หวางลี่ลี่รีบเอามือไปปิดปากพี่สะใภ้ “พี่สะใภ้ เบาหน่อย ฉันก็แค่อยากมาหาสามีให้เซี่ยอวิ๋น แค่อยากได้สินสอดเท่านั้น ขายลูกสาวอะไรกัน พูดเสียไม่น่าฟังเลย”
พี่สะใภ้เบ้ปากพลางนึกหยามเหยียดในใจ มีบ้านดีๆ บ้านไหนบ้างที่มาหาสามีให้ลูกสาวในหมู่บ้านยากจนเช่นนี้ นอกเสียจากอยากหลอกเอาเงินเขา
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เธอทราบดีว่าน้องสามีคนนี้รักบุตรสาวอย่างกับอะไรดี
“ไม่รู้ว่าเธอวางแผนอะไรอยู่ แต่ฉันไม่ช่วยเธอหรอกนะ เดี๋ยวเธอก็กลับไปบ้านเธอ แต่ฉันกับสามียังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่ออีก” พี่สะใภ้เอ่ยอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก
หมู่บ้านนี้อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านอื่นค่อนข้างมาก พี่สะใภ้ไม่มีทางทราบข่าวลือเื่เซี่ยอวิ๋นอย่างแน่นอน
หวางลี่ลี่ชี้มือไปที่ศีรษะตัวเองเชิงบอกใบ้ “พี่สะใภ้ เซี่ยอวิ๋นของฉันมีปัญหาที่ตรงนี้นิดหน่อย คนในหมู่บ้านรู้เื่นี้กันหมด ฉันเลยต้องมาหาสามีให้ลูกสาวจากหมู่บ้านนี้แทน พี่สะใภ้ช่วยดูให้หน่อยสิว่ามีใครในหมู่บ้านที่เหมาะสมบ้างไหม ขอคนที่ฐานะดีหน่อย แล้วก็ขอที่นิสัยดีๆ”
“น้องสาว เธอไม่ได้มาที่นี่หลายปีคงจะลืมความเป็อยู่ของคนในหมู่บ้านนี้ไปแล้วสินะ ขอคนที่ฐานะดีงั้นเหรอ ตอนนี้คนในหมู่บ้านนี้มีแต่คนที่กินข้าวคลุกผักที่ขุดได้จากในป่าทั้งนั้นแหละ”
“งั้นขอแค่คนที่นิสัยดีๆ ก็ได้” หวางลี่ลี่ได้ฟังก็รู้สึกปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาทันที ก่อนจะลดความคาดหวังเื่ฐานะว่าที่ลูกเขย
“ถ้าขอค่าสินสอดน้อยหน่อย ฉันยังพอหาให้ได้”
เธอกัดฟันไปเอ่ยออกไปว่า “ก็ได้ ถ้าใครให้สองร้อยหยวนฉันก็จะยกเซี่ยอวิ๋นให้คนนั้น”
พี่สะใภ้คิดในใจ สมัยนี้ค่าสินสอดโดยเฉลี่ยอยู่ที่แปดร้อยถึงหนึ่งพันหยวน อีกฝ่ายเรียกค่าสินสอดเพียงสองร้อยหยวนถือว่าถูกมาก
หากทำสำเร็จ เธออาจจะได้ส่วนแบ่งเล็กๆ น้อยๆ ด้วยก็ได้
คิดดังนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยออกไปจึงอ่อนลงหลายส่วน “เดี๋ยวฉันช่วยถามให้ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ถ้าต่อไปบ้านสามีเขารู้ว่าสมองเซี่ยอวิ๋นมีปัญหา ฉันไม่ช่วยเธอนะ”
“ถ้าอยากจะเอามาคืนน่ะได้ แต่ค่าสินสอดจะไม่มีการคืนเด็ดขาด”
เธอมองน้องสามีอย่างดูแคลน ช่างเป็แม่ที่ประเสริฐจริงๆ!
“ฉันรู้แล้ว”
เวลานี้เองเซี่ยอวิ๋นที่ยืนรออยู่ด้านข้างอยู่นานเอ่ยขึ้นมาว่า “แม่คะ พวกเราถึงบ้านคุณลุงแล้วทำไมถึงไม่มีของกินล่ะ”
ตอนแรกพี่สะใภ้ยังมองไม่เห็นถึงความผิดปกติของเซี่ยอวิ๋น แต่พอได้ยินเช่นนี้ก็รู้ทันทีว่าเด็กสาวคนนี้มีปัญหาที่สมองจริงๆ
หวางลี่ลี่ รีบเข้าไปปลอบบุตรสาว “อีกเดี๋ยวให้คุณป้าทำของอร่อยให้กินนะ”
“ที่บ้านจนอย่างกับอะไรดี จะมีของอร่อยอะไรได้” พี่สะใภ้สวนกลับด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก ฐานะทางบ้านลำบากแบบนี้จะเอาของอร่อยมาจากไหน
“พี่สะใภ้ จัดการเื่นี้เสร็จเมื่อไร ฉันจะให้ค่าตอบแทนพี่อย่างงามเลย” หวางลี่ลี่เอ่ยออกมา หวังให้พี่สะใภ้คลายโทสะ
พี่สะใภ้ตาลุกวาวทันที “จริงเหรอ”
“ถ้าฉันโกหกฉันก็ไม่ใช่คนแล้ว”
ได้ยินคำยืนยันพี่สะใภ้ถึงค่อยยิ้มได้ “น้องสาว ฉันจะไปทำอาหารให้เดี๋ยวนี้แหละ กินอิ่มแล้วเดี๋ยวฉันไปช่วยถามให้”
หวางลี่ลี่ลอบถอนหายใจ พอมีเงินนี่เรียกลมเรียกฝนได้[1]จริงๆ
“งั้นก็รบกวนพี่สะใภ้แล้ว เดี๋ยวฉันช่วย”
หลังจากกินข้าวเสร็จได้ไม่นาน พี่สะใภ้ก็ออกไปช่วยถามหาให้ ไม่นานนักก็กลับมา
“ผู้ชายคนนี้อายุมากหน่อย หัวเกือบล้าน ใช้ชีวิตอยู่กับแม่แค่สองคน ปกติก็จะขึ้นเขาไปล่าสัตว์แอบเอาไปขาย ชีวิตความเป็อยู่ค่อนข้างดี ค่าสินสอดสองร้อยเขายอมจ่าย”
“ตกลง เอาคนนี้แหละ”
ในความคิดของหวางลี่ลี่ ขอแค่จ่ายไหว มีชีวิตความเป็อยู่ที่เรียบง่าย มีข้าวให้บุตรสาวเธอกิน เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
ส่วนพี่ชายหวางลี่ลี่พอรู้เื่นี้ก็ไม่ได้พูดอะไร สมองของหลานสาวมีปัญหา น้องสาวหาสามีเป็คนในหมู่บ้านให้บุตรสาวไม่ได้จึงดั้นด้นมาหาที่หมู่บ้านนี้แทน
พี่สะใภ้ทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “น้องสาว แต่เขาอยากขอดูหน้าเซี่ยอวิ๋นก่อน เธอจะว่ายังไง”
“พี่สะใภ้ พี่ก็บอกเขาไปว่าลูกสาวฉันขี้อาย ให้เขามาแอบดูที่หน้าต่าง อย่าปรากฏตัว”
“วิธีนี้ดี ฉันจะไปบอกให้เดี๋ยวนี้แหละ”
“ฉันอยากรีบจัดการเื่นี้ให้เสร็จจะได้กลับไปอย่างวางใจ ฉันคิดดีแล้ว ได้เงินค่าสินสอดมาเมื่อไรฉันจะแบ่งให้เซี่ยอวิ๋นแปดสิบหยวน เอาไว้ให้เธอกับสามีไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่”
“น้องสาว นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะใจกว้างขนาดนี้ เดี๋ยวฉันไปบอกผู้ชายคนนั้นให้นะ”
“ได้”
ที่หวางลี่ลี่ทำเช่นนี้ เพื่อที่ว่าฝ่ายชายจะได้เห็นคุณค่าบุตรสาวเธอ
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอเห็นพี่สะใภ้พาใครคนหนึ่งกลับมาด้วย
คนนั้นเป็ผู้ชายอายุราวสามสิบกว่าปี ตรงกลางศีรษะไม่เหลือเส้นผม หน้าตาไม่ค่อยน่าดู อีกทั้งผิวก็ดำเมี่ยม
ชายหนุ่มคนนั้นแอบมองเซี่ยอวิ๋นที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องผ่านบานหน้าต่าง
ได้ยินว่าเด็กสาวใกล้จะเรียนจบชั้นมัธยมต้นแล้ว เป็คนมีการศึกษา หน้าตาพอใช้ได้ ดูเป็คนเงียบๆ รูปร่างค่อนข้างอวบ แต่หุ่นแบบนี้ก็เลี้ยงง่ายดี
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ไม่เลวเลย”
พี่สะใภ้ฉวยโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน[2] “ในเมื่อชอบงั้นก็เอาค่าสินสอดมาแล้วพาเธอกลับบ้านไปได้เลย แม่เธอรักและห่วงลูกสาวมากก็เลยจะให้เงินคืนแปดสิบหยวน แต่ฉันต้องบอกก่อนเลยนะว่านี่ไม่ใช่การซื้อขายภรรยา”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ผมเข้าใจๆ ขอบคุณมาก”
ชายหนุ่มยื่นเงินให้ หวางลี่ลี่รับเงินมาก่อนจะเข้าบ้านไปหาบุตรสาว “เซี่ยอวิ๋น ลูกไปกับพี่ชายคนนั้นนะ ที่บ้านพี่เขามีเนื้อให้กินบ่อยๆ”
“จริงเหรอคะแม่” เซี่ยอวิ๋นถามย้ำ
“จริงสิ แต่วันนี้ที่บ้านพี่เขามีเนื้อไม่เยอะ แม่เลยให้ลูกไปคนเดียว”
“ได้ค่ะ”
เธอยื่นธนบัตรสิบหยวนจำนวนแปดใบให้แก่บุตรสาว “เก็บเอาไว้ให้ดีนะ”
“แม่คะ ทำไมถึงให้เงินหนูเยอะเลยล่ะค่ะ”
“ต่อไปลูกต้องเชื่อฟังพี่เขานะ ใช้ชีวิตดีๆ ล่ะ” หวางลี่ลี่พูดด้วยความปวดใจ
“แม่คะ หนูไปกินข้าวที่บ้านพี่เขาแป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมานะคะ” เซี่ยอวิ๋นบอกผู้เป็แม่ ไม่ได้รู้เท่าทันเลยว่าเหตุการณ์กำลังเป็แบบไหน
“จ้ะ ไปเถอะ”
เพื่อได้กินเนื้ออาหารจานโปรด เซี่ยอวิ๋นะโโลดเต้นพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มออกไปหาพี่ชายที่อยู่หน้าบ้าน จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินจากไป
หวางลี่ลี่ยื่นธนบัตรสิบหยวนหนึ่งใบให้พี่สะใภ้ “พี่สะใภ้ พี่เก็บเอาไว้นะ”
“น้องสาว ฉันจะเก็บไว้อย่างดีเลย” ได้เป็แม่สื่อทั้งยังได้เงิน พี่สะใภ้จึงอารมณ์ดี
“พี่สะใภ้ งั้นฉันกลับก่อนนะ นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว หากฟ้ามืดเดี๋ยวจะกลับไม่ได้”
พี่ชายของหวางลี่ลี่ที่กำลังสูบกล้องยาสูบเอ่ยขึ้นมาว่า “น้องสาว คืนนี้ก็ค้างที่นี่สักคืนสิ จะได้ดูด้วยว่าเซี่ยอวิ๋นใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนั้นเป็ยังไงบ้าง”
“ทำไมต้องดูด้วย แต่งออกไปแล้วก็เท่ากับเป็คนของบ้านอื่นแล้ว จะถูกตี ถูกว่า หรือมีชีวิตที่ดีก็เื่ของเธอ” หวางลี่ลี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเ็า
พี่ชายกับพี่สะใภ้มองหน้ากัน ทั้งคู่ไม่พูดอะไรอีก ได้แต่คิดในใจว่าน้องสาวใจร้ายกับบุตรในไส้ไม่น้อย
เนื่องจากหมู่บ้านเฉินเจียโกวและหมู่บ้านเชาหยางตั้งอยู่ไกลกัน สองสามีภรรยาเลยไม่ทราบเื่ที่เซี่ยอวิ๋นทิ้งให้น้องชายต่างบิดาอดข้าวจนตาย และไม่รู้เื่ที่หวางลี่ลี่้าขับไสไล่ส่งบุตรสาวออกจากตระกูลเซี่ย
พูดว่าจะกลับหวางลี่ลี่ก็กลับเลยทันที พอมีเงินในมือเธอเลยเรียกรถกลับไปที่บ้าน
ยังไม่ทันจะเข้าไปในบ้าน เพื่อนบ้านเห็นหวางลี่ลี่กลับมาคนเดียวจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “น้องสาวไปไหนมา แล้วเซี่ยอวิ๋นล่ะ”
ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางปิดเื่นี้ได้อยู่แล้ว หวางลี่ลี่จึงพูดโอ้อวดด้วยสีหน้าถือดี “ลูกสาวโตแล้วก็ต้องแต่งงานออกไปสิ”
คุณป้าข้างบ้านรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว เซี่ยอวิ๋นสติไม่ค่อยดี คนเป็แม่ไม่อยากดูแลก็เลยให้แต่งงานออกไป
“แต่งไปที่ไหนล่ะ”
“กับคนในหมู่บ้านเดิมของฉัน ผู้ชายคนนั้นขยัน ขึ้นเขาล่าสัตว์เอาไปขายแลกเงิน ครอบครัวก็มีแม่แค่คนเดียว ผู้ชายคนนั้นให้ค่าสินสอดสองร้อยหยวน ฉันก็เลยให้เงินเซี่ยอวิ๋นคืนไปแปดสิบหยวนเป็เงินสำหรับเริ่มชีวิตใหม่”
ผู้ชายคนนั้นช่างโชคร้ายจริง ถ้ารู้ว่าเซี่ยอวิ๋นสติไม่ค่อยดีต้องอาละวาดในภายหลังเป็แน่
ถึงจะบอกว่าให้เงินคืนไปแปดสิบหยวน แต่ใครจะรู้ว่าได้ให้จริงหรือแค่พูดไปแบบนั้น
สิ่งที่หวางลี่ลี่ทำไม่ต่างอะไรกับการขายบุตรสาวกิน
แม้คุณป้าข้างบ้านจะคิดเช่นนี้ หากสีหน้ายังคงยิ้มแย้ม “ยินดีด้วยนะ”
ไม่นานเื่ที่เซี่ยอวิ๋นแต่งงานแล้วก็รู้กันไปทั่วทั้งหมู่บ้านและหมู่บ้านข้างเคียง
เื่นี้กลายเป็หัวข้อสนทนาของทุกบ้านภายในเวลาอันรวดเร็ว
[1] มีเงินใช้เรียกลมเรียกฝนได้ หมายถึง พอมีเงินก็สามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
[2] ตีเหล็กตอนยังร้อน หมายถึง เมื่อมีโอกาสก็ต้องรีบฉกฉวย
