บทที่ 12 รู้แจ้งในกระบี่
ทุกอย่างเงียบงัน เงียบราวกับตายไปแล้ว
ลานฝึกยุทธ์ที่เต็มไปด้วยเสียงไชโยโห่ร้องก็เงียบลง
เหล่าศิษย์และผู้าุโที่เฝ้าดูอยู่ต่างตกตะลึง และจ้องมองไปที่ใบหน้าของฉู่เจี้ยนเหรินด้วยความใอย่างยิ่ง
ไม่มีใครคาดคิดว่า ฉู่อวิ๋นจะสามารถใช้วิชากระบี่ดาวตกทำให้ฉู่เจี้ยนเหรินาเ็ได้ ทั้งยังเป็แผลบนใบหน้า
แม้ว่าาแจะไม่ลึก แต่พูดได้เลยว่าการที่นักรบิญญาที่ภูมิใจในกระบี่ของตนเอง ถูกผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าทำร้ายใบหน้าได้ เรียกได้ว่าเป็การลบหลู่อย่างยิ่ง
ในเวลานี้ เด็กหญิงคนหนึ่งกะพริบตาดวงโตที่ไร้เดียงสาและพูดด้วยเสียงหวานใสว่า "ว้า พี่เจี้ยนเหรินาเ็แล้ว ดาราจรัสแสงของพี่อวิ๋นเท่มากเลย!"
ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ศิษย์ใกล้เคียงก็รีบปิดปากของเด็กน้อยไม่ให้นางพูดอีก เห็นได้ชัดว่า เด็กคนนี้ยังอ่อนต่อโลกนัก
แต่คนที่ลานฝึกยุทธ์ก็คล้ายถูกตบหน้า ในไม่ช้าทุกคนก็เริ่มมีสติและกระซิบกระซาบกัน
“เ้าดาวหายนะนี้เป็ตัวไร้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ? แต่เขากลับทำร้ายพี่เจี้ยนเหรินได้ภายในกระบวนท่าเดียว?”
“เหอะ ข้าว่าพี่เจี้ยนเหรินก็แค่ประมาทไปหน่อย พวกเ้าไม่เห็นหรือว่าเขาไม่ได้ถือกระบี่?”
“ดาราจรัสแสงของฉู่อวิ๋นคนนี้มีฐานมั่นคง ซ้ำเขายังความเชี่ยวชาญมาก หากเขาไม่ปลุกเศษิญญายุทธ์ที่เหลืออยู่ เชื่อว่าภายภาคหน้าเขาจะกลายเป็ผู้ฝึกกระบี่ที่หาตัวจับได้ยากเป็แน่”
“หรือตำนานจะผิดไป? ตอนนี้ที่ฉู่อวิ๋นสามารถฝึกฝนได้ เป็ไปได้หรือไม่ว่าิญญายุทธ์ของเขาไม่ใช่เศษิญญา?”
บนลานฝึกยุทธ์ ฉู่เจี้ยนเหรินได้ยินการสนทนาจากทั่วทุกมุม สีหน้าของเขาก็ไม่มั่นใจมากขึ้น เมื่อเหลือบมองไปที่ผู้าุโหกบนแท่นชมลานก็เห็นว่าเขานั่งเงียบๆ แต่ในแววตาเผยความเ็าออกมา
ฉู่เจี้ยนเหรินเช็ดเืบนใบหน้าออก จ้องมองฉู่อวิ๋นพลางพูดด้วยรอยยิ้มแกมบังคับ "ฮะ...ฮ่าๆ เืกระตุ้นิญญายุทธ์ข้าได้ดีที่สุด ดีมาก! เ้าอย่าโอหังนักเลย ข้าจงใจให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ฉู่เจี้ยนเหรินตั้งใจทำ โดยปกติแล้ว ฉู่อวิ๋นซึ่งอยู่ในระดับสามของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ไหนเลยจะมาเป็คู่ต่อสู้ของฉู่เจี้ยนเหรินได้?
ฉู่อวิ๋นยืนถือกระบี่แนวขวาง ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า "เ้าพูดถูก ข้าเองก็ไม่เคยเห็นใครเอาหน้าตัวเองมาถูกับคมกระบี่ของคู่ต่อสู้ เ้าคือคนแรกเลย ข้านับถือ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เจี้ยนเหรินก็ขมวดคิ้ว กัดฟันและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "เ้า...อย่าอวดดีเกินไปนัก! คราวนี้ข้าจะส่งเ้าลงนรกเอง!"
"ควั่บ--"
ฉู่เจี้ยนเหรินเต็มไปด้วยโทสะ เขายกกระบี่ขึ้นแล้วชี้ไปที่ฉู่อวิ๋น เงากระบี่แวบวาวขึ้นมาจากข้างหลัง พลังชั่วร้ายกระจายเต็มท้องฟ้า บริเวณโดยรอบก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้บรรยากาศหนาวเหน็บเสียดกระดูก
ร่องรอยพลังร้ายสีแดงเืพันรอบกระบี่ของฉู่เจี้ยนเหริน และทันใดนั้นกระบี่ทั้งเล่มก็เปล่งรัศมีสังหารออกมา
“ตายเสีย! ดาราจรัสแสง!”
ฉู่เจี้ยนเหรินขยับกระบี่อย่างต่อเนื่องจนกลายเป็ภาพติดตาสีแดงเื เพื่อโจมตีฉู่อวิ๋น เขาจงใจใช้กระบวนท่าเดียวกันโดยใช้วิธีของผู้อื่นมาสะท้อนผลถึงผู้นั้น
"ควั่--"
กระบี่สะท้อนแสงสีแดงเืพุ่งออกมาและฟันไปที่หัวของฉู่อวิ๋นอย่างรวดเร็วและตรงจุด
ฉู่อวิ๋นหรี่ตาลง เขารวบรวมพลังปราณอย่างรวดเร็วและยกกระบี่ขึ้นรับในแนวนอน!
"ชิ้ง--"
กระบี่ทั้งสองปะทะกัน เสียงดังฉวัดเฉวียนรุนแรง การโจมตีเพียงครั้งเดียวของฉู่เจี้ยนเหรินไม่อาจเอาชนะได้แต่เขาไม่คิดถอย ยังคงโจมตีต่อไปโดยฟันกระบี่อย่างต่อเนื่องทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง
ชั่วครู่หนึ่ง ร่างกายของฉู่อวิ๋นถูกปกคลุมไปด้วยแสงกระบี่ที่ไม่มีสิ้นสุด เมื่อเห็นการโจมตีที่รุนแรงของคู่ต่อสู้ เขาก็ไม่กล้าประมาท เขารีบถ่ายเทพลังปราณลงในกระบี่เล่มยาว และก้าวหลบเพื่อปกป้องตนเอง
แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ประสบการณ์การต่อสู้ของเขากลับน้อยนิด การรุกโจมตีของอีกฝ่ายเปิดกว้าง ทุกครั้งที่กระบี่มีการเคลื่อนก็จะเต็มไปด้วยพลังร้ายและมุ่งเป้าไปที่จุดสำคัญของฉู่อวิ๋น ดังนั้นเขาจึงต้องหลบเลี่ยงคมกระบี่ของมัน
"ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!"
บนลานฝึกยุทธ์ สองร่างปะทะกัน เสียงกระบี่คมชัดดังอยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าแสงกระบี่สีแดงเืคล้ายจะได้เปรียบ
“เป็เช่นไร? รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของข้าแล้วหรือไม่? อีแค่ตัวไร้ประโยชน์ตัวหนึ่ง กลับกล้ามาอวดเก่งต่อหน้าข้า? ตายซะ!”
ใบหน้าของฉู่เจี้ยนเหรินดุร้าย เขายังคงโหมซัดปราณกระบี่สีแดงเืเข้าสู้กับฉู่อวิ๋น
"ชิ้ง--"
เสียงกระบี่ปะทะกันดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองเล่มพัวพันกันอย่างไม่คิดยอมแพ้
ฉู่เจี้ยนเหรินจับด้ามกระบี่ไว้แน่นและกดอย่างสุดกำลัง พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เป็อย่างไร? รู้สึกหมดหวังหรือไม่? ข้าจะดูว่าเ้าจะทนไปได้ถึงเมื่อไหร่?"
“เ้าได้ใจอะไรขนาดนั้น? ดูเหมือนว่าเ้ายังโจมตีไม่โดนข้าเลยนะ” ดวงตาของฉู่อวิ๋นแลดูเฉยชา ใบหน้าของเขานิ่งราวกับน้ำ และสงบมาก
บนแท่นชมลานฝึกยุทธ์จากระยะไกล ผู้าุโหลายคนของตระกูลฉู่มีท่าทีที่แตกต่างกันไป มีทั้งตื่นใและสบถสาบาน
“เหรินเอ๋อร์ของข้ากดปรามฉู่อวิ๋นได้ทุกทางแล้ว เขาไม่มีโอกาสชนะเลย ภายในไม่กี่กระบวนท่า ลูกชายข้าต้องชนะแน่” ดวงตาของผู้าุโหกจับจ้องไปที่ลานและพ่นลมหายใจออกมาอย่างเ็า
“น้องหก คำพูดนี้ผิดไปหน่อย แม้ว่าเ้าดาวหายนะดูเหมือนจะถูกปรามไว้ แต่เขาก็ยังไม่ได้รับาเ็” ผู้าุโห้ากล่าว
“ถูกต้อง ทุกครั้งที่ฉู่อวิ๋นถูกโจมตีด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่รุนแรง เขาก็สามารถพลิกกลับมาต่อกรได้เสมอ แม้ว่าทักษะวิชาของเขาจะดูสับสนเล็กน้อย แต่ก็มีความก้าวหน้าขึ้นทุกครั้ง สำหรับผู้ฝึกกระบี่ในระดับสามของขอบเขตการควบแน่นพลังปราณ นี่เป็ความน่าประทับใจที่หาได้ยาก”
“แต่พี่หก อย่าลืมนะว่าระดับพลังยุทธ์ของฉู่เจี้ยนเหรินนั้นสูงกว่าฉู่อวิ๋น” ผู้าุโสี่ที่อยู่ถัดจากเขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้าุโคนอื่นๆ ที่ชื่นชมฉู่อวิ๋น ใบหน้าของผู้าุโหกก็เริ่มขุ่นมัวมากขึ้น
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มองตรงไปที่ฉู่เจี้ยนเหรินแล้วขยิบตา
ฉู่เจี้ยนเหรินซึ่งอยู่ในลานฝึกยุทธ์ที่มองไปที่ผู้าุโหกก็พยักหน้าเล็กน้อย และด้วยความแรงของกระบี่ที่ถูกกระแทกกลับ เขาจึงถีบตัวขึ้นไปในอากาศและถอยกลับ
“ข้าสนุกพอแล้ว ท่าต่อไป... เ้าแพ้แน่!” ดวงตาของฉู่เจี้ยนเหรินเ็า ในใจรู้สึกไม่ปรีดาอยู่บ้าง เขาไม่คิดว่าด้วยขั้นขอบเขตควบแน่นพลังปราณระดับที่สี่ของเขา หลังจากโจมตีฉู่อวิ๋นอยู่นาน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เปรียบกลับมาเลย
แต่ฉู่อวิ๋นในยามนี้กลับไม่ได้สนใจคำพูดของฉู่เจี้ยนเหริน เพียงแต่แสดงท่าทางครุ่นคิด
“ที่แท้ดาราจรัสแสง ไม่เพียงแต่สามารถใช้ความช้าสู้กับความเร็วได้เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ความเร็วเอาชนะความช้าได้ด้วย”
“กระบวนท่าไม่อาจไม่พลิกแพลง ในการต่อสู้จริง ใช้ได้ผลจึงจะดีที่สุด ข้าเข้าใจแล้ว…”
ความสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับวิชากระบี่ในอดีต กระจ่างได้โดยง่ายจากการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้ฉู่อวิ๋นรู้แจ้งและมีความสุขในทันใด
แน่นอนว่าถ้าอยากแข็งแกร่งขึ้น การต่อสู้จริงถือเป็ประสบการณ์ที่สำคัญมาก
เมื่อเห็นท่าทีของฉู่อวิ๋น ที่บางครั้งก็ครุ่นคิด บางครั้งก็มีความสุข ฉู่เจี้ยนเหรินก็รู้สึกไม่อาจนิ่งเฉยกว่าเดิมได้ อีกฝ่ายเหม่อลอยฟุ้งซ่านระหว่างการต่อสู้ นี่ไม่ใช่เป็การดูถูกเขาหรอกหรือ?
“ดี! เ้ากล้าเมินข้าหรือ? ข้าจะเอาชีวิตเ้าเสีย!”
ฉู่เจี้ยนเหรินยกกระบี่ขึ้นและรวบรวมพลังปราณอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะถ่ายเทปกคลุมมันไว้ทั่วกระบี่
“เกรงว่าตัวไร้ประโยชน์อย่างเ้า จะยังใช้ท่านี้ไม่เป็กระมัง…”
“กระแสดารา!”
"ควั่บ--"
ในความว่างเปล่า ปราณกระบี่แสงดาวสีแดงเืเก้ามรรคาปล่อยออกมา ในที่สุดก็ควบรวมเป็คลื่นปราณกระบี่ขนาดใหญ่กว้างถึงห้าหมี่ รวดเร็วราวดาวตก พุ่งเข้าหาฉู่อวิ๋นอย่างว่องไวเหลือคณา!
ทุกคนกลั้นลมหายใจ สรรพสิ่งตึงเครียด พวกเขารู้ดีว่านี่เป็กระบวนท่าที่สองของวิชากระบี่ดาวตก แสงวาบสว่างขึ้นมา ผสมผสานกระบี่แสงดาวเก้ามรรคาและรวมเงาเป็หนึ่งเดียว ปราณกระบี่คลื่นแล้วคลื่นเล่า ปรากฏพลังโจมตีที่รุนแรงมาก
แม้ว่าการโจมตีด้วยกระแสดาราจะเกิดขึ้นตรงๆ แต่ด้วยความเร็วของฉู่อวิ๋น เขาก็ไม่อาจหลบเลี่ยงมันได้!
ฉู่เจี้ยนเหริยยกยิ้มราวกับว่ามองเห็นฉากที่ฉู่อวิ๋นถูกฉีกเป็ชิ้นๆ ด้วยปราณกระบี่
ที่โต๊ะของผู้าุโ ผู้าุโบางคนที่ชื่นชมฉู่อวิ๋นต่างส่ายหัวและถอนหายใจ สายตาของพวกเขาซับซ้อน ทั้งพวกเขาย่อมรู้ว่ากระแสดาราที่บรรจุพลังชั่วร้ายนี้ยากที่จะหลบเลี่ยงต้านทาน
ผู้าุโหกจ้องมองคลื่นกระบี่สีแดงเืและพยักหน้าเล็กน้อย แม้ว่ากระบวนท่าจะไม่ยิ่งใหญ่นัก แต่หากฉู่เจี้ยนเหรินเอาชนะฉู่อวิ๋นด้วยกระบวนท่านี้ได้ เขาจะฝืนยอมรับไว้
เหล่าศิษย์ที่คอยดูอยู่ส่งเสียงให้กำลังใจครั้งแล้วครั้งเล่า คลื่นกระบี่สีแดงเือันน่าสะพรึงกลัวนี้ น่าตื่นเต้นมากจริงๆ
ท่ามกลางฝูงชน มีเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่นชมฉู่อวิ๋นเมื่อครู่ ใช้มือเล็กๆ ของตนปิดตาและพึมพำกับตัวเองว่า : "อุ๊...ไม่กล้ามองแล้ว"
"ควั่บ--"
คลื่นกระบี่สีแดงเืฟาดฟันความว่างเปล่าและกวาดล้างทุกสิ่งอย่างด้วยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้!
สำหรับฉู่อวิ๋นแล้ว เขาเห็นเพียงจุดสีแดงเท่านั้น
ทว่าเขายังดูสงบและไม่สะทกสะท้าน
“กระแสดาราหรือ? ข้าก็ทำได้”
"ปัง--"
ขณะที่คลื่นกระบี่สีแดงเืกำลังใกล้เข้ามา เส้นลมปราณของฉู่อวิ๋นก็หลั่งไหลไปด้วยพลังปราณ เขาเหวี่ยงกระบี่ในแนวนอน ลากคลื่นกระบี่แสงดาวสีขาวบริสุทธิ์ออกมา ซึ่งกว้างถึงห้าหมี่เช่นกัน! ความเร็วช่างน่าเหลือเชื่อ!
“กระแสดารา!”
"ควั่บ--"
"ชิ้ง--"
ปราณกระบี่ทั้งสองปะทะกัน ทันใดนั้นลมก็กระโชกแรง สาดกระทบไปทุกทิศทาง
ลมแรงพัดเสื้อคลุมของทุกคนใรบริเวณนี้ ทำให้เกิดเสียงล่าสัตว์[1]ขึ้น บนพื้นเต็มไปด้วยฝุ่นควัน ใบไม้บนยอดต้นไม้ของลานฝึกยุทธ์ต่างสั่นไหว
ไม่ช้า ปราณกระบี่กระแสดาราของฉู่อวิ๋นก็เหนือกว่า! ปราณกระบี่สีแดงเืค่อยๆ ถูกกัดเซาะกลางอากาศ ไม่นานก็จางหายไป
"ควั่บ--"
หลังจากทำลายปราณกระบี่สีแดงเื ปราณกระบี่สีขาวบริสุทธิ์ก็พุ่งเข้าหาฉู่เจี้ยนเหรินด้วยความเร็วสูง!
“เป็...เป็ไปได้ยังไง!” ฉู่เจี้ยนเหรินยืนนิ่งอยู่ที่นั่นอย่างเหม่อลอย มองดูคลื่นปราณกระบี่สีขาวขนาดมหึมาโดยไม่อาจตอบสนองอะไรได้เลย
เขาไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นจะใช้กระบวนท่ากระแสดาราที่เขาใช้ มาปะทะกับกระบวนท่าเดียวกัน!
"ตึง--"
กระแสดาราของฉู่อวิ๋นกระทบร่างฉู่เจี้ยนเหริน ทำให้เขากระเด็นไปข้างหลัง จนอวัยวะภายในาเ็และกระอักเืเต็มปาก
ผู้ชมทุกคนต่างตกตะลึง
ลานฝึกยุทธ์ที่แต่เดิมมีเสียงดังเงียบสงบลงอีกครั้ง ผลลัพธ์นี้แตกต่างไปจากที่คนส่วนใหญ่คิดไว้โดยสิ้นเชิง
มีเพียงเด็กหญิงตัวเล็กเท่านั้นที่เบิกตาโตและะโด้วยเสียงเด็กๆ ว่า "ว้าว! พี่อวิ๋นก็ใช้กระแสดาราได้! พี่เหรินเป็ผู้ฝึกกระบี่ที่เก่งที่สุดในตระกูลไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงล้มลงเล่า?”
คนในตระกูลที่อยู่รอบๆ รีบปิดปากของนางอีกครั้ง
ทว่าหัวใจของศิษย์รุ่นเยาว์ส่วนใหญ่กลับเต้นแรงระรัว ทั้งตื่นตาและประหลาดใจ พวกเขาไม่คิดว่าบุคคลตัวอย่างที่พวกเขาเคยเคารพนับถือในตระกูลจะถูกตีจนลงไปกองกับพื้น ภาพลักษณ์นั้นที่พวกเขาคิดหวังไว้หายไปโดยสิ้นเชิง หลังจากการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
ในเวลานี้ ผู้าุโหกทุบเก้าอี้และยืนขึ้น ข้างขมับมีเส้นเืปูดโปน ฉู่เจี้ยนเหรินถูกตัวไร้ประโยชน์จากตระกูลย่อยที่มีระดับพลังยุทธ์ต่ำกว่าตัวเองตีจนแพ้และกระอักเื สิ่งนี้ทำให้เขาเสียหน้านัก!
ท่าทีของผู้าุโคนอื่นๆ ก็ค่อนข้างเกินคาด ดวงตาเบิกกว้างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ฉู่อวิ๋นหายใจเข้ายาวๆ ปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก และคิดกับตัวเอง "เมื่อครู่น่าตื่นเต้นมาก โชคดีที่ข้ามีพลังปราณโบราณ ไม่เช่นนั้นคนที่ล้มอาจเป็ข้าก็ได้"
ปราณกระบี่แสงดาวที่เกิดจากพลังปราณโบราณนั้นมีพลังมากกว่าปราณกระบี่แสงดาวที่มีพลังชั่วร้ายอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้ ฉู่เจี้ยนเหรินกุมหน้าอกและลุกขึ้นยืนตัวสั่น รู้สึกทั้งโกรธและเสียหน้า
“เ้าอยากสู้อีกหรือ?” ฉู่อวิ๋นยกกระบี่ขึ้นตั้งในแนวนอนอย่างสงบนิ่ง
“เ้า...เ้าขยะไร้ประโยชน์!”
ฉู่เจี้ยนเหรินถ่มเืเต็มปากออกมา แล้วส่งเสียงคำราม เขายกกระบี่ขึ้น ก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว แล้วโจมตีฉู่อวิ๋นอีกครั้งอย่างโกรธขึ้ง
"หยุด"
ตอนนี้เอง มีภาพเงาสีฟ้าลอยข้ามท้องฟ้าและชี้นิ้วไปที่ฉู่เจี้ยนเหริน ทำให้เขาถอยไปสิบก้าวและล้มลงใต้แท่นฝึกยุทธ์
จากนั้น หญิงสาวงดงามสวมเสื้อคลุมสีฟ้าก็ร่อนลงมาตรงกลางลานฝึกยุทธ์ด้วยสีหน้าเ็า
"เ้านี่เอง!"
เมื่อเห็นหญิงงามคนนี้ หัวใจของฉู่อวิ๋นก็รุ่มร้อนด้วยความเกลียดชังทันที!
--------------------
[1] เสียงธงและสิ่งอื่นๆ ที่พัดมาตามสายลม มาจาก "โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้