แต่ก่อนแต่ไรชีวิตเขาก็ปกติสุขดี ทว่ายามบิดาใกล้สิ้นใจแล้วสั่งเสียไว้แก่เขา มันก็แอบแฝงด้วยความลับซึ่งมีแต่เขาเท่านั้นที่ต้องควานหาคำตอบด้วยตัวเอง
น่าเสียดายที่ทั้งสองอย่างนี้ เป็เพียงแค่การอนุมานของเขาเท่านั้น
ว่ากันจะๆ ตาแล้ว เ่ิูไม่มีทางยืนยันแน่นอนได้เลย
เขาไล่สายตามองิัตัวเองอย่างละเอียดยิบ มองปราดแรกก็ปกติดี แต่เมื่อพินิจอย่างจริงจังแล้ว กลับมีแสงสีทองอ่อนไหลเวียนบางเบา เด็กหนุ่มหยิบมีดทำครัวขึ้นมา กรีดลงเบาๆ แต่ไม่อาจตัดผ่านผิวได้เลย ความรู้สึกราวกับผ่าหนังสัตว์
เป็จุดสูงสุดของวรยุทธ์เขตเนื้อนั่นเอง
สอดคล้องกับที่หัวหน้าหมวดหวังเยี่ยนอภิปรายในคาบทุกอย่าง ตรงเผงทุกอณู
“ยิ่งเราฝึกเร็วขึ้นเท่าไร ก็เป็สิ่งที่ดีขึ้นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้ข้าจะต้องรีบทำเวลา” เ่ิูไม่ใช่คนประเภทที่จะเสียเวลาไปกับเื่ที่ไม่มีทางแก้ไขได้อยู่แล้ว ตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่หยิบเอามาคิดอีก
เขายืนขึ้นบริหารร่างกายตน
เ่ิูเริ่มรู้สึกบางเบา ว่ากระบวนท่าอสรพิษไม่เพียงแค่ทำให้ิัของเขาแข็งแรงทนทานเท่านั้น ยามบรรลุถึงขั้นสุดยอดของวรยุทธ์เขตกล้ามเนื้อแล้ว กำลังแรงก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
เขาวาดหมัดแช่มช้า ราวกับหมัดซึ่งวาดตามอารมณ์นั้นสามารถโถมขยี้หินผาจนแหลกละเอียด
โลกแห่งวรยุทธ์ งดงามเหลือใดจะเทียบเทียม
เวลาเขาฝึกฝนในห้องของตนต่อไปนั้นเอง เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ลอยเข้ามา
ตึงๆๆ!
“ขอถามหน่อยนะเ้าคะ นี่ใช่ห้องของพี่เ่ิูหรือเปล่า?”
เสียง่เี่ิเด็กหญิงตัวน้อยดังมาจากด้านนอก
เ่ิูชะงัก นึกขึ้นมาได้ว่าเขาได้รับปากว่าจะช่วยนางเย็บแก้อาภรณ์หลวมโพรกตัวนั้นให้
เด็กหนุ่มเปิดประตูจะเชิญนางเข้ามา
รู้สึกเหมือนแสงเจิดจ้าเข้าตาเขาจนตาพร่า
นางร่างน้อยเปลี่ยนจากชุดเครื่องแบบตัวโคร่งเป็ชุดกระโปรงยาวเข้ารูปพอดิบพอดีสีม่วง ราวกับเป็คนละคน ผมงามดำดั่งขนกาหวีเป็ทรง กระจ่างสดใส ด้านหลังมัดเป็มวยผมสองมวยและห้อยประดับด้วยเปียน้อยต่างขนาดชัดเจน ตากลมโตใสบริสุทธิ์ งดงามทั้งองค์ห้า รั้งคนมองให้ตื่นตะลึงเยี่ยงสมบูรณ์แบบ
ไม่ใช่ความงดงามที่ทำคนตะลึง แต่เป็ความน่ารักราวกับตุ๊กตากระเบื้องแกะสลักอย่างประณีตก็ไม่ปาน
“พี่ชิงหยู ข้าต้องไหว้วานท่านแล้วล่ะ” เด็กหญิงส่งเครื่องแบบให้ด้วยสองมือ นางหัวเราะฮิๆ
“นั่งก่อนสิ” เ่ิูชี้ไปที่ม้านั่งหิน หลังจากนั้นก็หยิบเข็มกับด้ายออกมาจากตู้ปอนๆ ของตัวเอง
“พี่ชิงหยูเย็บผ้าได้อย่างไรกันเนี่ย?” นางเบิกตามองอย่างแปลกใจ
“ข้าอยู่คนเดียวจนชินแล้ว ต้องทำอะไรด้วยตัวเองเสมอ” เ่ิูตอบกลั้วรอยยิ้ม วัดขนาดร่างกายเด็กหญิงทุกเม็ดทุกหน่วย จำเป็ต้องแก้ไขขนาดอาภรณ์ แน่นอนว่าในใจต้องคำนวณอยู่ก่อนแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงได้มีความรู้สึกดีเป็พิเศษกับนางนัก
หรืออาจเป็เพราะความไร้เดียงสาแสนบริสุทธิ์ในแววตาเด็กๆ ทำให้เขาอบอุ่นหัวใจหรือ?
“อ้อใช่ ตอนบ่ายวันนี้น่ะ หัวหน้าหมวดหวังมาสอนวรยุทธ์ให้พวกเราด้วยตัวเองด้วยล่ะ...” นางนึกขึ้นมาได้แล้วว่าต่ออย่างตื่นเต้น “ท่านเก่งมากเลยล่ะ ตรงไหนที่ข้าไม่เข้าใจ ท่านแค่ชี้จุดให้นิดหน่อยข้าก็เข้าใจแล้ว วันนี้เก็บเกี่ยวได้มากมายเลยล่ะ!”
่เี่ิเป็หนึ่งในรายชื่อทั้งสิบนั้น รวมทั้งฉินอู๋ซวง เยี่ยนสิงเทียนและคนอื่นๆ เข้ารับการสอนสั่งจากหัวหน้าหมวดหวังเยี่ยนโดยตรง
“ฉินอู๋ซวงเขายอดเยี่ยมจริงๆ นะ อาจารย์หวังบอกว่าพละกำลังจริงๆ ของเขาเป็สุดยอดในรุ่นใหม่เลยล่ะ ในร่างก็มีไฟพลังที่อบอวลอยู่ทุกอณู...”
“แต่เยี่ยนสิงเทียนก็น้อยหน้าไปนิดเดียวเองนะ วันนี้อาจารย์หวังสอน ‘เคล็ดลับปลูกพลัง’ ให้เขา บอกว่าเขาอาจฝึกมันสำเร็จในสามเดือน มีหวังว่าจะได้ทะลวงเขตน้ำพุิญญาด้วยล่ะ!”
“แน่นอนล่ะว่าพี่ชิงหลัวข้าก็เก่งมาก ถึงขั้นสุดยอดของวรยุทธ์ขั้นติดอาวุธแล้วนะ อาจารย์หวังบอกว่านางก็มีสิทธิ์ทะลวงเขตน้ำพุิญญาได้ในสามเดือนเหมือนกัน!”
เด็กหญิงน่ารักพูดจาเป็ต่อยหอย เหมือนคนช่างพูดไม่ผิดเพี้ยน
เ่ิูเองก็ฟังไปยิ้มไป
จากคำบอกเล่าของเด็กน้อยตรงหน้า เขาเองก็เข้าใจกระจ่างในพลังที่แท้จริงของฉินอู๋ซวง ว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว เรี่ยวแรงแข็งแกร่งของคนพวกนี้ เหนือกว่าเขาไปไม่น้อยเลย
“จริงด้วย พี่ชิงหยู ข้ามีของเล่นสนุกๆ ด้วยล่ะ ข้าให้ท่านดูนะ” ่เี่ินึกอะไรออกขึ้นมา หยิบสมุดโบราณดำทมิฬออกมาจากกระเป๋าสีขาวลับๆ ล่อๆ ยื่นมาให้เขา
เ่ิูระบายยิ้มพลางรับมาอย่างตามใจ พอได้มองคราเดียว แววตาก็พลันนิ่งแข็งน้อยๆ
“อืม? ‘กระบวนปลูกพลังเนื้อฟ้า’?”
นี่เป็หนังสือล้ำค่าทางวรยุทธ์เล่มหนึ่ง
ชั่งดูจากเนืองนามแล้ว ควรจักเป็หนังสือลับทรงคุณเกี่ยวกับการเริ่มต้นฝึกฝนพลัง
เมื่อบรรลุสิ้นวรยุทธ์ขั้นพิภพ ต่อจากนั้นจึงเรียกว่าขั้นนภา ผ่านจุดซึ่งเทียบได้กับสันเขานี้ได้เมื่อใด ก็ถึงขั้นเนื้อฟ้า อันเป็ขั้นที่ร่างกายภายในอบอวลด้วยไฟพลังปราณระยะแรกปลูก เข้าสื่อสารกับพลังปราณใต้หล้า บุกเบิกตาน้ำพุแห่งขุมพลัง
แม้เ่ิูจะไม่เคยพลิกอ่านหนังสือล้ำค่าเช่นนี้มาก่อน ทว่าแค่มอง ‘ปลูกพลัง’ สองคำก็พอจะเดาได้แล้วว่าอะไรเป็อะไร
สมุดโบราณสีดำเหลือบม่วงอ่อนจางเห็นชัดเจนนี้ บ่งบอกแจ่มแจ้งถึงความเลอค่าของมัน ไม่มีทางที่ศิษย์ธรรมดาจะได้รับมาเป็แน่
เ่ิูครุ่นคิดชั่วครู่ก็รู้ได้ ว่า ‘กระบวนปลูกพลังเนื้อฟ้า’ นี้เป็หนังสือเล่มเดี่ยวที่หัวหน้าหมวดหวังเยี่ยนมอบให้เด็กหญิงตัวน้อย ควรจักปิดบังมิแพร่งพรายให้ใครอื่นได้รับรู้
เขายิ้มพลางลูบศีรษะเล็กนั้น เอื้อนเอ่ย “ตอนนี้ข้ายังใช้มันไม่ได้ เ้าเก็บมันไปเถอะ”
“แต่ว่า มันสำคัญมากเลยนะ ท่านลองเปิดอ่านดูก่อนสิ หลังจากนี้ก็อาจจะทำได้ก็ได้นี่เ้าคะ” เด็กน้อยยังดันทุรัง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“เมื่อใดที่ข้าใช้มันได้ เ้าค่อยเอามันมาให้ข้า ดีไหม?” เ่ิูเหมือนกำลังเกลี้ยกล่อมเด็ก หากนางแอบเอาหนังสือสำคัญเล่มนี้มาให้เขาอ่าน หากหวังเยี่ยนรู้ มีหรือที่นางจะไม่ถูกลงโทษ
ยังไม่นับที่ยามนี้เขาอยู่ในระดับหนึ่งของวรยุทธ์ขั้นพิภพเท่านั้น ยังไม่จำเป็ต้องไตร่ตรองเื่บุกเบิกพลังขั้นเนื้อฟ้านี้เลย
่เี่ิตัวน้อยเก็บหนังสือเดี่ยวนั้นอารามขัดใจ ปากยกขึ้นจนแทบจะวางขวดน้ำมันได้
ครู่ต่อมา นางก็เหมือนคิดสิ่งใดออกอีกเื่ ดวงตากลมโตดำขลับทอประกายเ้าเล่ห์ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขา ถามกลั้วหัวเราะฮิๆ “พี่ชิงหยู ได้ยินมาว่าท่านมองแวบเดียวไม่ลืม ฟังเื่ราวครั้งเดียวก็จำแม่นใช่หรือเปล่า?”
เ่ิูฟังจบก็รู้แล้วว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ เริ่มรู้สึกช่วยไม่ได้กับคนแก่นแก้วแสนประหลาดคนนี้ขึ้นมา
เป็ไปตามที่คาด เวลาต่อมา นางก็ท่องเสียดังเจื้อยแจ้ว
และเื่ที่นางท่อง ก็เป็เนื้อหาของ ‘กระบวนปลูกพลังเนื้อฟ้า’ อย่างเห็นได้ชัด
เ่ิูหัวเราะ เขาไม่พูดอะไรอีก
จนเย็บแก้อาภรณ์เสร็จหมดเปลือก ร่างน้อยๆ ก็ท่อง ‘กระบวนปลูกพลังเนื้อฟ้า’ ติดต่อกันไปสิบรอบแล้ว
ด้วยวิธีการท่องแบบนกแก้วนกขุนทองค่อยๆ ใส่ลงสมองเขาไปเช่นนี้ เ่ิูก็จดจำเนื้อหาของคัมภีร์นี้ได้เกือบหมด
“เอาล่ะ หนูน้อยผู้หลักแหลม ถ้าใคร่จักขอบคุณข้าคราวหน้าอีก ก็เปลี่ยนวิธีใหม่ได้แล้วนะ หรือไม่ หากหัวหน้าหมวดหวังรู้ขึ้นมาล่ะก็ เ้าต้องได้รับโทษทัณฑ์แน่!” เ่ิูส่งชุดที่เย็บแก้เสร็จสิ้นให้นาง ยกมือเคาะหน้าผากหนูน้อยจอมแก่นไปทีหนึ่ง
“เกลียดท่านจริงๆ” หน้ารูปไข่แดงแจ๊ดแจ๋ แลบลิ้นชมพูนุ่มหลอกตาเสียอีก
...
เมื่อสาวน้อยจากไปแล้ว เ่ิูก็เริ่มฝึก ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ ต่อ
ผ่านการฝึกฝน่บ่ายของวันมา การเคลื่อนไหวและความลึกซึ้งทั้งหมดของกระบวนท่าอสรพิษล้วนประทับตราฝังแน่นอยู่ในสมองและร่างกายของเ่ิู ใกล้เคียงจะเป็ความสามารถอีกอย่างหนึ่ง
ดังนั้น ถึงแม้จะแสดงอยู่ในห้องพักคับแคบ ก็มิได้รู้สึกคับแข้งคับขาแต่อย่างใด
เป็ความรู้สึกที่แปลกประหลาดมากจริงๆ
ทุกครั้งคราที่แสดงท่าทั้งแปดเสร็จสิ้น เด็กหนุ่มสามารถรู้สึกถึงปรากฏการณ์อันน่าทึ่งในร่างกายตัวเองได้ มีพลังร้อนลึกลับรุกเร้าจากภายใน ตรงเข้าเปลี่ยนแปลงร่างกาย
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ที่สุดเขาก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้า
หยุดพักปรับสมดุลลมหายใจเสียเล็กน้อย เ่ิูปลดปล่อยความคิดทั้งหมดมวล จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหิน เริ่มฝึกวิชาลมหายใจไร้ชื่ออีกครา
หายใจเข้าออกเชื่องช้าดูยาวนาน
เมื่อได้ล่วงรู้คุณค่าของวิชานี้มากขึ้นบ้าง เ่ิูก็ให้ความสำคัญกับมันมากขึ้นอีก
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา
เด็กหนุ่มก็หยุดทำสมาธิกำหนดลมหายใจ
ความอ่อนแรงก็หายไป จิติญญาเพิ่มทวีคูณ เวลาปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว แต่เขากลับรู้สึกเหมือนตื่นนอนตอนเช้าสดชื่นพร้อมรับวันใหม่ เปี่ยมเต็มด้วยพลังและชีวิตชีวา ไม่ง่วงงุนเลยสักนิดเดียว
นี่คือดอกผลของวิชาลมหายใจไร้ชื่อกระมัง
และเขาก็ฝึก ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ เป็ลำดับถัดมา
ตลอดรัตติกาล เด็กหนุ่มผ่านพ้นมันไปด้วยวงเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้
ตราบอรุโณทัยพาดผ่านฟากฟ้าทางทิศบูรพา เ่ิูจึงหยุดการซ้อมลง
ณ วินาทีนี้ เขาได้ยืนยันมั่นคงแล้วว่าตนทำลายด่านขวางกั้นในเขตแรกคือเขติัได้แล้วเป็แน่ เขาเปรมปรีดิ์ ตื่นเต้นคึกคักมากมายนัก
แม่นางแรกรุ่นไป๋อวี้ชิงกล่าวไว้ไม่ผิด เขาอายุมากกว่าศิษย์ชั้นเดียวกันสี่ปี บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงมากมาย สำหรับใครหลายคนอาจเป็ฝันร้าย แต่สำหรับเขาที่จักฝึกฝนรวดเร็วเช่นนี้เรื่อยไป ต่อให้อุปสรรคขวากหนามหน้าไหนมาขัดขวาง ต้องถูกทำลายเละเป็ผงธุลี!
...
ยามเช้าตรู่
ธรรมชาติช่างสวยสด ฝูงนกน้อยเปล่งเสียงร้องเพราะพริ้ง
เ่ิูเพิ่งกินข้าวเช้า เขาเดินออกมาจากโรงอาหาร
เขาพบว่าเมื่อฝึก ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ แล้ว ร่างกายก็เหมือนถูกไกะเิทุกสิ่งที่ขวางหน้า ไม่เพียงฝึกฝนได้เร็วรี่เท่านั้น ปริมาณข้าวที่กินก็เพิ่มพูนเป็ว่าเล่นด้วย
เมื่อครู่เขากินหมั่นโถวไปยี่สิบลูก โจ๊กสิบชาม และผักดองปริมาณสำหรับหกคน
“เป็เช่นนี้ต่อไป มีหวังได้กินจนล้มละลายแน่ๆ...”
เขาเรอด้วยความอิ่มออกมาทีหนึ่ง
คาบสายวันนี้ คือการบรรยายแนวทางและความลึกซึ้งของวิชาฝึกร่างกาย ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ สำหรับนักเรียนที่ได้รับวิชานี้มาก้าวแรกๆ ต้องสำคัญพลาดไม่ได้อยู่แล้ว
ประสบการณ์ที่จะได้ฝึกฝนจากการเข้าเรียนในแต่ละคาบ สำหรับศิษย์แต่ละคนแล้ว นับเป็เส้นทางการฝึกวรยุทธ์ที่หลีกเลี่ยงมิได้
แต่สำหรับเ่ิูที่เข้าใจ ‘กระบวนท่าอสรพิษ’ ถึงแก่นแท้แล้วแก่นแท้อีก คาบเรียนวันนี้ไม่ได้จำเป็สำหรับเขาเลย
เขาคิดได้ดังนั้น ก็เดินตรงไปลานแสดงยุทธ์ด้วยความเร็ว
อาจารย์ร่างกำยำท่านนั้น กำลังแสดงยุทธ์ให้นักเรียนอีกชั้นหนึ่งฝึกวรยุทธ์ตามระเบียบ
“เอ๋? เ้ามาได้อย่างไรกันนี่...”
อาจารย์มองเห็นเ่ิูแล้วจึงถามอย่างสบายอารมณ์ ทว่าเวลาต่อมา เขาก็เหมือนกระต่ายถูกไฟไหม้หาง แวบมาหน้าเ่ิู มองสำรวจถ้วนถี่ทุกระเบียดนิ้วก็เสร็จอ้าปากค้างเป็รูปวงกลม
“สำเร็จเขตหนังโดยสมบูรณ์ ขาข้างหนึ่งก็เหยียบเข้าเขตกล้ามเนื้อไปแล้ว พ่อแก้วแม่แก้ว...คงไม่ใช่เทพยุทธ์ที่ลาลับไปแล้วหรอกใช่ไหม?” เขาตระหนกจนหลุดปากออกมา
เ่ิูยิ้มแหย ก่อนหัวเราะฮ่าๆ
“ฮืม ดีล่ะ ข้ารู้ว่าเ้าตัวป่วนอย่างเ้ามาทำอะไรที่นี่ ในบรรดากระบวนท่าทั้งแปด กระบวนท่าอสรพิษมีประโยชน์ต่อิัที่สุด แต่หากเอ่ยถึงกล้ามเนื้อ กลับง่ายกว่านั้นมาก” ผู้าุโกว่าใจอ่อนเข้าจนได้ ปราดเดียวก็รู้ว่าลูกศิษย์กำลังคิดอะไรอยู่
เขาพยักหน้าแล้วรับปาก “มาต่อกัน ข้าจักสอนกระบวนท่าทั้งแปดท่าที่เหมาะสมกับการฝึกฝนกล้ามเนื้อ ‘กระบวนท่าหมีโอบ’”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้