ด้วยเหตุนี้ หนีเจียเอ๋อร์จึงพยายามสงบสติอารมณ์ พลางคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
หลังครุ่นคิดอยู่สักพัก ใบหน้าอันงดงามก็เผยรอยยิ้มหวาน “ท่านพี่หราน หลายวันมานี้เกิดเื่ขึ้นมากมาย ทำให้ข้ารู้สึกสับสนนัก”
ความหมองหม่นในใจค่อยๆ จางหาย สวีเพ่ยหรานจึงส่งยิ้มบางๆ มาให้ “เสี่ยวเอ๋อร์ ไม่ว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไร ข้าก็ไม่สน ขอแค่เ้าไม่เข้าใจผิดก็พอ”
มือใหญ่เอื้อมมาจับไหล่มนของหญิงสาว “ให้ข้าไปส่งนะ”
แต่หนีเจียเอ๋อร์ถอยร่นไปก้าวหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างใจเย็น “แต่ข้ากำลังรอใครบางคนอยู่”
คิ้วของชายหนุ่มขมวดมุ่นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง
เป็โจวชิงหวา ที่ปรากฏกายขึ้นพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มยียวน ชวนให้หงุดหงิด “ใต้เท้าสวี เื่คุณหนูรองข้าจะดูแลเอง ไม่ต้องรบกวนท่านหรอก”
จากนั้น หนีเจียเอ๋อร์จึงหันไปพูดกับสวีเพ่ยหราน “ท่านพี่หราน ข้าขอตัวก่อน”
พอมองร่างทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันออกไป สวีเพ่ยหรานก็รู้สึกรวดร้าวใจ ประหนึ่งถูกกรงเล็บแหลมคมฉีกกระชาก ให้นึกหวาดระแวง ด้วยเกรงว่าความสัมพันธ์ของพวกเขา คงจะเกินพี่น้องไปเสียแล้ว!
...
ตำหนักอวี้อวิ๋น
กู่อวี่เสวียนในเครื่องแต่งกายเต็มยศงามสง่า ได้ลอบเข้ามาปรากฏตัวเงียบๆ ที่ด้านหลังของมู่หรงจิ่งหลี
“องค์ชายสามเพคะ”
ชายหนุ่มเหลียวมามองด้วยความประหลาดใจ ก่อนหันไปตำหนิองครักษ์ส่วนตัวเบาๆ “พวกเ้านี่อย่างไร! ไม่รู้สึกเลยหรือ ว่ามีคนลอบเข้ามาถึงตัวข้าแล้ว?”
เหล่าทหารองครักษ์คุกเข่าลงทันใด ไม่มีใครกล้าปริปากโต้แย้ง
หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดหวั่น แล้วเอ่ยเสียงสลด “องค์ชายสาม อย่าโทษพวกเขาเลยเพคะ เป็หม่อมฉันเองที่คิดไม่รอบคอบ เพียงอยากให้ท่านใเล่นเท่านั้น”
มู่หรงจิ่งหลีจึงโบกมือให้เหล่าองครักษ์ลุกขึ้น และกล่าวว่า “ที่องค์หญิงใหญ่เสด็จมาหากระหม่อมกะทันหันเช่นนี้ แสดงว่ามีพระราชสาส์นจากฮ่องเต้ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพร้อมรับพระบัญชา”
กู่อวี่เสวียนกลอกตา แต่ในเมื่อเป็เช่นนี้ นางก็จะปล่อยตามน้ำไปก่อน “เสด็จพี่ทรงรับสั่ง ให้หม่อมฉันคอยดูแลพระองค์มิให้ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นหม่อมฉันจึงมาที่นี่ เพื่อเชิญองค์ชายสามไปล่องเรือที่ทะเลสาบในวันพรุ่งนี้ หวังว่าพระองค์จะไม่ปฏิเสธนะเพคะ”
แม้ชายหนุ่มจะไม่อยากไป แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “แล้วแต่พระประสงค์ขององค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
หญิงสาวตาเป็ประกาย แย้มริมฝีปากกว้าง จนดวงตาสวยหรี่ลงดั่งพระจันทร์เสี้ยว “ดียิ่งนัก! เช่นนั้น หม่อมฉันจะไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพคะ”
กล่าวจบ ก็หมุนตัวเดินจากไปด้วยความตื่นเต้น
มู่หรงจิ่งหลีรีบโพล่งขึ้น “เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
กู่อวี่เสวียนหยุดชะงัก แล้วหันกลับมามองทันที
“จะเป็อะไรหรือไม่ หากกระหม่อมจะขอพาสหายไปด้วยสักสองคน?”
“สหายของพระองค์ ย่อมเป็ดั่งสหายของหม่อมฉัน โปรดทำตามที่องค์ชายปรารถนาเถิดเพคะ” ว่าแล้ว นางก็รีบผละจากไปทันที
พอคล้อยหลังอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็หันมาสั่งองครักษ์ประจำตัว “พาข้าไปที่จวนสกุลโจว”
...
มู่หรงจิ่งหลีมานั่งเล่นที่จวนสกุลโจวเสียจนดึกดื่น เพื่อนั่งพูดคุยและเชื้อเชิญโจวชิงหวากับหนีเจียเอ๋อร์ ไปเที่ยวที่ทะเลสาบด้วยกันในวันรุ่งขึ้น
โจวชิงหวาถอนหายใจ แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องตอบตกลงแต่โดยดี
…
ในยามเช้าของวันถัดมา ดวงอาทิตย์ฉายแสงเจิดจ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ช่างเป็วันที่อากาศดี เหมาะแก่การล่องเรือยิ่งนัก
โจวชิงหวามารับหนีเจียเอ๋อร์ที่จวนสกุลหนี ก่อนมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบลั่วเสินตามเวลานัดหมาย
ทันทีที่กู่อวี่เสวียนเห็นคนทั้งสอง ดวงตาของนางก็เบิกกว้าง ทั้งยังฉายประกายวาวโรจน์ “องค์ชายสาม สหายสองคนที่ท่านหมายถึง ก็คือพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงจิ่งหลีพยักหน้า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
หนีเจียเอ๋อร์กับโจวชิงหวา ถวายความเคารพองค์หญิงใหญ่และองค์ชายสามตามลำดับ
มู่หรงจิ่งหลียืนสงวนท่าที พลางโบกพัดในมือเบาๆ...
จี้หยกห้อยพัดทอประกายสีเขียวอ่อน ยามต้องแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา ดูแค่ลวดลายอันวิจิตร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสูงค่าเพียงใด
ซึ่งภาพลักษณ์ขององค์ชายสาม ก็ไม่ต่างอันใดกับจี้หยกชิ้นนั้น ที่ดูสง่างามมีชาติตระกูล ให้ความรู้สึกต่างจากสวีเพ่ยหรานกับโจวชิงหวาโดยสิ้นเชิง
“ถือเป็เกียรติของจิ่งหลี ที่ได้ล่องเรือกับสตรีผู้เก่งกาจอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง”
กับองค์หญิงใหญ่ มู่หรงจิ่งหลียังคงเว้นระยะห่าง และแสดงออกอย่างชัดเจนถึงสถานะระหว่างพวกเขา แต่สำหรับหนีเจียเอ๋อร์แล้ว เขากลับปฏิบัติต่อนางดุจสหายผู้หนึ่ง
องค์หญิงใหญ่กับโจวชิงหวา จึงทำหน้านิ่วทันที
ด้านหนีเจียเอ๋อร์ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงค้อมกายลงอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แสดงให้เห็นว่าถูกอบรมสั่งสอนมาดีเพียงใด
“นับเป็เกียรติของหม่อมฉัน ที่ได้ล่องเรือกับองค์ชายสามและองค์หญิงใหญ่เพคะ”
นอกจากจะไม่หลงเสน่ห์เขาแล้ว หนีเจียเอ๋อร์ยังแสดงท่าทีสงบนิ่ง ทำให้มู่หรงจิ่งหลีเริ่มสนใจในตัวนางขึ้นมาเล็กน้อย
โจวชิงหวาลอบมองท่าทีของคนทั้งสองอยู่เป็ระยะ ด้วยแววตาที่หมองหม่นอย่างเห็นได้ชัด
กู่อวี่เสวียนเดินเข้าไปแทรกกลาง ระหว่างองค์ชายสามและหนีเจียเอ๋อร์ ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็ยิ้มแย้มแจ่มใส “องค์ชายสาม ไปที่เรือกันเถอะเพคะ”
จากนั้น มู่หรงจิ่งหลีก็ผายมืออย่างสุภาพ องค์หญิงใหญ่จึงเดินนำไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“คุณหนูรอง เชิญ!” เมื่อถึงคราวของหนีเจียเอ๋อร์ องค์ชายสามก็ยกยิ้มกว้าง
หญิงสาวจึงจำต้องเดินนำอีกฝ่ายไป อย่างยากจะปฏิเสธ
กู่อวี่เสวียนหันกลับมามองทันควัน
ด้วยความโมโห นางจึงเตะเสาไม้ข้างตัวอย่างแรง แต่แล้วก็ต้องร้องอุทานด้วยความเ็ป
หนีเจียเอ๋อร์เดินขึ้นมาเห็นเข้าพอดี แต่ก็มิได้ปริปากอันใด
“รีบๆ ขึ้นมาสิ!” กู่อวี่เสวียนเอ่ยเสียงแข็ง
จากนั้น คนทั้งสี่ก็ขึ้นมาบนเรือ
แต่ทว่า ทั้งโจวชิงหวาและกู่อวี่เสวียน กลับเป็ดั่งอากาศธาตุไปเสียแล้ว เพราะความสนใจของมู่หรงจิ่งหลี ไปตกอยู่ที่หนีเจียเอ๋อร์เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกคนจึงเดาได้ไม่ยาก ว่าองค์ชายสามผู้นี้ รู้สึกอย่างไรต่อนาง
แต่เพราะชายหนุ่มมิได้กระทำเื่เลวร้ายอันใด หนีเจียเอ๋อร์จึงยังคงรักษามารยาท และรับความหวังดีของอีกฝ่าย
ทว่ามู่หรงจิ่งหลี ผู้เจนจัดในเื่เหล่านี้ มีหรือจะปล่อยให้ความสัมพันธ์ของพวกเขา หยุดอยู่เพียงแค่นี้ “คุณหนูรอง ข้ารู้สึกว่าเราสองคนเข้ากันได้ดีมาก และอยากจะสนิทสนมกับเ้าให้มากขึ้น จะเป็อะไรหรือไม่ หากข้าจะขอเรียกเ้าว่าเสี่ยวเอ๋อร์เช่นเดียวกับพี่ชิงหวา ส่วนเ้า ก็เรียกข้าว่าจิ่งหลีเถอะ”
หนีเจียเอ๋อร์เงียบไป ก่อนตอบเสียงหนักแน่น “องค์ชายสามมีฐานะสูงส่งต่างจากชิงหวา นอกจากนี้ หม่อมฉันกับเขาก็เติบโตมาด้วยกัน ชิงหวาจึงเป็ดั่งสมาชิกในครอบครัว ย่อมไม่แปลกอันใด ที่เขาจะเรียกชื่อเล่นของหม่อมฉัน”
ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ พลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ
กู่อวี่เสวียนกัดฟันกรอดด้วยความริษยา แต่ไม่อาจะเิอารมณ์ได้ จึงพยายามสงบสติ แล้วส่งจอกชาให้มู่หรงจิ่งหลี “องค์ชายสาม ดื่มชาสักหน่อยเถอะเพคะ หม่อมฉันว่า เรามาชมทิวทัศน์อันงดงามของแคว้นฉีหลานกันดีหรือไม่?”
แต่อีกฝ่ายมิได้ยื่นมือไปรับ เพียงทำท่าทีให้หญิงสาววางจอกชา ลงข้างๆ ตัวเขา “นี่ยังเช้าอยู่ กระหม่อมมิได้รีบร้อนอันใด เรายังมีเวลาชมทิวทัศน์อีกมากพ่ะย่ะค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้