บทที่ 60 สตรีอาภรณ์สีเขียว
ผู้มีพร์คนหนึ่ง สำหรับตระกูลหนึ่งแล้ว ถือว่าเป็เสาหลักในภายภาคหน้า ถึงแม้ไฟแท้โดยกำเนิดของนางจะไม่สามารถหลอมอาวุธได้ แล้วอย่างไร? ตระกูลหลินจะไม่สามารถหาเคล็ดวิชาที่เหมาะสมให้นางฝึกฝนได้เชียวหรือ? ขอเพียงปลูกฝังให้ถูกทาง ในอีกไม่กี่ร้อยปีหลังจากนี้ ตระกูลหลินก็จะมียอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถดูแลตระกูลให้สงบสุขเพิ่มมาอีกคนไม่ใช่หรือ?
ถึงแม้หลินเหยานานๆ จะกลับมาครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่เห็นโลกภายนอก แม้แต่อาจารย์ ผู้คนและเื่ราวต่างๆ ที่นางได้ประสบพบเจอมา ทำให้ความรู้และวิสัยทัศน์ของนางกว้างไกลกว่าคนส่วนใหญ่ในตระกูลเสียอีก หากนางกลับมาก่อนหน้านี้สักสองสามวัน คงยากมากขึ้นหากลู่อวี่้าคว้าตัวจีชิงรั่วไปไว้ในมือ หรือไม่ก็อาจไม่มีโอกาสได้พาตัวนางไป เพราะแม้ว่าตระกูลหลินจะไม่้า นางก็สามารถดึงตัวเด็กผู้หญิงผู้หนึ่งที่มีพร์ไฟแท้เช่นนี้เข้าร่วมสำนักได้ อาศัยความสามารถของอาจารย์และการชี้แนะของตัวนางเอง ศิษย์น้องหญิงผู้นี้ต้องประสบความสำเร็จในภายภาคหน้าแน่นอน และคงจะซาบซึ้งใจต่อตระกูลหลินอย่างบอกไม่ถูก หากดูแลกันดีๆ ไม่ว่าจะคิดคำนวณอย่างไร ก็ยังดีกว่ายาอายุวัฒนะไม่กี่เม็ดนั่น
“เ้าคิดจะทำอะไร? มียอดฝีมือขั้นเกิดเทพเ้าอยู่ข้างกายลู่อวี่ ต่อให้เ้าอยากจะฆ่าเขาเพียงใด จีชิงรั่วผู้นั้นก็ยังไม่แน่ว่าจะกลับมากับเ้า เ้าอย่าหาเื่ให้ตระกูลจะดีกว่า” หลินเยวี่ยพูดด้วยใบหน้าจำใจ
หลินเหยาฮึดฮัดไม่พอใจ และไม่สนใจคำพูดของพี่ชายใหญ่ผู้นี้อีกต่อไป นางหันหลังเดินกระฟัดกระเฟียดจากไปด้วยความโกรธ
“ไม่ได้ เื่นี้จะจบลงเช่นนี้ไม่ได้? เด็กๆ ไปตรวจสอบมาให้ข้าทีว่า ตอนนี้นายน้อยตระกูลลู่อยู่ที่ใด ข้าอยากจะดูว่าเขาเป็ปีศาจหรือสิ่งใดที่แปลงกายมา ถึงทำให้บุรุษไร้ค่าผู้นี้ กลายมาเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าได้? คงไม่ใช่ถูกใครเข้าสิงเอานะ” หลินเหยาคุณหนูสามตระกูลหลินทั้งเยาะเย้ยและถากถาง ทว่าตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะให้บทเรียนที่ยากจะลืมเลือนแก่ตระกูลลู่ให้จงได้
่พลบค่ำในวันที่สอง
“นายน้อย ้าไปดูอีกสักสองสามร้านหรือไม่?” ลู่เสียงเอ่ยปากถาม
“ช่างเถอะ ได้วัตถุดิบต่างๆ รวมกันก็ไม่น้อยแล้ว วัตถุดิบที่หายากบางอย่างถูกพวกเราซื้อมาเกือบจะหมดแล้ว เช่นนั้น เราไปหาสถานที่พักผ่อนกันเถอะ พรุ่งนี้รองานประมูลเริ่มเป็พอ ได้ยินมาว่าครั้งนี้ไม่เพียงแต่มีสมบัติล้ำค่าแต่ละชนิดเท่านั้น ทว่ายังมีวัตถุดิบล้ำค่าอีกมาก!” ลู่อวี่พูดด้วยเสียงเกียจคร้าน แม้ว่าวันนี้จะซื้อของมามากมาย แต่ของเหล่านี้ยังไม่ถือว่าเป็วัตถุดิบที่มีค่ามากนัก เื่นี้ทำเอาเขาไม่มีกำลังใจเอาเสียเลย
ลู่หนานบุ้ยปากพูดอยู่ข้างๆ “พี่ชาย ข้ากับเสวียนเสวียนไปที่ตระกูลเซี่ย ไม่เป็อะไรหรอก เหตุใดพี่ถึงไม่ยอมกันเล่า?” ทั่วทั้งเทียนตู ไม่มีใครไปก่อเื่ในตลาดเซียนหรอก
มู่เสวียนก็พยักหน้าอยู่ข้างๆ เช่นเดียวกัน
ลู่อวี่พูดอย่างไม่พอใจ “แม่นางน้อยเช่นพวกเ้าสองคน เล่นกันมากเกินไปแล้ว? พวกเรามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประมูล ไม่ได้มาเยี่ยมเยือนญาติ พูดกันแล้วว่ารอเสร็จจากงานประมูลค่อยไปไม่ใช่หรือ? หากไม่เชื่อฟังอีก ก็ให้ส่งตัวกลับบ้านให้หมด!”
หลังจากถูกลู่อวี่ขู่ แม่นางน้อยทั้งสองก็ยอมประนีประนอมให้ทันที จีชิงรั่วได้แต่มองตาปริบๆ อยู่ข้างๆ เพราะไม่เข้าใจพี่สาวทั้งสองแม้แต่น้อย และคิดอย่างสงสัยว่า อยู่กับพี่ชายไม่ดีหรือ แล้วพวกนางจะไปทำอะไรที่ตระกูลเซี่ยกันเล่า?
ลู่อวี่ไม่สนใจพวกนาง ไม่นานก็นำทุกคนกลับมาถึงที่พัก
ตระกูลลู่ไม่มีที่พักเป็ของตัวเองที่เมืองตงหลิง ถึงแม้ที่เมืองนี้จะไม่ได้เล็ก แต่ก็ไม่ได้เปิดกว้างเช่นเมืองเทียนตูเซียน หากตระกูลลู่มาเปิดร้านค้าสักสองสามแห่งที่เมืองตงหลิง ย่อมได้รับการต้อนรับเป็อย่างดี แต่หาก้าสถานที่สักแห่งเพื่อสร้างที่พักของตัวเอง ก็จะต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดมากมาย
และแน่นอนว่า ร้านค้าของตระกูลหลินในเมืองตงหลิง ก็ใช่ว่าตระกูลลู่ทั้งสิบคนนี้จะไปพักไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับที่พักของตระกูลลู่ในเมืองเทียนตูเซียนแล้ว สภาพช่างห่างไกลกันลิบลับ อีกอย่างหนึ่ง ตระกูลลู่เองก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองที่จะพักโรงเตี๊ยม ย่อมต้องไปหาโรงเตี๊ยมที่ดีกว่าอยู่แล้ว แม้แต่เงินจะเช่าจวนสักหลัง ก็ไม่นับว่าเป็อะไรในสายตาของเขาอยู่แล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่อวี่ก็นำทุกคนตรงไปที่งานประมูลตงหลิง ที่มีอยู่เพียงที่เดียวในเมืองตงหลิงแห่งนี้
เมืองตงหลิงไม่ได้สร้างขึ้นบนเกาะลอยเช่นเมืองเทียนตูเซียน ทว่าแตกต่างกับสถานที่อื่น มันถูกสร้างขึ้นโดยตรงบนเกาะที่อยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่มากที่สุด และมีการสร้างค่ายกลกระบี่ป้องกันอันทรงพลังขึ้นรอบเกาะ
เกาะทั้งเกาะมีรูปร่างเป็ทรงกลมโดยประมาณ โดยมีพื้นที่รวมหลายร้อยไร่ แต่นอกเหนือจากชายหาดและป่าไม้แล้ว พื้นที่ที่ใช้เป็ตลาดเซียนจริงๆ ครอบคลุมไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเกาะทั้งหมด ถึงกระนั้นมันก็ค่อนข้างใหญ่มากแล้ว เพราะที่นี่คือตลาดเซียนที่ใหญ่ที่สุด ที่สร้างขึ้นใกล้กับทะเล
ไม่เพียงแต่นักพรตจากเมืองเทียนตูเซียน ที่มักจะมาที่นี่เพื่อรวบรวมเอายาอายุวัฒนะ และวัตถุดิบยาจากต่างแดนบางอย่างเท่านั้น แต่มีนักพรตจากเกาะนับไม่ถ้วนในทะเลลึก มาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าด้วยเช่นกัน เช่นนั้นแล้ว เมื่อเทียบกันระหว่างเมืองตงหลิงกับเมืองเทียนตูเซียน จำนวนการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือการแลกเปลี่ยนของล้ำค่าหายาก ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย แล้วยังมีหลายแห่งในเมืองตงหลิงที่ดียิ่งกว่าเมืองเทียนตูเซียนอีกด้วย
งานประมูลตงหลิงจัดขึ้นบนูเาหินแห่งเดียวบนเกาะ มีขนาดใหญ่และงดงามยิ่งนัก เมื่อถึงเวลาที่ลู่อวี่และคนอื่นๆ มาถึง ก็มีหลายคนที่เข้ามาในงานประมูลก่อนหน้าพวกเขาแล้ว
นี่เป็ครั้งแรกที่ลู่หนานและมู่เสวียนมาเข้าร่วมงานประมูลที่มีระดับเช่นนี้ ดังนั้นจึงดูตื่นเต้นกันไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด พวกนางยิ้มไม่หุบมาตลอดทาง ถือเป็การเพิ่มพลังให้คนทั้งกลุ่มได้ดี นี่จึงเป็สาเหตุที่ลู่อวี่ยอมให้พวกนางออกมาด้วย
เมื่อทุกคนคนมาถึงประตูงานประมูล ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสิบผิง จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งเหาะลงมาจากท้องฟ้า พร้อมด้วยเสียงะโอันไพเราะอย่างชัดเจน “ลู่อวี่ หยุดอยู่ตรงนั้นประเดี๋ยวนี้!”
เห็นเพียงร่างผอมเพรียว ในอาภรณ์สีเขียวมรกตเข้ามาขวางหน้าลู่อวี่และคนอื่นๆ ไว้ สตรีรูปร่างสูงตระการตา หน้าตางดงาม ดวงตาสีผลซิ่งเหรินปรากฏสู่สายตาทุกคน แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันแข็งกร้าว และดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความโกรธของนาง จึงเห็นได้ชัดว่ามาด้วยเจตนาไม่ดี ลู่เสียงและองครักษ์คนอื่นๆ รีบเข้าไปยืนคุ้มกันด้านหน้าทันที
สตรีผู้นี้กวาดตามององครักษ์ทั้งสี่ด้วยสายตาเหยียดหยาม จากนั้นก็หันสายตามองไปทางลู่อวี่ เหมือนอยากจะสำรวจโดยรวมเสียหน่อย หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “ลู่อวี่ หากเ้าเป็ลูกผู้ชายพอก็ออกมาสู้กับข้าสักตั้ง หากข้าชนะ เ้าจงมอบตัวคนที่เ้าแย่งชิงไปจากตระกูลหลิน ให้นางกลับไปกับข้า ต่อไปพวกเราต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน มิเช่นนั้น พวกเ้าใครก็อย่าได้คิดที่จะออกไปได้!”
ในขณะที่นางพูดอยู่นั้น ก็โบกมือขึ้น ผ้าไหมสีเขียวเส้นหนึ่งก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า หลังจากปลิวสะบัดไปในอากาศราวกับงูศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วรอบหนึ่ง ก็เข้ามาพันรอบไหล่และแขนของนางเอาไว้ พลิ้วไหวราวกับกำลังโบยบิน เมื่อรวมกับใบหน้างดงามที่ละเอียดอ่อน และขาวสะอาดหมดจดของนางแล้ว ภาพเบื้องหน้ายิ่งคล้ายกับเทพเซียนมาปรากฏกาย
ในเวลาเดียวกัน มือขวาของหญิงสาวก็ขยับเล็กน้อย มือที่ขาวสะอาดราวกับหยกก็ประสานเข้าหากันทำท่าดรรชนีลึกลับอย่างหนึ่ง และทันใดนั้น ไอน้ำบริเวณโดยรอบก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว และเกือบจะในทันทีที่กระบี่สีน้ำเงินเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ พร้อมด้วยอากาศที่เย็นะเื กับเสียงคลื่นแ่เบาเป็ระลอก
หากพูดแล้วเื่มันยาว อันที่จริง สตรีในอาภรณ์สีเขียวใช้เวลาเพียงไม่นานในการเตรียมตัวทั้งหมดนี้
“บังอาจ หัวขโมยจากที่ใด ถึงกล้ามาพูดเช่นนี้กับนายน้อยตระกูลลู่ของเรา?” องครักษ์ทุกคนโมโหเดือดดาลขึ้นมาทันที ก่อนงานประมูลจะเริ่มขึ้น มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้รับเชิญต่างมุ่งหน้ามาที่นี่ สตรีผู้นี้เหตุใดถึงไร้มารยาทเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่า ไม่เห็นตระกูลลู่จากเทียนอวิ๋นอยู่ในสายตา แล้วจะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร อีกทั้งยังท้าทายนายน้อยอีกด้วย นายน้อยตระกูลลู่ เป็ถึงคนปรุงโอสถขั้นห้า มีสถานะสูงส่ง จะถูกท้าทายและถูกดูิ่ตามใจชอบได้อย่างไร?
ลู่หนานยิ่งเป็คนนิสัยไม่ยอมคน เพราะตัวเล็ก จึงรีบเข้าไปผลักลู่เสียงออกไป พร้อมกับเงยหน้าะโเสียงดัง “สตรีเสียสติจากที่ใดกัน ถึงได้กล้าะโออกมาท้าทายพี่ชายของข้า? เชอะ หากคิดจะทำเช่นนี้แล้ว คิดจะมาเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายข้า เพื่อให้หลงเสน่ห์ของเ้า ก็จงยอมแพ้เสียเถอะ มีข้าลู่หนานคอยดูแลพี่ชายอยู่ ไม่ว่าใครก็ตาม หากไม่ผ่านตาข้า ก็อย่าได้คิดแม้แต่จะเข้าประตูตระกูลลู่ของเรา ต่อให้งดงามเพียงใดก็ไม่มีทาง!”
ท่าทางของแม่นางน้อยที่ก่อความวุ่นวายสุ่มสี่สุ่มห้า ทำเอาลู่อวี่ที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นสตรีในอาภรณ์สีเขียว มีสีหน้าและท่าทีโมโหเดือดดาลเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ่งมีความสุขสุดขีด
“พูดจาไร้สาระ แม่นางน้อยเ้าจงหลีกไป เื่ของผู้ใหญ่ เ้าจะมาพูดสอดปากได้อย่างไร!” สตรีในอาภรณ์สีเขียวตวัดกระบี่วิเศษในมือ แทบอยากจะฟันแม่นางน้อยที่อายุเพียงสิบสี่สิบห้าปีผู้นี้แยกออกเป็สองท่อนเสียให้ได้ นางเพียงมาทวงถามศักดิ์ศรีให้กับคนตระกูลหลิน ไม่ได้มาทำเื่อับอายขายขี้หน้า เพียงแต่คำพูดเหล่านี้ ต่อให้พูดกับแม่นางน้อยผู้นั้นไป นางคงไม่รู้เื่อะไร
แต่นางก็ไม่ได้เป็คนชั่วช้าสามานย์อะไร ต่อให้โกรธเพียงใด ก็ไม่มีทางคิดหยุมหยิมอะไรกับเด็กผู้หญิง ได้แต่ชี้กระบี่วิเศษไปทางลู่อวี่ และพูดด้วยความโกรธ “ลู่อวี่ เ้าเป็ถึงนายน้อยของตระกูลลู่ แต่เหตุใดเวลานี้กลับให้แม่นางน้อยผู้หนึ่งออกมารับหน้าแทนให้เล่า ตัวข้ายังละอายแทนเ้า!”
มู่เสวียนที่ยังคงไม่รู้จักลู่อวี่ดีพอ รู้สึกเพียงว่าการได้อยู่กับพี่ชายลู่อวี่นั้น ก็นับว่ามีความสุขมากแล้ว จึงไม่ได้ตระหนักถึงแง่มุมอื่นๆ แต่เวลานี้เมื่อเห็นสตรีนางหนึ่ง ผู้มีรูปร่างหน้าตางดงาม ทั้งยังมีพลังยุทธ์ที่ดูเหมือนจะโดดเด่นกว่านางมายืนประจันหน้าอยู่ ก็รู้สึกถึงอันตรายบางอย่างขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จึงไม่รอให้ลู่อวี่เอ่ยปากพูด แต่กลับช่วยพูดชิงตัดหน้า “นั่นเพราะพี่ลู่อวี่ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับท่าน พี่สาวท่านนี้ช่างไม่รู้อะไรเสียบ้าง ผู้ใดจะไปรับคำท้าทายจากสตรีที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า?”
สตรีในอาภรณ์สีเขียวโกรธจนตัวสั่น ไม่ว่านางจะอยู่ที่ตระกูลหลินหรือในสำนัก ก็เป็สตรีที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือใคร ยิ่งในสายตาของผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาแล้ว ต่างได้รับความสนใจมากมาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาพบเจอกับเื่เช่นนี้ที่นี่ อีกทั้งยังถูกต่อว่า ว่าตนเป็คนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าอีก มันมีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ?
ในขณะที่พวกเขากำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น มีคนไม่น้อยกว่าสามสิบสี่สิบคนรออยู่ที่หน้าทางเข้างานประมูลแล้ว วันนี้งานประมูลตงหลิง ถือเป็งานประมูลครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นครั้งแรกในรอบสิบปี จึงมีบรรดานักพรตให้ความสนใจกันเป็อย่างมาก แม้ว่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้างานไม่ได้ แต่ก็ยังมารอดูอยู่ด้านนอกอย่างคึกคัก ตอนนี้นอกจากเื่นี้แล้ว เพียงนึกคิดก็รู้ว่าอีกไม่นาน จะมีผู้คนจำนวนมากพากันมารุมดูที่นี่
แม้แต่ตอนนี้ยังพูดคุยกันเสียงเซ็งแซ่แล้ว
“คนที่มาขวางทาง และท้าทายนายน้อยตระกูลลู่เป็ผู้ใดมาจากที่ใดกัน เหตุใดถึงได้กล้าหาญเช่นนี้ ได้ยินว่าในบรรดาองครักษ์ของนายน้อยตระกูลลู่ มีจอมเทพขั้นกำเนิดเทพเ้าอยู่ด้วย”
“สตรีผู้นี้ ดูเหมือนจะเป็คุณหนูสามของตระกูลหลิน นามว่า หลินเหยา ได้ยินว่านางเป็ผู้มีพร์ที่ไม่เหมาะสำหรับการฝึกฝนเคล็ดวิชาไฟของตระกูลหลิน แต่กลับถูกยอดฝีมือจากนอกตระกูลผู้หนึ่งรับไว้เป็ลูกศิษย์ และนำตัวไปฝึกอบรมในต่างแดน นอกจากจะกลับมาเยี่ยมญาติทุกๆ สามถึงห้าปีครั้งแล้ว แทบจะไม่เคยปรากฏตัวในโลกการบำเพ็ญเพียรของเทียนตูเลย แต่ยังคงมีชื่อเสียงไม่น้อย”
“นางถูกขนานนามว่า ฝาแฝดที่งดงามที่สุดในเทียนตูเช่นเดียวกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ย เซี่ยชิงเหยียนผู้นั้น สตรีงามทั้งสองนางมีพลังยุทธ์อยู่ใน่ปลายของขั้นฟันฝ่าเช่นเดียวกัน! ได้ยินว่าอาจารย์ของนาง เป็ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีพลังยุทธ์ใน่กลางของขั้นเกิดเทพเ้า มีหรือจะกลัวยอดฝีมือขั้นเกิดเทพเ้าธรรมดา หากกล้ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าจริงๆ ต่อให้เป็ตระกูลลู่ คงไม่อาจทนรับการเอาคืนจากศิษย์สำนักเดียวกันของคุณหนูสาม จากตระกูลหลินได้!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้