เคอโยวหรานไม่อิดออด ให้ชายชราไปหาไม้บรรทัดและดินสอถ่านมา ส่วนตนเองขีดเขียนขยุกขยิกไม่กี่ครั้งเพื่อวาดตารางลงบนกระดาษ
จากนั้นใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุดเพื่ออธิบาย ‘หลักการทำบัญชีคู่’ ให้ชายชราฟัง หลังจากตรวจทานและเปรียบเทียบอยู่หลายครั้ง ชายชราผู้ฝึกทักษะนี้จนชำนาญก็ร้องะโก้อง
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าขอแสดงความนับถือ แม่นางน้อยช่างเปี่ยมความสามารถเหลือเกิน”
เคอโยวหรานเผยยิ้มบาง นางโบกมือพลางเอ่ย “เป็เพียงทักษะเล็กน้อยเท่านั้นเ้าค่ะ ท่านเลิกเยินยอข้าเถิด หากยังเยินยอต่ออีก เกรงว่าข้าคงลำพองใจจนหาทิศเหนือไม่เจอเสียแล้ว”
ทันใดนั้นชายชราพลันเอ่ยเสียงเบาอย่างมีลับลมคมในว่า “นี่คือเคล็ดวิชาลับที่แม่นางน้อยสืบทอดมาจากวงศ์สกุลใช่หรือไม่? นำมาสอนตาเฒ่าเช่นนี้จะไม่ถูกวงศ์สกุลลงโทษเอาหรือ?”
“เ้าคะ?” เคอโยวหราน “...?”
ชายชราหยิบแท่งเงินห้าสิบตำลึงออกมาจากลิ้นชักจำนวนสองแท่งแล้ววางลงบนโต๊ะ ก่อนจะกล่าวว่า
“ตาเฒ่าเช่นข้าขอบพระคุณแม่นางน้อยเป็อย่างยิ่งที่สอนเคล็ดวิชาลับให้ข้า แม้เงินเหล่านี้มิอาจแสดงความนับถือภายในใจ ทว่าแม่นางน้อยโปรดรับเอาไว้ด้วยเถิด
ตาเฒ่าขอรับรองว่าสมุดบัญชีเหล่านี้ นอกจากตัวตาเฒ่าเอง ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนไม่มีทางได้เห็นเป็อันขาด ยิ่งไปกว่านั้นยังจะกลืนวิธีการจดบัญชีนี้เอาไว้ในท้อง ไม่มีทางแพร่งพรายต่อคนนอกเป็อันขาด”
เคอโยวหราน “...?”
นี่มันเื่อันใดกัน? วิธีการจดบัญชีโดยทั่วไปในชาติก่อน นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็เคล็ดวิชาลับไปเสียแล้ว?
อีกประการหนึ่งคือ วันนี้นางออกจากจวนมาเจอเทพแห่งโชคลาภแล้วกระมัง? แค่คิดบัญชีก็หาเงินได้ตั้งร้อยกว่าตำลึงเชียวหรือ?
สุดยอด อย่าทำให้ต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้จะได้หรือไม่ ต่อให้เล่นเกมก็ยังหาเงินได้ไม่เร็วเท่านี้เลย
เมื่อเห็นเคอโยวหรานไร้ท่าทีตอบสนอง ชายชราก็รู้สึกร้อนรนใจ รีบเอ่ยด้วยความจริงใจเป็อย่างยิ่งว่า “ขอแม่นางน้อยโปรดรับเงินเหล่านี้เอาไว้ มิเช่นนั้นยามตาเฒ่าใช้วิธีจดบัญชีที่แสนประณีตเช่นนี้ในภายหน้า ในใจคงมิอาจสงบลงได้”
ครั้นเห็นสีหน้าจริงใจของชายชรา เคอโยวหรานทำได้เพียง ‘ฝืน’ รับเงินมาเก็บไว้ในมิติวิเศษ ทั้งริมฝีปากเล็กยังเอ่ยเสริมหนึ่งประโยคด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เคารพมิสู้เชื่อฟังแล้วเ้าค่ะ”
ชายชราเอ่ยด้วยความนอบน้อมว่า “ควรเป็เช่นนี้จึงจะถูกต้อง”
ภายในใจของเคอโยวหรานมีความสุขจนหลงทิศ แต่กลับพูดโดยไม่เผยอารมณ์ทางสีหน้าเลยสักนิดว่า “ในเมื่อจัดการธุระเสร็จแล้ว ข้าคงต้องขอตัวลาไปก่อนเ้าค่ะ”
ครั้นชายชราเห็นว่านางกำลังจะจากไป เขาก็รีบออกไปส่งด้วยความเคารพนบนอบทันที “แม่นางน้อยโปรดเดินทางดีๆ ภายหน้าหากมีสิ่งใดให้ตาเฒ่าช่วยเหลือก็เอ่ยออกมาเป็พอ หากเป็เื่ที่ทำได้ ตาเฒ่าย่อมพยายามอย่างสุดความสามารถแน่นอน”
เคอโยวหรานคลี่ยิ้มเกรงใจ ขณะหันหลังพลันเหลือบไปเห็นถั่วเหลืองหนึ่งกระสอบตรงหัวมุม ป้ายราคาค่อนข้างซีด ทั้งถั่วเหลืองยังเริ่มขึ้นราแล้วอีกด้วย
นางชี้ไปทางถั่วเหลืองและเอ่ยด้วยความใคร่รู้ว่า “เหตุใดถั่วเหลืองตรงนั้นถึงขายไม่ออกหรือเ้าคะ?”
ชายชราส่ายศีรษะพลางตอบ “ของสิ่งนั้นมีเพียงสกุลมั่งคั่งที่จะเอาไปทอดกินแกล้มสุราไม่ต่างกับอาหารว่าง บ้างก็เอาไปคั่วให้สุกแล้วโม่เป็แป้งถั่วทำขนมฉือปา [1] กิน
หากคนธรรมดาซื้อกลับไป ประการแรกไม่มีน้ำมัน ทำให้ทอดมิได้ ประการที่สองยามปกติก็กินเพียงธัญพืชหยาบเหล่านี้ ไม่มีปัญญากินขนมฉือปาหรอก
นอกจากนี้ยังมีสกุลมั่งคั่งเพียงไม่กี่สกุลที่กินถั่วเหลือง มิหนำซ้ำครอบครัวชาวนาก็ไม่ซื้อ ดังนั้นมันจึงถูกวางไว้ที่นี่อย่างไร้ค่า
ยามปกติราคาเพียงจินละห้าอีแปะ ถั่วเหลืองที่เริ่มขึ้นรานี้ยิ่งราคาถูกนัก หนึ่งจินแค่สองอีแปะเท่านั้น แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดซื้อ นับว่าขายไม่ออกอยู่ในมือของข้าเสียแล้ว”
ดวงตาของเคอโยวหรานเป็ประกาย ที่แท้พวกเขาไม่รู้วิธีกินถั่วเหลือง หรือก็คือเต้าหู้ยังไม่ปรากฏในที่แห่งนี้
เช่นนั้นก็ดี ประจวบเหมาะกับไม่รู้ว่าจะตอบแทนผู้ใหญ่บ้านเฉินอย่างไร ยามนี้ไม่เท่ากับกำลังสัปหงกแล้วมีคนส่งหมอนให้หรอกหรือ?
หลังจากฟังชายชราอธิบายจนจบ เคอโยวหรานก็พยักหน้า กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยไขความข้องใจก่อนเดินเตร่อย่างอารมณ์ดีไปทางร้านขายผ้าที่อยู่เยื้องออกไป ซื้อผ้าฝ้ายละเอียดสีขาวจำนวนสองผืนอย่างผึ่งผายยิ่งนัก
สกุลต้วนกับสกุลเคอมีสมาชิกอยู่มาก ผ้าฝ้ายช่วยซับเหงื่อ เหมาะแก่การนำมาทำเสื้อซับใน
ส่วนเสื้อตัวนอก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็ก็ควรสวมใส่ชุดแบบเดียวกับชาวบ้านเสียเป็ดี
ทางด้านจิตวิทยา มนุษย์มักเกลียดชังผู้ที่ร่ำรวย หากเปิดเผยจนสะดุดตามากเกินไป ทำให้ชาวบ้านนึกอิจฉาและกลายเป็ที่รังเกียจของผู้คน เช่นนั้นคงไม่ดีนัก
สิ่งที่ควรอำพรางก็ยังต้องอำพราง เพราะนางเคยรู้ซึ้งถึงหลักการที่ว่าไม่ควรเปิดเผยความร่ำรวยมาั้แ่ชาติก่อนแล้ว
ดังนั้นจึงเลือกผ้าเนื้อหยาบต่างสีจำนวนมาก เพียงพอจะตัดเย็บเสื้อผ้าจำนวนสี่ชุดให้ทุกคนในสองสกุล
แน่นอนว่าเครื่องแต่งกายของท่านอาจารย์ทั้งสองก็มิอาจละเลยได้เช่นกัน นางซื้อผ้าฝ้ายชั้นดีที่สุดในร้านนี้สำหรับตัดเย็บเสื้อผ้าสามชุดให้พวกเขาสองคน
ผ้าฝ้ายดีต่อิั เหมาะแก่การให้ผู้สูงอายุสวมใส่มากที่สุด สบายตัวกว่าผ้าไหมมากโข
ไป๋ซื่อผู้เป็พี่สะใภ้รองขอให้โยวหรานช่วยซื้อเข็มกับด้าย นางจึงซื้อกลับไปด้วยจำนวนไม่น้อย
เถ้าแก่เนี้ยของร้านผ้าเฝ้าสังเกตเคอโยวหรานั้แ่นางเข้าไปในร้านขายข้าวสารแล้ว
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจแม้แต่นิดที่นางซื้อข้าวของมากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งไม่มีทางหยามเหยียดและกังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่มีเงินจ่าย
ทั้งยังคอยแนะนำผ้าชนิดต่างๆ ให้นางไม่หยุดปาก บริการอย่างกระตือรือร้น เคอโยวหรานอดชื่นชมคนผู้นี้มิได้ ช่างเก่งกาจนัก มีคุณสมบัติของคนค้าขาย
ราคาผ้า เข็ม และด้าย ทั้งหมดรวมกันเป็เงินยี่สิบห้าตำลึงเงินกับหกเฉียน
เคอโยวหรานอดอุทานมิได้ หาเงินไม่เร็วเท่าจ่ายเงินจริงๆ เห็นทีคงต้องหาหนทางอื่นทำเงินเสียแล้ว
ขณะครุ่นคิดก็จ่ายเงินค่าสินค้าพร้อมบอกที่อยู่และเส้นทางกับเถ้าแก่เนี้ย ม้วนผ้ามากมายถึงเพียงนี้ หากนางเอากลับเองก็คงดูไม่สมจริงจนเกินไป
การเก็บเข้าไปในมิติวิเศษนับว่าเป็วิธีที่สะดวก แต่ยากหลีกเลี่ยงมิให้ผู้อื่นสงสัย ดังนั้นให้เถ้าแก่เนี้ยนำไปส่งถึงจวนย่อมดีกว่า
หลังจัดการเื่เหล่านี้เสร็จสิ้น เคอโยวหรานยังหันไปทางตรอกเล็กไร้ผู้คนของสำนักคุ้มกัน
นางนำข้าว เส้นหมี่ เนื้อ ผัก และเกลือต่างๆ ออกมาจากมิติวิเศษ เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์แล้วกองไว้ตรงหัวมุม
จากนั้นเดินเอ้อระเหยเข้าไปในสำนักคุ้มกัน จ่ายเงินหนึ่งตำลึงและมอบแผนที่เส้นทางให้สำนักคุ้มกันหนึ่งแผ่น ขอให้พวกเขาส่งข้าวของไปยังสกุลต้วนในหมู่บ้านเถาหยวน
เคอโยวหรานสอบถามเกี่ยวกับสำนักคุ้มกันแห่งนี้มาแล้ว ผู้คุ้มกันเป็คนน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง บรรพบุรุษล้วนแต่ทำอาชีพคุ้มกัน ดังนั้นจึงไม่กังวลว่าสิ่งของจะส่งไปไม่ถึงจุดหมาย
ครั้นเห็นข้าวของถูกส่งออกไป เคอโยวหรานก็หันกลับไปทางตรอกที่ขายข้าวสารอีกครั้ง
นางเดินเข้าไปในร้านน้ำเต้าแห่งหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน นึกอยากจะซื้อผลน้ำเต้าสำหรับใส่สุราให้ผู้เฒ่าทั้งสองไว้สำรองใช้จำนวนหนึ่ง มิอาจเอาขวดสุราเครื่องลายครามนั่นบรรจุสุราได้ตลอดไป
ประการแรกไม่สะดวก ประการที่สองเครื่องลายครามแตกง่าย เพราะยามผู้เฒ่าทั้งสองพูดจาไม่ลงรอยกันก็ก่อวิวาททันที
เคอโยวหรานกลัวจริงๆ ว่าขวดสุราของแถมบนชั้นวางจะไม่พอใช้
ทั้งยังไม่รู้ว่าขวดที่แตกอยู่โลกภายนอกจะยังถูกมิติวิเศษสร้างซ้ำขึ้นใหม่หรือไม่ กลับไปนางต้องลองนำขวดแก้วมาทดสอบดูสักหน่อย
ไม่นานนัก เคอโยวหรานก็ถือผลน้ำเต้าขนาดเล็กใหญ่แปดอันออกมาจากร้าน ครั้นเห็นตะวันคล้อยบ่ายแล้ว ท้องที่ไม่รักดีของนางก็เริ่มส่งเสียงร้องคำราม
ยามหวนนึกถึงภายในตัวเมืองที่เพิ่งเดินเล่นเมื่อครู่ พลันนึกออกว่าใกล้กับร้านเช่ารถม้ามีร้านซาลาเปาแห่งหนึ่ง
ประจวบเหมาะกับนางเดินจนเหนื่อยแล้ว ซื้อซาลาเปาเสร็จก็จะได้เช่ารถม้าส่งตนเองกลับไป เช้านี้เดินมิได้หยุดหย่อน เริ่มจะทนไม่ไหวอยู่บ้างจริงๆ
เพิ่งจะเดินไปได้ไม่ไกลก็เผชิญหน้ากับนกยูงหยิ่งยโสตัวหนึ่งที่เดินเข้ามา ด้านหลังยังมีหญิงรับใช้อายุสิบสามถึงสิบสี่ปีเดินตามหลังอีกสองคน
ทันใดนั้นน้ำเสียงแหบแห้งที่เอ่ยเรียกพลันทำให้เคอโยวหรานขนลุกไปทั้งตัว “เคอต้ายา? เ้าเข้ามาทำอันใดในตัวเมืองหรือ?”
เคอโยวหรานพยายามค้นหาในความทรงจำเ้าของร่างเดิม จากนั้นจึงพบคนผู้นี้อยู่ในซอกหลืบของความทรงจำ
เคอเสี่ยวหรู บุตรสาวคนโตของครอบครัวรองสกุลเคอ ออกเรือนกับคุณชายใหญ่ของร้านขายข้าวสารสกุลต่งเมื่อสามปีก่อน
มิอาจไม่กล่าวว่า ในความทรงจำของเ้าของร่างเดิม อีกฝ่ายมีต้นทุนให้วางตัวหยิ่งยโสจริงๆ เนื่องจากบิดาเป็ซิ่วไฉ มีอาชีพเป็นายทะเบียนอยู่ในตัวเมือง
สามีค้าข้าวสาร ส่วนหน้าตาเป็อย่างไร มิอาจค้นเจอในความทรงจำเ้าของร่างเดิม
ก็ควรจะเป็เช่นนั้น เ้าของร่างเดิมกับเคอเสี่ยวหรูผู้นี้ใช้ชีวิตต่างกันคนละโลก ไม่ง่ายเลยที่จะจำลูกพี่ลูกน้องหญิงผู้นี้ได้ ทว่าไม่มีความจำเป็ใดต้องจดจำพี่เขยด้วย
ครั้นเห็นผ้าไหมเนื้อดีทั้งกายและเครื่องประดับบนศีรษะของอีกฝ่าย ก็รู้ได้ว่าลูกพี่ลูกน้องหญิงผู้นี้คงมีชีวิตความเป็อยู่ที่ดียิ่งนัก
เมื่อเห็นเคอโยวหรานไม่เอ่ยคำใด เอาแต่ใช้สายตามองสำรวจตน เคอเสี่ยวหรูพลันรู้สึกไม่พอใจ ดวงตาเรียวเล็กของนางถลึงมอง ก่อนเอ่ยด้วยความขุ่นเคืองว่า
“เคอต้ายา เ้าเป็ใบ้เสียแล้วหรือ? ไม่ทำงานอยู่ในจวน มัวมาทำอันใดในตัวเมืองเล่า?”
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ขนมฉือปา 糍粑 หมายถึง ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวนึ่งคลุกกับถั่ว วิธีการกินมีหลากหลาย โดยอาจนำไปย่างไฟหรือทอด ก่อนจะราดด้วยน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้