หลัวเลี่ยปีนขึ้นไปโดยไม่หยุด ข้ามสิ่งกีดขวางที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างต่อเนื่อง และเคลื่อนไปยังยอดเขา
ควบคู่ไปกับการปีนเขา ข้อมูลเชิงลึกที่ยอดเยี่ยมค่อยๆ ไหลเข้ามาในหัวของเขา ราวกับว่ามีความลึกลับนับไม่ถ้วนวิ่งเข้ามาในหัวของเขา แม้ว่ามันจะซับซ้อนและยุ่งเหยิงมาก แต่ด้วยคำสั่งบางอย่าง รูปแบบก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในหัวของเขาอย่างคร่าว ๆ
จากโครงร่างทั่วไปจะเห็นว่ารูปแบบที่เกิดขึ้นมีลักษณะเหมือนูเา
ูเาแห่งจิติญญานี้สูงตระหง่านและชันมาก
ภายใตู้เาลูกนี้ ต่อให้เป็สายเืแห่งัก็ดูจะไร้ความหมาย
ูเาลูกนี้ค้ำจุนนภา อาทิตย์ และจันทรา
ดูเหมือนว่าูเาลูกนี้จะเป็การดำรงอยู่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกนี้ และยังมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ยงคงกระพันที่สุดด้วย
หัวใจของหลัวเลี่ยสั่นสะท้าน เขารู้ว่าตนเองได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของความเป็ไปของ์และโลกแล้ว เขาจับต้นชนปลายได้เล็กน้อย แต่ยังไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ และยังคงต้องทำงานหนัก
เขาจึงปีนต่อไป
ความเข้าใจในความเป็ไปของ์และโลกยังแบ่งออกเป็ระดับต่ำและระดับสูง
ดููเาเป็ตัวอย่าง
เปรียบกับความเข้าใจ ในเบื้องต้นหากมองจากภายนอก ูเาลูกนี้ดูไม่แข็งแรง แต่เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นจากภายในสู่ภายนอกอีกหนึ่งเท่า ูเาเช่นนี้ทั้งยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีเสน่ห์ เป็เหมือนูเาที่แข็งทื่อ
แต่หากมีความเข้าใจลึกซึ้ง ูเาลูกนี้จะไม่แข็งทื่ออีกต่อไป แต่มีชีวิต นำมาซึ่งความมีชีวิตชีวา และสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับผู้คนในทุกด้าน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า
เมื่อมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ูเาเปรียบดั่งการทำให้คนรับรู้ถึงขนาดของโลก โดยมีูเาเป็ศูนย์กลาง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ขึ้นและตกอีกด้านของูเา ดวงดาวส่องแสงลงมายังูเา โลกเต็มไปด้วยพลังของูเา และทุกสิ่งในโลกมีจุดศูนย์กลางอยู่ทีู่เา
แม้ว่าความเข้าใจในสองข้อแรกจะส่งผลบางอย่างกับร่างกาย แต่ก็ไม่อาจทำให้พัฒนาไปได้มากนัก
ความเข้าใจอย่างที่สาม คือการวางรากฐานที่มั่นคงที่สุด ซึ่งสามารถช่วยให้พัฒนาได้อย่างมั่นคง ผ่านการรับรู้และประสบการณ์ที่หลากหลายบนเส้นทางแห่งศิลปะการต่อสู้ในอนาคต
หลัวเลี่ยทราบดีถึงความลึกลับ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมแพ้
เขา้าที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้
เขา้าที่จะปีนขึ้นไปบนยอดเขา
เมื่อเข้าใจลึกซึ้งขึ้น ก็ดูเหมือนว่าูเาลูกนี้จะไม่สูงเท่าไรนัก และสามารถมองเห็นยอดเขาได้ ภาพูเาที่อยู่ในใจก็สดใสและชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนีู้เาที่เขาปีนยังมีดอกไม้ ต้นไม้ หรือแม้แต่แม่น้ำ และเหนือยอดเขาก็มองเห็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาว
หลัวเลี่ยค่อยๆ ขึ้นไป ตอนนี้เขาไม่ได้ปีนอย่างยากลำบากอีกแล้ว แต่กลับสามารถวิ่งขึ้นไปได้
เขาพุ่งตรงขึ้นไปเหมือนสายลม
ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดที่ห่างจากยอดเขาเพียงหนึ่งก้าว
ทันใดนั้นร่างกำยำก็ปรากฏขึ้นบนยอดเขา ยืนอยู่ ณ สถานที่นั้น และขวางทางหลัวเลี่ย
ร่างดังกล่าวสูงประมาณหกฉื่อ แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าสูงส่งจนล้นจักรวาล และโลกก็หมุนรอบตัวชายคนดังกล่าว
“หากไม่ได้รับการสืบทอดจากข้า เ้าจะขโมยพลังของข้าได้อย่างไร อนุชนรุ่นหลัง เ้าจงถอยไปเสีย!”
เสียงคำรามราวกับเสียงของเทพ ดั่งทำให้์และโลกแตกเป็เสี่ยงๆ เกิดเป็เสียงฟ้าร้อง
ความแข็งแกร่งนี้คือพลังของูเา
หลัวเลี่ยถูกกดทับด้วยเสียงที่น่าสะพรึงกลัว และเกือบจะตกลงจากูเา แม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่สามารถต้านทานได้ แต่ศรัทธาของเขาก็ไม่เคยสั่นคลอน เขามองไปที่ร่างของราชันผู้พิชิตอย่างแน่วแน่
“ความพยายามที่จะควบคุมข้า ทำลายสภาพจิตใจของข้า ทำลายความหวังในการเป็จักรพรรดิของข้า พฤติกรรมเช่นนี้เปรียบดั่งคนขี้ขลาด”
“คนขี้ขลาดเช่นนี้พยายามขวางทางข้า ข้าจะปล่อยให้เ้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร”
และแล้วภาพูเาในหัวของหลัวเลี่ยก็สว่างขึ้น ทันใดนั้นูเาดูเหมือนจะปรากฏในดวงตาของเขา โดยมีเงาของูเาศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างหลัง เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
ภาพหลอนของราชันผู้พิชิตสลายไปเหมือนฟองสบู่ในฝัน
เขาปีนขึ้นไปบนยอดเขา
ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงความงามของูเา
มีจักรวาลอันไร้ขอบเขตอยู่เหนือหัว มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่คู่กัน ดวงดาวเป็เหมือนผ้าคลุมไหล่ และผืนดินใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ ทุกอย่างอยู่ใต้ฝ่าเท้าเท่านั้น
ูเาสูงชันเป็ข้าที่ยืนอยู่บนยอดเขา และทุกอย่างคือความเป็ไปของ์และโลก!
เพล้ง!
มีเสียงแตกหักดังเข้ามาในโสตประสาท
ลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่งแตกสลาย
อย่างไรก็ตามหลัวเลี่ยไม่ตอบสนอง ตาของเขาปิดอยู่ และร่างกายก็แสดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
และสิ่งสำคัญที่ถูกปล่อยออกมาจากลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่งที่แตกสลายนั้น ประกอบไปด้วยความงามของูเาผสมผสานเข้ากับเสาด้านหลังหลัวเลี่ย
บนที่ว่างของเสาปรากฏเป็เงาของูเาขึ้น
ูเาลูกนั้นสูงตระหง่าน มีดอกไม้ ต้นไม้เขียวขจี และแม่น้ำสายเล็กๆ โดยสิ่งที่อยู่เบื้องบนคือพระอาทิตย์ และพระจันทร์ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยหมู่ดาว ทั้งยังมีบุคคลผู้หนึ่งยืนอยู่ คนผู้นี้คือผู้ปกป้องขุนเขา
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจ”
หลังจากนั้นไม่นานหลัวเลี่ยก็ลืมตาขึ้น
เงาของูเาที่อยู่บนเสาด้านหลังก็ค่อยๆ หายไปเช่นกัน
“ูเาแห่งพลังอันยิ่งใหญ่ของความเป็ไปของ์และโลกถูกรับรู้โดยข้าแล้ว นับจากนี้ในผู้ฝึกวรยุทธ์ระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็ผู้ใด ข้าคือผู้เหนือกว่าเท่านั้น!”
หลัวเลี่ยหัวเราะออกมาเสียงดัง
ภายในห้องทำงานในจวนของอ๋องชวนหลง ชงโหวหู่นั่งอยู่ตรงข้ามชงจ้านหยวน ทั้งสองคนมีสีหน้าไม่สู้ดี
กลิ่นของชาหอมอบอวลอยู่ในอากาศ แต่ไม่สามารถทำให้ใจของสองพ่อและลูกสงบลงได้
“ครั้งนี้เราล้มเหลว” เสียงของชงโหวหู่เ็า
“ท่านพ่อ ครั้งนี้เป็เพียงอุบัติเหตุ เรายังมีข้อได้เปรียบอีกมาก อนาคตของแคว้นเป่ยสุ่ยยังอยู่ในมือเรา” ชงจ้านหยวนยังคงแสดงความมั่นใจ
ชงโหวหู่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “จ้านหยวน เ้าต้องจำไว้ว่าอย่าหยิ่งยโส แม้ว่าจะได้เปรียบ แต่เราต้องตระหนักอย่างชัดเจนว่า ความล้มเหลวเช่นนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกเป็ครั้งที่สอง”
ชงจ้านหยวนตอบ “ลูกน้อมรับคำสั่งสอน พวกเราคิดว่าหลิวหงเหยียนจะใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลงคณะผู้าุโ และขุนนางใหญ่บางคนที่มีอำนาจ แต่ไม่คาดคิดว่านางจะรอบคอบเกินไปและไม่ทำอะไรวู่วาม ในทางกลับกัน นางพุ่งเป้าไปที่กองทัพ ซึ่งทำให้พวกเราตั้งตัวไม่ทัน”
“เ้าคิดผิดแล้ว” ชงโหวหู่ตะคอก “เ้ามองแค่ผิวเผินหรือ เ้าคิดว่าใครเป็คนให้โอกาสหลิวหงเหยียน เป็หลัวเลี่ยที่สับขาหลอกพวกเรา ไหนว่ามันไม่เป็วรยุทธ์ ถึงแม้จะฝึกแต่ก็ไม่ได้คืบหน้า มันเพียงรอโอกาสที่เราติดกับ วางแผนตลบหลังแบบนี้ อุบายอดกลั้นแบบนี้ เ้าทำได้บ้างหรือไม่”
ชงจ้านหยวนใมากเมื่อถูกต่อว่า “ลูกผิดไปแล้ว”
“ถ้าเ้ารู้ข้อผิดพลาดก็ต้องแก้ไข เ้าจึงจะมีวิธีจัดการกับมันได้” ชงโหวหู่กล่าว
ชงจ้านหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด
ชงโหวหู่ไม่พูดอะไรอีก เขานั่งจิบชา ให้เวลาชงจ้านหยวนในการคิดทบทวน
ใช้เวลากว่าครึ่งก้านธูป ก่อนที่ชงจ้านหยวนจะเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ท่านพ่อ ลูกรู้วิธีจัดการกับหลัวเลี่ยแล้ว และเรายังสามารถใช้โอกาสนี้โจมตีหลิวหงเหยียนได้อีกด้วย”
“อ่า พูดมาสิ” ชงโหวหู่กล่าว
ชงจ้านหยวนพูดความคิดของเขาออกมาหนึ่งรอบ
ชงโหวหู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวเสริม และในที่สุดก็ตัดสินใจ “เพียงทำตามวิธีการของเ้า พ่อก็จะช่วยเหลือเ้าด้วย พวกเราพ่อลูกจะจับมือกัน ใช้โอกาสนี้ทำลายการต่อต้านของพวกเขาให้สิ้นซากในบัดดล”
“ท่านพ่อ แม้ว่าแผนนี้จะดี แต่ก็้าโอกาส ลูกพิจารณาดูแล้ว อาจใช้เวลาประมาณสองเดือน” ชงจ้านหยวนกล่าว
“พ่อให้เวลาเ้าสองเดือน” ชงโหวหู่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณท่านพ่อ ลูกจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” ชงจ้านหยวนตื่นเต้นมาก
ชงโหวหู่พยักหน้า “ไปเตรียมตัวเถิด”
ชงจ้านหยวนตอบรับและจากไป
ในหนังสือเหลือเพียงชงโหวหู่เท่านั้น เขาพิจารณาแผนของชงจ้านหยวนอีกครั้งและยิ้มด้วยความพึงพอใจ ยื่นมือออกไปรินน้ำชา แล้วเขียนสี่คำลงบนโต๊ะ
การต่อสู้ครั้งสุดท้าย!
เขาจะทำลายหลัวเลี่ยและหลิวหงเหยียนพร้อมๆ กันในสองเดือน