คำพูดของหลินซิวเหวินเหมือนการทิ้งะเิท่ามกลางฝูงชน
เื่นี้ถือเป็ข่าวใหญ่มาก!
สิ่งแรกที่เย่เฟิงรู้สึกคือััจากมือของซูเมิ่งหานที่ยืนอยู่ข้างกายเขา เธอจับแขนเขาแน่น เห็นได้ชัดว่าคำพูดเ่าั้สร้างคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในใจของเธอ พลังทำลายล้างนั้นคงไม่น้อยกว่าพายุไต้ฝุ่นระดับสิบสองเลย!
อะไรนะ? เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเย่เฟิงจะเป็คู่หมั้นของคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน ซูเมิ่งหานหน้าซีดเผือด หากเป็ผู้หญิงคนอื่น เธอยังพอมั่นใจอยู่บ้างว่าจะเทียบชั้นอีกฝ่ายได้ แต่เมื่อคนที่พูดถึงเป็หลินซือฉิง ความห่างชั้นกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แม้ซูเมิ่งหานเป็ดาวโรงเรียนมัธยมปลายเยี่ยน ทว่าเมื่อเทียบกับสาวสวยเปี่ยมเสน่ห์อย่างหลินซือฉิงแล้ว เธอยังด้อยกว่ามาก ซ้ำอีกฝ่ายยังเป็คนตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงที่มีพื้นฐานครอบครัวสูงกว่าเธอหลายเท่า
“ขอโทษทีนะ ผมไม่รู้ว่าพี่สาวของคุณคือใคร” เย่เฟิงขมวดคิ้ว หันมองหลินหงชวน “ผู้าุโหลินครับ ถ้าไม่มีเื่อะไรแล้ว เชิญท่านพาคุณคนนี้ออกไปเถอะครับ ขอบคุณผู้าุโมากที่แวะมาหาผม แต่ผมขอไม่ต้อนรับคุณคนนี้” คนที่เขาหมายถึงแน่นอนว่าต้องเป็คุณชายสามแห่งตระกูลหลิน หลินซิวเหวิน
“เฮอะ เ้าเด็กนี่ช่างพูดจาเหลวไหล เื่นี้ยังไม่ทันเกิดขึ้นด้วยซ้ำ” หลินหงชวนสบตาหลานชาย เขาไม่เคยบอกเื่นี้กับคนอื่นมาก่อน มีเพียง่ที่อยู่ในโรงแรมจิงเฉิงต้า ที่เขาหลุดปากพูดต่อหน้าหลินซิวเหวิน นึกไม่ถึงเลยว่าผ่านไปแค่ไม่กี่นาที เ้าเด็กนี่จะป่าวประกาศต่อหน้าผู้คนแบบนี้ ไม่มีความสุขุมเลยสักนิด แล้วตอนนี้จะให้เขาแก้ต่างอย่างไรได้?
ชายชราไม่ปฏิเสธสิ่งที่หลินซิวเหวินพูด เพราะหากกล่าวอะไรออกไปอาจส่งผลตรงข้ามได้ ตนพูดได้เพียงเื่นี้ยังต้องพิจารณากันอีก แบบนี้คงเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
หลินซิวเหวินถูกสายตาของคุณปู่จ้องมาก็เข้าใจความผิดของตัวเองทันที จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ในเมื่อหลานเย่พูอย่างนี้ ฉันคงต้องขอตัวก่อน” หลินหงชวนเอ่ยลาพร้อมใช้สายตาเฉียบคมกวาดมองทุกคน ความหมายที่สื่อออกมาทุกคนล้วนเข้าใจชัดเจน หากพูดเื่นี้ออกไประวังจะเดือดร้อน!
หลินซือฉิง คุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน ไม่ว่าเธอจะแต่งงานกับใคร ก็ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่ออนาคตของประเทศจีนอีก 10 ปีข้างหน้า กระทบการเมืองอีก 20 ปีหลังจากนั้น หากเื่นี้กระจายออกไป หลินหงชวนจึงไม่อยากให้เื่นี้หลุดออกไปเร็วนัก
คนที่เหงื่อตกมากที่สุดคงเป็ซูซิ่นชาง เพราะความสัมพันธ์ของซูเมิ่งหานกับเย่เฟิง หากเป็อย่างนี้ไม่เท่ากับว่าเขาโดนตระกูลหลินแย่งลูกเขยไปหรอกเหรอ? ตอนแรกชายวัยกลางคนอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้กลับยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น ทั้งหมดเป็เพราะสถานะของเย่เฟิง! ตอนนี้เด็กหนุ่มตรงหน้าเปรียบดั่งเทพเ้า หากมีโอกาสพูดคุยกันตามลำพัง เขาต้องพูดกับอีกฝ่ายด้วยความเคารพ ไม่กล้าพูดไร้สาระแม้เพียงประโยคเดียว
เมื่อหลินหงชวนจากไปแล้ว หลินซิวเหวินจำต้องตามไปอย่างรวดเร็ว เขาก้มหน้าต่ำราวกับเด็กน้อยที่พึ่งทำความผิดและไม่กล้าพูดอะไรอีก เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นคุณชายสามตระกูลหลินอย่างเขาเปรียบดั่งจักรพรรดิ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านปู่กลัเป็เพียงเด็กน้อยที่ต้องเชื่อฟังว่าง่าย เื่เมื่อครู่เป็ความผิดที่เขาไม่ตั้งใจ แม้หลินหงชวนจะโกรธแต่ก็ไม่ตำหนิอะไร
“หึ อยากให้ฉันเดือดร้อนหรือไง?” ดวงตาของเย่เฟิงเป็ประกายล้ำลึก เขามองตามหลังหลินซิวเหวินพลางครุ่นคิดเงียบๆ คำพูดของคุณชายสามตระกูลหลินเมื่อครู่ แม้ดูเหมือนการหลุดปาก ทว่าเป็ไปได้มากที่เขาจงใจ
ในสถานที่ที่คนเยอะขนาดนี้ ต่อให้เป็หลินหงชวนก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าข่าวลือเื่นี้จะไม่แพร่ออกไป จุดสำคัญที่สุดก็คือคนที่อยู่ที่นี่ล้วนไม่มีใครกล้าแพร่งพรายเื่นี้ แต่หากหลินซิวเหวินกระจายข่าวเสียเองจะมีใครกล้าสงสัยเขา
หน้าเนื้อใจเสือ ช่างเ้าเล่ห์เสียจริง!
สำหรับจุดประสงค์การแพร่เื่นี้ เย่เฟิงคิดครู่เดียวก็รู้แล้ว หลินซือฉิงเป็บุคคลที่โดดเด่นและสวยสง่ามาก เป็ไปไม่ได้ที่คนชื่นชอบเธอจะมีอยู่เพียงน้อยนิด บางทีอาจไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้ กลุ่มคนที่ชื่นชอบหลินซือฉิงอาจสร้างปัญหาให้เขาได้
แน่นอนว่าย่อมยืดหยุ่นตามสถานการณ์ได้ เย่เฟิงไม่กลัวปัญหาเ่าั้ เพียงแต่สำหรับคนฉลาดหลักแหลมอย่างหลินซิวเหวินก็เป็อีกเื่
“เธอ” เย่เฟิงหันไปมองก็เห็นซูเมิ่งหานกำลังบุ้ยปาก ท่าทางดูไม่มีความสุขก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วลูบหัวเธ “คิดอะไรอยู่ ฉันไม่รู้จักพี่สาวของเขา”
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” ซูเมิ่งหานหลบไปด้านข้าง จากนั้นพูดต่อด้วยความไม่สบายใจ “ถ้าไม่มีลับลมคมในกับตระกูลหลิน เื่ใหญ่ขนาดนี้นายกลับปิดบังฉัน นายไม่ไว้ใจฉัน...”
เด็กสาวกำลังแง่งอนอย่างไม่ต้องสงสัย
เย่เฟิงผู้ไม่เคยรับมือกับสถานการณ์อย่างนี้ได้แต่ถามอย่างสงสัย “ งั้นทำยังไงเธอถึงจะเชื่อฉันล่ะ?”
“ถ้าหลินซือฉิงมาหานาย นายจะทำยังไง?” ซูซิ่นชางถามอย่างไม่สบายใจ
“ฉันต้องทำยังไงล่ะ ฉันไม่รู้จักเธอสักหน่อย” เย่เฟิงตอบตามตรงโดยไม่ลังเล
“พอนายเจอเธอแล้วอาจหลงชอบเธอก็ได้” ซูเมิ่งหานพึมพำ
“มันจะเป็ไปได้ยังไง?” เย่เฟิงไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
“ทำไมจะเป็ไปไม่ได้ เธอสวยขนาดนั้น หุ่นก็ดี พื้นฐานครอบครัวก็ดี ทั้งยังเป็ประธานนักศึกษามหาวิทยาลัยเยี่ยนอีก ความสามารถก็โดดเด่น…” ซูเมิ่งหานเริ่มขุดข้อดีของคู่แข่งในอนาคตออกมา
“เอาล่ะๆ ฉันรับปากเธอ ถ้าฉันเจอหล่อน ฉันจะไม่พูดด้วยสักคำ แบบนี้ใช้ได้หรือยัง?” เย่เฟิงไม่มีทางเลือกจึงให้สัญญาออกไป ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมาอีก
“ที่นายพูดอย่างนี้ ฉันไม่ได้บังคับนายใช่ไหม?” ซูเมิ่งหานยิ้มอย่างพอใจ คำพูดนี้คือสิ่งที่เธอ้า!
“แน่นอน ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น ฉันไม่ผิดสัญญาหรอก”
“หึ ฉันจะเชื่อนายสักครั้ง นายต้องทำตามที่ตกลงกันไว้ด้วย” ซูเมิ่งหานพูดจบก็พึงพอใจแล้ว จึงไม่แสดงอาการแง่งอนอีก
คนรอบข้างเห็นเธอกล้าพูดกับเย่เฟิงอย่างนี้ก็ถึงกับเหงื่อตก ตอนยังไม่รู้สถานะเย่เฟิงก็ไม่เป็ไรหรอก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าสถานะของเขาไม่ธรรมดา สาวน้อยคนนี้ยังกล้าพูดอย่างนี้กับเขา นี่เธอไม่กลัวเย่เฟิงจะทำอะไรเธอเลยงั้นเหรอ?
ในความคิดของเซี่ยิ่ เพียงเย่เฟิงเห็นเธอในสายตา ไม่ว่าจะเป็ตัวเลือกที่สาม สี่ หรือห้า เธอก็ยินดีแล้ว ยังจะกล้าอารมณ์เสียใส่เย่เฟิงอีกหรือ?
นี่เป็ความแตกต่างระหว่างซูเมิ่งหานกับเซี่ยิ่
เย่เฟิงจะมีสถานะอะไร มีใครอยู่เื้ั เธอไม่สนใจ เธอสนแค่เขา ถ้าเจาเป็ประเภทที่ได้อำนาจแล้วโลเลเปลี่ยนใจก็ไม่มีค่าพอที่เธอจะชอบเขาแล้ว
“พวกนายมองอะไรกัน อยากมีปัญหากับคุณชายเย่หรือไง?” หลิวลี่ฮุยะโใส่พวกตระกูลเซี่ยด้วยท่าทีลำพองใจ
เวลานั้นคนตระกูลเซี่จะกล้าพูดอะไรอีก จนถึงตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้หลิวลี่ฮุยถึงเรียกเย่เฟิงว่า ‘คุณชายเย่’ ที่แท้เ้าอ้วนหน้าเ้าเล่ห์นี่ก็รู้เื้ัของเย่เฟิงอยู่ก่อนแล้ว!
“เอ่อ คุณชายเย่…” เซี่ยิ่ไม่กล้าทำตัวหยิ่งผยองอีกต่อไป เธอะโด้วยน้ำเสียงลังเล
“หืม?” เย่เฟิงหันกลับไป จากนั้นซูเมิ่งหานก็หันมามองเธอด้ว สายตาที่จ้องมาทำให้เซี่ยิ่นึกถึงสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่ตัวเองเคยทำกับซูเมิ่งหาน ทันใดนั้นความหวาดกลัวก็ก่อตัวขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้