หลังจากจัดการเื่เ้าเทาแล้ว หลังที่เคยห่องุ้มของเหล่าปาก็ดูงุ้มยิ่งกว่าเดิม
ไม่ว่าฝูงม้าบนูเาจะมีจำนวนมากสักเพียงไร เหล่าปาก็ยังคงเรียกชื่อมันได้ทุกตัวไม่มีตกหล่น
นอกเสียจากเ้าาาม้าที่ไม่ค่อยจะสนิทกันนัก ม้าทุกตัวในฝูง เหล่าปาล้วนต้องลองจับลองตีสักทีสองทีทุกวัน
เขาไม่ค่อยจะสนทนากับมนุษย์เท่าใดนัก ทว่ากับม้าทุกตัวล้วนต้องเคยฟังเื่เล่าจากเขา ในเื่ที่เล่าแน่นอนว่าจะต้องมีภรรยาแสนสวย และแม่หนูน้อยตัวอ้วนหน้าตางดงามเหนือใคร
หากพวกม้ามันพูดได้ มันคงพูดว่า เขานั้นช่างพูดเลื่อนเปื้อนนัก แม่หนูน้อยตัวอ้วนเสียขนาดนั้นจะหน้าตาดีสักเท่าใดเชียว
ทว่าม้ามันกลับพูดไม่ได้ หรือถึงจะพูดได้ เขาก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี ดังนั้นพวกมันจึงปล่อยให้เขาพูดลำพัง
เพียงแต่วันนี้เหล่าปากลับเงียบงันผิดปกติ
เมื่อเขาไม่พูดไม่จา เ้าพวกม้าก็รู้สึกไม่ชินเท่าใดนัก
ชายหนุ่มในวันนี้ช่างดูเลื่อนลอย จวบจนรอบกายพลันมีเสียงโหวกเหวกดังขึ้น
เมื่อหันไปมองพบว่าเ้าาาม้าในที่สุดก็กลับมาแล้ว ทว่ามันไม่เพียงกลับมาตัวเดียว บนหลังยังแบกทารกน้อยตัวดำมาอีกคน
เมื่อเห็นใบหน้าดำๆ บนหลังเ้ามืด เหล่าปาก็ชะงักอึ้งไปครู่หนึ่ง
“พิๆ พิๆ!” เฉินโย่วน้อยบนหลังม้ามองหน้าชายหนุ่ม พร้อมทั้งชี้ไปยังทิศที่พี่ชายตนอยู่
เ้าเด็กอาลู่เกิดเื่อย่างนั้นรึ
เหล่าปาใจหล่นวูบ แม้ปกติเขาจะไม่ได้ดีต่อเ้าเด็กนั่นนัก ซ้ำยังดุใส่อยู่บ่อยๆ แต่ในใจลึกๆ กลับนึกชอบเ้าเด็กนั่นไม่น้อย เพราะเ้าเด็กนั่นทั้งขยัน ซ้ำยังฉลาดเฉลียว
ถึงกระนั้นแม้เขาอยากจะถามแม่หนูน้อยเหลือเกินว่านางขี่หลังเ้ามืดมาได้อย่างไร เหตุใดเ้ามืดจึงยอมให้นางขี่ได้
แต่ก็ทำได้เพียงกุลีกุจอวิ่งไปหาเด็กหนุ่ม
เมื่อใกล้จะถึงก็เห็นเป็ร่างของเด็กหนุ่มนอนสลบอยู่บนพื้นหญ้า
หัวใจเหล่าปาพลันบีบรัด
จวบจนเขาวิ่งไปถึงตรงหน้าเด็กหนุ่ม จึงพบว่าอาลู่เพียงกำลังนอนฝันหวานเท่านั้น บนใบหน้าเปื้อนยิ้ม ลมหายใจสม่ำเสมอเป็ปกติ
เหล่าปาเมื่อเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก
เมื่อหันกลับไปก็เห็นเ้าม้ากับทารกน้อยกำลังห้อตะบึงมาทางตน ใบหน้าน้อยบนหลังม้าปรากฏแววกังวล
“ไม่มีอะไรร้ายแรง น่าจะแค่กินอะไรผิดสำแดงเข้าไป นอนพักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว” เหล่าปาเองก็เคยเผชิญความลำบากมาไม่น้อย ยามหิวจนทนไม่ไหว เจออะไรพอจะกินได้ก็เอาเข้าปากเสียหมด เ้าเด็กนี่ก็น่าจะเป็แบบเขา ทว่าบนทุ่งหญ้านี้มีหญ้าบางชนิดที่กินแล้วทำให้สลบอยู่ เ้าเด็กนี้ก็น่าจะเผลอกินหญ้าชนิดนี้เข้าไป
เมื่อเหล่าปาพูดจบก็เห็นเ้าหนูน้อยยังคงนั่งอยู่หน้าพี่ชายตน มองมาทางเขาด้วยแววตาไม่วางใจ
ฟ้าใกล้มืดแล้ว
เหล่าปาจึงถือวิสาสะก่อกองไฟข้างตัวเด็กหนุ่มเสียเลย จากนั้นจึงนำหม้อออกมาต้มน้ำแกงหมั่นโถวใส่ผักป่า
“อย่าได้รังเกียจหมั่นโถวดำพวกนี้เชียว ยามหิวจนไส้กิ่วก็ได้มันนี่แหละที่ช่วยชีวิต” เหล่าปาพูดเองเออเองอยู่ลำพัง
จวบจนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า
ฝูงม้าพากันวิ่งกลับคอก
เ้าาาม้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าก็ยังคงรั้งอยู่ที่เดิม
ท้องทุ่งหญ้าที่เดิมทีอาบไล้ด้วยแสงทองจากตะวันยามเย็น เพียงครู่เดียวก็ถูกความมืดจากราตรีเข้า
แค่เวลาสั้นๆ ก็เหลือเพียงแสงจากกองไฟที่เหล่าปาก่อขึ้น
เสียงลมพัดหวีดหวิวดังทะลุโสตประสาท ทว่าก็มิอาจกลบเสียงปุดๆ ของน้ำแกงหมั่นโถวในหม้อได้
แม้จะเป็น้ำแกงหมั่นโถวเหมือนกัน แต่น้ำแกงที่อาลู่ทำนั้นดูราวกับอาหารหมู ส่วนน้ำแกงของเหล่าปานั้นดูราวกับอาหารรสเลิศ สมาธิของเหล่าปายามทำอาหารล้วนจดจ่อไปที่หม้อตรงหน้า ซ้ำยังต้องรอจังหวะในการใส่วัตถุดิบ โดยเริ่มจากใส่หมั่นโถวเป็อันดับแรกแล้วตามด้วยผักป่า สุดท้ายจึงใส่เครื่องปรุง ทุกจังหวะล้วนทำเป็ขั้นตอนด้วยความตั้งใจ
เฉินโย่วน้อยในตอนแรกยังคงนั่งจ้องพี่ชายตนอย่างไม่ละสายตา ว่าไม่นานก็ถูกท่าทางการทำอาหารที่ราวกับร่ายรำของเหล่าปาเบี่ยงเบนความสนใจ
ชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างกองไฟ ค่อยๆ เติมวัตถุดิบลงไปในหม้อ อาหารในหม้อก็ดูแล้วรสชาติคงเลิศล้ำ ซ้ำยังน่าจะอร่อยพอๆ กับน้ำนมหอมหวานที่นางชอบดื่ม
ทารกน้อยยื่นหน้าไปมองพี่ชายทีหนึ่ง มองเหล่าปาทีหนึ่ง ก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา จึงปีนขึ้นไปบนกายพี่ชายเพื่อนั่งดูเหล่าปาทำอาหารเสียเลย
ลมที่เคยพัดหวีดหวิวค่อยๆ สงบลง
เหลือเพียงเสียงปะทุจากไม้ในกองไฟ
เ้าม้ายืนอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง เพียงสะบัดหางเป็ครั้งคราว
ยามที่อาลู่ตื่นขึ้นมา เมื่อััได้ว่าข้างกายตนมีเ้าก้อนนุ่มนิ่มพิงอยู่ก็รู้สึกอุ่นใจ ก่อนจะสงสัยว่าตนมานอนอยู่บนพื้นได้อย่างไร
เขาจำได้ว่าเพียงกินแมลงพวกนั้น ก็หมดสติไปทันที
ตอนนี้รู้สึกได้ถึงความหิวโหย
อาลู่หันไปมองเหล่าปาที่กำลังทำอาหารอยู่ด้านข้าง กวาดสายตาไปอีกหน่อยก็เห็นน้ำแกงหมั่นโถวเต็มหม้อกำลังเดือดอยู่ อาลู่ถึงกับตะลึงงัน
ท่านอาปาที่ดูใจร้าย ซ้ำยังไม่ค่อยพูดจา ความจริงแล้วกลับเป็คนดีคนหนึ่ง
อาลู่ดูแล้ว หากเขาถึงขั้นยอมแบ่งอาหารให้ตนเช่นนี้ ก็ย่อมเป็คนดีอย่างไม่ต้องสงสัย
เด็กหนุ่มยังเหลือบมองเ้าม้าที่ยังคงไม่หนีไปไหน บนบั้นท้ายของมันยังมีแมลงเกาะอยู่อีกสองสามตัว จึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดมันจึงชอบสะบัดหางนัก เมื่อคิดถึงน้องสาวตนที่ชอบมาเล่นซนกับเ้ามืด ก็ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ต้องจับมันอาบน้ำให้เนื้อตัวสะอาดขึ้นสักหน่อยเสียแล้ว
ทว่าเมื่อเด็กหนุ่มมองไปยังที่ไกลๆ ก็พลันตื่นตะลึง
เมื่อครู่เขาถึงขั้นมองเห็นแมลงตัวเล็กๆ บนบั้นท้ายเ้าม้า ตรงนี้แม้จะมีกองไฟ ทว่ากองไฟนั้นก็มีแสงเพียงรำไรเท่านั้น
เขาเห็นพวกแมลงตัวเล็กพวกนั้นได้อย่างไรกัน
สายตาเขาดีขนาดนั้นเชียวหรือ
กระนั้นเขายังต้องใเสียจนแทบหงายหลัง เขาไม่เพียงมองเห็นแมลงตัวกระจ้อยร่อยบนบั้นท้ายเ้าม้าเท่านั้น ระยะการมองเห็นเขายังไกลขึ้นเสียยิ่งกว่าไกล เขาเห็นกระทั่งหญ้าเสียนเฉ่าตรงโน้นที่ใบของมันเหลืองแห้งเหี่ยวไปแล้วใบหนึ่ง และใบเขียวอีกสามใบที่กำลังงอกออกมา
อาลู่รู้สึกราวกับว่าทั้งโลกนั้นขยับมาอยู่ตรงหน้า เขามองเห็นรายละเอียดทั้งหมดของทุกสรรพสิ่ง กระทั่งการเคลื่อนไหวของมันก็ยังดูช้าลง ในใจเด็กหนุ่มพลันบังเกิดความรู้สึกประหลาดใจเกินบรรยาย
เหล่าปาได้ยินความเคลื่อนไหวข้างตนจึงเบือนหน้ามามอง ก็เห็นอาลู่ยันกายขึ้นนั่งพร้อมกับดวงตาเบิกโพลง ราวกับว่านอนมากไปจนเลอะเลือนเสียแล้ว
“อาลู่ มากินข้าวเถิด” เหล่าปาเอ่ยปากเรียกเด็กหนุ่ม
“รอเดี๋ยวท่านพ่อ” อาลู่ที่กำลังดีใจเอ่ยตอบ ทว่าเมื่อตอบไปก็คิดได้ว่า ตนนั้นตอบผิดเสียแล้ว
เด็กหนุ่มนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนหยาดน้ำตาจะเอ่อทะลักจากดวงตา
เมื่อคิดได้ว่ายามนั้นท่านพ่อยังอยู่ ท่านพ่อก็เรียกเขาเช่นนี้
“อาลู่ มากินข้าวเถิด”
อาลู่อุ้มทารกน้อยมานั่งข้างกองไฟกันตน ก่อนจะยื่นมือรับถ้วยน้ำแกงหมั่นโถวจากเหล่าปา
เมื่อตักเข้าปากก็รู้สึกถึงความร้อนและรสเค็มจางๆ
น้ำตาของอาลู่ที่ไหลเป็ทางค่อยๆ หยดลงบนผมเส้นละเอียดบนศีรษะทารกน้อย