอำมาตย์แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องกล่าวอีก
“ทูลฝ่าา ตำแหน่งอ๋องครองแคว้นยังว่าง 4 ตำแหน่ง ได้แก่ แคว้นเหยียน แคว้นกู่ แคว้นปิง และแคว้นผิง เชื้อพระวงศ์ชายถูกฮ่องเต้ไท่เฉินสังหารจำนวนมาก แทบไม่เหลือแล้ว อยากให้ฝ่ายบาททรงแต่งตั้งผู้ปกครองแคว้นใหม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ฮวนกั๋วกงทูลเสนอ
“แคว้นเหยียนไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอด เมื่อเหยียนชินอ๋องตายภายในจึงวุ่นวาย ข้าจำได้ว่ามีท่านชายเหยียนลู่จื้อ ให้เขาสืบบัลลังก์อ๋องต่อจากบิดาได้” ฮ่องเต้ประกาศแต่งตั้ง ส่วนฮั่วหลินเสี้ยงเซิง มีหน้าที่เขียนร่างราชโองการตามรับสั่ง พวกเขาเป็ขุนนางในสำนักฮั่วหลิน และมีเ้ากรมราชโองการจงซูหลิง คอยดูแล ขึ้นตรงกับฮ่องเต้
“ในแคว้นผิงเมื่อผิงจวิ้นอ๋องตาย ท่านชายกวงอัน กับท่านชายกวงฮั่น สู้รบกันภายในฝ่าาจะเลือกใครปกครองแคว้นผิง”โยวจ้านโหวทูลถาม
“ข้าไม่เลือกทั้ง 2 คน ไม่เหมาะกับการปกครองแคว้น” ฮ่องเต้ตรัส
“และอีก 2 แคว้น ฝ่าาทรงจะจัดการอย่างไร ในเมื่อไม่มีผู้สืบทอดบัลลังก์อ๋อง ฮ่องเต้ไท่เฉินสังสารท่านชายทั้ง 2 แคว้นจนหมดสิ้น หรือว่าจะแต่งตั้งอ๋องต่างแซ่ไปรักษาการดีพ่ะย่ะค่ะ” โยวจ้านโหวทูลถามต่อ และกราบทูลเสนอ
“ถ้าแต่งตั้งอ๋องต่างแซ่ข้างเห็นว่า อำนาจของราชวงศ์ฮั่วจะลดลง ข้ามีพี่หญิงอยู่ 1 คน คือองค์หญิงซูเจิน กับน้องหญิงอีก 4 คน คือ องค์หญิงลู่เสียน องค์หญิงเลี่ยงหรู องค์หญิงเจียวมิ่ง และองค์หญิงลี่ซือ พวกนางล้วนเกิดจากสนมขององค์ปฐมฮ่องเต้ ข้าจะเลือกองค์หญิง 3 คน ให้พวกนางไปครองแคว้น” ฮ่องเต้ตรัสโดยพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว
“ฝ่าาหมายถึงจะแต่งตั้งเหล่าองค์หญิงเป็อ๋องหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฮวนกั๋วกงทูลถาม
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ หากแต่งตั้งสตรีเป็อ๋องบ้านเมืองจะกลับตาลปัตรวุ่นวายไปหมด กระหม่อมแนะนำให้แต่งตั้งอ๋องต่างแซ่เถิดพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าหม่าเยว่สือ ขุนนาง 4 แผ่นดิน ที่เคยต่อต้านการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้หญิงกราบทูลทัดทาน
“บังอาจยิ่งนัก เ้าอยากให้ดินแดนที่องค์ปฐมฮ่องเต้รวมแผ่นดินไว้ เป็ของคนแซ่อื่นอย่างนั้นหรือหม่าเยว่สือ” ฮ่องเต้ตรัสขึ้นเสียงดัง
“กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมกลัวว่าหากเหล่าองค์หญิงได้ตำแหน่งอ๋องไป พวกนางมีอำนาจแล้วบ้านเมืองจะวุ่นวาย ได้เป็อ๋องแล้วคิดเกินกว่านั้น และคิดเอาอย่างฮ่องเต้ สถาปนาฮ่องเต้หญิงอีกคนจะวุ่นวายพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าหม่าเยว่สือทูล พร้อมกับคุกเข่าลงไป
“ดังนั้นข้าจะเลือกองค์หญิงที่ไว้ใจได้ไป และไม่ให้ตำแหน่งอ๋องแก่พวกนาง แต่งตั้งให้พวกนางเป็องค์หญิงครองแคว้น โดยให้ทายาทองค์หญิงสืบบัลลังก์ต่อไป ส่วนองค์หญิงใดตั้งตนเป็อ๋อง มันผู้นั้นเป็ฏ” ฮ่องเต้ตรัส
“แล้วฝ่าาจะให้องค์หญิงคนไหน ไปครองแคว้นใดพ่ะย่ะค่ะ” มหาอำมาตย์โหรวทูลถาม
“องค์หญิงใหญ่ซูเจิน มารดาของนางคือซุยไท่กุ้ยเฟยซึ่งเคยเป็ไทเฮาทรราชมาก่อน (มารดาเดียวกับฮ่องเต้ไท่เฉิน) ข้าไม่เชื่อใจนางไม่อาจส่งนางไปครองแคว้นได้ ส่วนองค์หญิงเจียวมิ่ง มารดาของนางชาติกำเนิดต่ำต้อยมาจากตระกูลแม่ค้า ข้าเกรงว่าขุนนางท้องที่จะไม่ยำเกรงนาง และควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ พรุ่งนี้เ้าเชิญองค์หญิงที่เหลืออีกสามคนมาพบข้า” ฮ่องเต้ทรงคิดหนัก และสั่งข้าหลวงให้ไปเชิญองค์อีกสามคนมาพบก่อน ถามความสมัครใจของพวกนาง
ฮ่องเต้ว่าราชกิจได้ดีกว่าพี่น้องฮ่องเต้ที่ผ่านมา สามารถจัดการปัญหาทั้งภายนอก และภายในได้อย่างยอดเยี่ยม
ประชุมเช้าวันถัดมาในท้องพระโรงขุนนางมาอย่างพร้อมเพียง ตำแหน่งที่ขาดก็ได้คนใหม่มาทำหน้าที่แทนแล้ว ส่วนองค์หญิงทั้ง 3 พระองค์ องค์หญิงลู่เสียน องค์หญิงเลี่ยงหรู และองค์หญิงลี่ซือ ก็ได้เข้ามาท้องพระโรงตามคำเชิญของฮ่องเต้
“พวกเ้าจะเต็มใจหรือไม่ หากต้องไปครองแคว้น รับหน้าที่สำคัญแก่ชาติบ้านเมือง” ฮ่องเต้ตรัส
“หม่อมฉันยินดีที่จะไปครองแคว้นรับใช้ชาติบ้านเมืองเพคะ” องค์หญิงทั้งสามตอบพร้อมกัน
“ดังนั้นข้าขอแต่งตั้ง…..” ฮ่องเต้กำลังจะตัดสถาปนาแต่โดนขัดเสียก่อน
“ทูลฝ่าา องค์หญิงซูเจิน กับองค์หญิงเจียวมิ่ง ขอเฝ้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ข้าหลวงหน้าประตูท้องพระโรงรีบเข้ามากราบทูล
“พวกนางมาด้วยเหตุใด อนุญาตให้เข้ามาได้” ฮ่องเต้ตรัส และอนุญาตให้เข้าเฝ้า
“ถวายบังคมฝ่าา ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี” องค์หญิงซูเจินกับองค์หญิงเจียวมิ่งกล่าวพร้อมกัน
“ข้าไม่ได้เชิญพวกเ้ามา มีธุระอันใด” ฮ่องเต้ตรัสถาม
“หม่อมฉันขออาสาไปครองแคว้นเพคะ” องค์หญิงซูเจินกล่าว
“หม่อมฉันก็เช่นกันเพคะ” องค์เจียวมิ่งกล่าวตาม
“ข้าไม่อนุญาต เร่อซูเจิน ข้าจะขอกล่าวตามตรงกับเ้า มารดาและพี่ชายของเ้ากระทำกรรมชั่วช้าบาปหนา ข้าไม่ถือสาเอาโทษกับเ้าที่ไปเชิดหน้าชูตาอยู่ในวังเมื่อตอนนั้นก็ถือว่าเป็บุญที่เ้าทำมานับหมื่นชาติแล้ว เ้ายังให้ข้ามอบตำแหน่งสำคัญให้เ้าอีกหรือ” ฮ่องเต้ตรัสว่ากล่าวให้นางยกใหญ่
“หม่อมฉันไม่ได้สมคบคิดกับพวกเขาเพคะ ขอฝ่าาอย่าเอาโทษหม่อมฉันเลย หม่อมฉันเป็ผู้บริสุทธิ์ หม่อมฉันแค่อยากแบ่งแบ่งภาระฝ่าา” องค์หญิงซูเจินกล่าวให้ตัวเองไร้มลทิน
“ส่วนเ้าเร่อเจียวมิ่ง ที่ข้าไม่ส่งเ้าไปเพราะว่าเป็ห่วง บัดนี้แผ่นดินโกลาหล หากส่งองค์หญิงที่มีชาติกำเนิดไม่สูงส่งไป หากฏบุกมาตัดหัวเ้าถึงท้องพระโรงแคว้น เ้าจะยังอยากไปอยู่หรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสอธิบาย
“แต่หม่อมฉันก็อยากแบ่งเบาภาระของฝ่าา หม่อมฉันอยากช่วยงานราชกิจ” องค์หญิงเจียวมิ่งกล่าวตอบ ฮ่องเต้เห็นนางเดินมาทีแรกก็คิดว่านางถูกองค์หญิงซูเจินยุยงมา แต่เท่าที่รู้จักนางไม่ใช่คนที่ใครสามารถเป่าหูได้ แม้นางจะนิสัยชอบพูดประจบประแจงเหมือนแม่ค้า แต่นางมีนิสัยที่ซื่อตรงและจริงใจ
“ถ้าเช่นนั้นเ้ามาช่วยงานเสนาบดีกรมคลังจิ้งเหิงสุ่ย ที่กรมคลังดีหรือไม่ ข้าอยากได้เงินเติมท้องพระคลัง เ้าอยู่เป็ผู้ช่วยเสนาบดีกรมคลังจิ้งไปก่อน หากมีตำแหน่งว่างข้าจะแต่งตั้งเ้าภายหลัง” ฮ่องเต้ตรัส
“รับด้วยเกล้าเพคะ” องค์หญิงเจียวมิ่งกล่าวตอบรับด้วยความดีใจ ฮ่องเต้มักใช้คนให้ถูกกับงาน องค์หญิงเจียวมิ่งมารดานางมาจากตระกูลคหบดีที่ร่ำรวย หากได้เหล่าพ่อค้าสนับสนุนย่อมเป็ผลดีต่อท้องพระคลัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้