“ไม่รู้กระทั่งว่าตนทำสิ่งใดผิด ชายารองฉินควรเข้าไปสำนึกผิดในตำหนักเย็นได้แล้ว เอาตัวไป”
ม่อหลิงหานเกลียดการเห็นสตรีร้องไห้เป็ที่สุด เขาไม่อยากมองฉินหว่านแม้แต่น้อย จึงโบกมือให้คนพาตัวไปทันที
ขณะนั้นถานอี้และเฉียวเฟยต่างก็เข้าใจ พวกเขาเข้าไปจับแขนฉินหว่านไว้ ไม่กล่าววาจาใดก็ทำท่าจะลากนางไปทันที
ฉินหว่านถูกชายสองคนหามคนละฝั่งจนเท้าไม่ติดพื้น นางทางหนึ่งก็ดิ้นรนไม่คิดชีวิต อีกทางหนึ่งก็ะโลั่น “ท่านอ๋อง ข้าไม่อยากไปตำหนักเย็น อย่าให้ข้าไปอยู่ที่ตำหนักเย็น พวกเ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ กินดีหมีดีเสือมาหรือไรถึงได้ขวัญกล้าเช่นนี้ รีบปล่อยข้า...”
ถานอี้และเฉียวเฟยก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เสียงของฉินหว่านยิ่งดังห่างออกไปไกล
เนื่องจากฉินหว่านถูกส่งเข้าตำหนักเย็น แน่นอนว่าสาวใช้ประจำกายอย่างเฉี่ยวอวี้ก็ต้องติดตามไปรับใช้อีกฝ่ายด้วย
เฉี่ยวอวี้เดินตามฉินหว่านและสององครักษ์ไป จดจ้องแผ่นหลังของฉินหว่านอย่างเอาเป็เอาตาย
เหตุใดนางถึงดวงซวยมาติดตามเ้านายที่ไร้สมองเช่นนี้นะ
รู้ทั้งรู้ว่าเยว่เฟิงเกอไม่ใช่คนที่จะหาเื่ได้ง่าย คนก็ยังคิดจะหาเื่อีกฝ่ายอีก
เหตุใดไม่ดูเสียบ้างว่าสองวันมานี้ท่านอ๋องทรงโปรดปรานเยว่เฟิงเกอเพียงไร นางเป็แค่ชายารอง หัดอยู่อย่างสงบและใช้ชีวิตอย่างเป็สุขแค่นี้ไม่ได้เลยหรือ? เหตุใดต้องพูดจาไม่น่าฟังให้ท่านอ๋องไม่พอพระทัยด้วย
ตอนนี้นางถูกจับเข้าตำหนักเย็น แน่นอนว่าสาวใช้เยี่ยงนางเฉี่ยวอวี้ต้องติดตามเข้าไปลำบากด้วย
เฉี่ยวอวี้อยากจะใช้สายตาสังหารฉินหว่านเสียเดี๋ยวนี้
เมื่อฉินหว่านถูกนำตัวไปแล้ว เยว่เฟิงเกอก็นับว่าชมละครจบแล้ว
นางคาดเดาได้ั้แ่เมื่อครู่แล้วว่า เมื่อฉินหว่านกล่าวประโยคนั้นออกมาจะต้องทำให้ม่อหลิงหานไม่พอใจแน่
แค่เขาไม่หย่าฉินหว่านก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ดังนั้น หลังจากชมละครจบแล้ว ก็ถึงเวลาต้องถามม่อหลิงหานต่อว่าสองพี่น้องคู่นั้นคือใคร แล้วมีความเกี่ยวข้องอะไรกับนาง
เยว่เฟิงเกอหัวเราะพลางจับแขนของม่อหลิงหานไว้อีกครั้ง กล่าวอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋องคนดี ทรงเล่าเื่สองพี่น้องคู่นั้นให้หม่อมฉันฟังได้ไหมเพคะ? ”
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอยังดื้อดึงอยากรู้เื่ของสองพี่น้องคู่นั้นให้ได้ ก็โกรธมากจึงสะบัดมือแล้วยืนขึ้นด้วยคิดจะจากไป
แต่คงเพราะเขาสะบัดแขนแรงเกินไป ทำเอาเยว่เฟิงเกอล้มหงายหลัง
ชิงจื่อกำลังตักข้าวให้เยว่เฟิงเกออยู่ เห็นว่าพระชายาของตนกำลังจะล้มลง ก็รีบร้อนเข้าไปประคอง ทว่า นางยังช้าไปก้าวหนึ่ง...
ม่อหลิงหานคิดไม่ถึงว่าเมื่อครู่ที่เขาโกรธจะเผลอออกแรงมากเกินไป สุดท้ายทำเอาเยว่เฟิงเกอล้มลงบนพื้นเสียงดัง ยิ่งกว่านั้น ศีรษะของนางยังกระแทกเข้ากับพื้นจนสมองอื้ออึง นางรู้สึกราวกับเห็นดาวลอยเต็มฟ้า
ม่อหลิงหานเพิ่งเห็นว่าเยว่เฟิงเกอล้มลงไปแล้ว ก็รีบร้อนค้อมกายลงไปประคองเยว่เฟิงเกอขึ้นมา
“เ้าไม่เป็ไรนะ าเ็ตรงไหนหรือไม่? ” ม่อหลิงหานหลงลืมความโกรธในใจไปสิ้น ตอนนี้เขาเป็ห่วงเพียงความปลอดภัยของเยว่เฟิงเกอ
เมื่อเยว่เฟิงเกอมีสติกลับมาก็ผลักม่อหลิงหานออก
“อย่ามาแตะต้องข้า ต่อให้ข้าจะล้มลงไปตายก็ไม่ต้องให้ท่านมาสนใจ” เยว่เฟิงเกอโกรธแล้วจริงๆ นางแค่อยากสืบข่าวของสองพี่น้องคู่นั้นก็เท่านั้น ในเมื่อม่อหลิงหานรู้ก็แค่บอกนางมา เหตุใดต้องทำกับนางถึงเพียงนี้ด้วย?
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอโกรธเขาเข้าแล้วจริงๆ ก็รีบร้อนกอดนางไว้ในอ้อมแขน โอ๋นางเบาๆ “ชายารักอย่าโกรธเลย เปิ่นหวางไม่ดีเอง เปิ่นหวางยอมรับผิดต่อเ้า”
เยว่เฟิงเกอกุมหลังศีรษะที่ได้รับาเ็ ก่อนจะคลำเจอก้อนเนื้อใหญ่ปูดโปน
นางผลักม่อหลิงหานออกไปด้วยความโกรธแล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เพื่อรักษาระยะห่างกับเขา
ฉับพลันนั้นใจของม่อหลิงหานก็ราวกับถูกบีบรัดเมื่อต้องเห็นเยว่เฟิงเกอกลับไปเป็เหมือนก่อนที่ทำท่าทำทางอยากรักษาระยะห่างกับเขา
“หม่อมฉันขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน เชิญท่านอ๋องรับสำรับเช้าไปคนเดียวเถิดเพคะ” เยว่เฟิงเกอพูดจบก็เตรียมจะหมุนกายไปจากห้องอาหารทันที
ทว่า ม่อหลิงหานจะปล่อยนางไปเช่นนี้ได้อย่างไร เขาจับมือเยว่เฟิงเกอไว้ ลากนางเข้าไปในอ้อมแขน
“เป็ความผิดของเปิ่นหวางเอง เมื่อครู่เป็เพราะเปิ่นหวางโกรธจนขาดสติ ถึงได้เหวี่ยงแขนใส่ชายารักเช่นนั้น ชายารักอย่าโกรธเปิ่นหวางอีกเลยจะได้หรือไม่? ” ม่อหลิงหานก้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูเยว่เฟิงเกอ ตอนนี้เขากลัวมากจริงๆ ว่านางจะไม่สนใจเขา
ชิ่งจื่อและสาวใช้คนอื่นๆ เห็นว่าท่านอ๋องและพระชายากอดกันเช่นนี้ ต่างก็พากันถอยออกไปจากห้องอาหารอย่างพร้อมเพรียง
เยว่เฟิงเกอออกแรงผลักม่อหลิงหานอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งกอดรัดนางแน่นขึ้น
“ท่านปล่อยข้านะ ข้าปวดหัว” เยว่เฟิงเกอหมดสิ้นหนทางแล้ว จึงต้องพูดความจริงออกมา
เมื่อครู่ศีรษะนางกระแทกกับพื้น ตอนนี้จึงปวดหัวราวกับจะะเิออกมาเสียให้ได้
ม่อหลิงหานได้ยินเช่นนั้นก็รีบปล่อยเยว่เฟิงเกอ เขาก้มหน้าลงมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
เขายกมือขึ้นมาลูบหลังศีรษะของเยว่เฟิงเกอ และััโดนก้อนเนื้อที่ใหญ่ปูดโปน ซ้ำยังมีเืซึมออกมาด้วย
เขาคิดไม่ถึงว่านางจะาเ็หนักเช่นนี้ รีบบอกให้คนรับใช้ไปตามหมอมา
หมอประจำจวนถือกระเป๋ายารีบร้อนมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทายาให้เยว่เฟิงเกอแล้ว ก็ช่วยปิดแผลให้นาง
ตอนนี้เองเยว่เฟิงเกอถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
“เปิ่นหวางจะพาเ้ากลับ” ม่อหลิงหานพูดพลางประคองเยว่เฟิงเกอกลับเรือนเยว่เหยา
ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า เช้านี้ไม่มีข้าวตกถึงท้องเยว่เฟิงเกอแม้แต่เมล็ดเดียว
ตอนนี้นางทั้งปวดศีรษะและท้องหิว บวกกับเมื่อวานที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ สภาพนางในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าไม่ดีอย่างยิ่ง
ม่อหลิงหานเฝ้ามองเยว่เฟิงเกอที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาว อดไม่ได้ให้สงสารจับใจ
เขานึกเสียใจภายหลังแล้วที่สะบัดแขนใส่นาง เพราะหากเขาไม่ทำเช่นนั้น นางก็คงไม่ต้องล้มหัวฟาดพื้น
เยว่เฟิงเกอหันศีรษะหนีไปอีกทางด้วยไม่อยากมองหน้าม่อหลิงหาน
และท่าทางเช่นนี้ของนางนี่เองที่ทำให้ม่อหลิงหานทรมานยิ่งนัก
“ชายารักยังโกรธเปิ่นหวางอยู่หรือ? ” ม่อหลิงหานเป็คนที่ง้อคนไม่เป็อย่างแท้จริง เมื่อครู่เขาแค่เอ่ยคำขอโทษต่อเยว่เฟิงเกอ แต่ไม่ได้พูดจาแสดงความเป็ห่วงเป็ใยออกมา
กระนั้นเยว่เฟิงเกอก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล นางเอ่ยปาก “ไม่โกรธแล้ว”
“ในเมื่อไม่โกรธแล้ว เหตุใดชายารักถึงไม่หันมามองหน้าเปิ่นหวาง? ” ม่อหลิงหานรับไม่ได้อย่างยิ่งกับท่าทีห่างเหินของเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอกล่าวด้วยอารมณ์ขุ่นมัว “ข้าหิวแล้วก็เวียนหัว ทั้งยังอยากรู้คำตอบ แต่ท่านอ๋องกลับไม่ยอมบอกข้า ข้าจึงไม่อยากเห็นหน้าท่าน”
ม่อหลิงหานไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เหตุใดจู่ๆ เยว่เฟิงเกอถึงได้พูดเื่มู่เหยียนเฉินมู่เหยียนรั่วสองพี่น้องขึ้นมาแต่เช้า ทั้งยังมีท่าทางเหมือนจะถามเอาความให้ถึงที่สุดอีกด้วย
หากนางไม่คิดจะรื้อฟื้นความหลังกับมู่เหยียนเฉินจริงๆ เช่นนั้นนางจะซักไซ้เื่นี้ให้มากความไปทำอันใด?
ยิ่งกว่านั้น ตัวนางเองก็ควรจะรู้จักสองพี่น้องคู่นี้อยู่แล้ว แต่ดูท่าทางนางยามคาดคั้นเขากลับเหมือนไม่รู้จักมักจี่คนเ่าั้แม้แต่น้อย ท่าทางเหมือนจะรู้น้อยยิ่งกว่าตัวเขาเสียอีก
ในใจคิดเช่นนี้ แต่ม่อหลิงหานกลับเอ่ยปากว่า “ในเมื่อชายารักอยากรู้เื่ของพวกเขามากถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเปิ่นหวางเล่าให้เ้าฟังก็ได้”
เยว่เฟิงเกอได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดก็หันศีรษะกลับมา นางมองม่อหลิงหานตาไม่กะพริบด้วยตั้งใจรอให้เขาพูดต่อ
ม่อหลิงหานถอนใจด้วยความอึดอัด ก่อนจะเล่าเนื้อหาในจดหมายฉบับนั้นที่ถูกส่งมาตอนเยว่เฟิงเกอแต่งมาที่แคว้นเป่ยชวน
หลังจากเขาพูดจบก็มองเยว่เฟิงเกอตาไม่กะพริบด้วยอยากจะดูว่านางจะอารมณ์สั่นไหวอย่างไรบ้าง
ทว่า สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็เยว่เฟิงเกอที่ไร้อารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น คล้ายคนกำลังฟังเื่ราวของผู้อื่นก็ไม่ปาน