ลุงใหญ่สกุลเฉินครุ่นคิดตลอดทางกลับจวนเฉิน หลังจากกลับไปแล้วก็ไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉิน
หลายปีมานี้ เพราะว่าเสี่ยวเฉินซื่อ เ้าสกุลเฉินหรือก็คือเฉินเจียงชวนบิดาของเสี่ยวเฉินซื่อจึงมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับภรรยาของตนเอง ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉินเป็คนนิสัยแข็งๆ ตอนที่เ้าสกุลเฉินคนเก่าหรือก็คือใต้เท้าเฉินแห่งหงหลูซื่อ ก็ต้องตาลูกสะใภ้นิสัยแข็งแกร่งถึงได้ให้แต่งเข้ามาในเรือน แน่นอนว่าบิดาจะต้องเข้าใจลูกมากที่สุด ใต้เท้าเฉินรู้ดีว่าลูกชายของตนไม่สามารถได้เื่ได้ราวขึ้นมาได้ เพราะเขาเป็หัวอ่อน หากอยากจะให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปจะต้องหาภรรยาที่นิสัยแข็งแกร่งมาดูแลถึงจะดี
ต้าเฉินซื่อถูกน้องสาวที่เป็บุตรของอนุกับสามีทำร้ายจิตใจจนทำให้คลอดลูกก่อนกำหนดแล้วตายจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉินอยากจะฉีกกระชากลูกอนุที่ทำตัวใสซื่อแต่จิตใจดั่งงูพิษนางนั้น แต่น่าเสียดายที่รูปลักษณ์มันชนะนิสัยคน จวนผิงซีโหวเองก็บีบสกุลเฉินแล้วแต่งเสี่ยวเฉินซื่อเข้าจวนไป สุดท้ายก็ทำได้แค่แต่งลูกสาวอนุมาเป็ภรรยาใหม่ของจวนผิงซีโหว แต่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ยุ่งกับสินเดิมของลูกอนุคนนี้
ร้านค้าไร่สวนส่วนมากของสกุลเฉินก็ถูกกุมเอาไว้ในมือของคุณชายใหญ่สกุลเฉิน ถึงแม้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉินจะควบคุมครอบครัวอยู่ แต่เพราะว่านางได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจจากลูกสาวที่คลอดยากจนตายจากไป วันๆ จึงเก็บตัวอยู่ในเรือนไม่ออกมา เื่ราวในครอบครัวก็ไม่สนใจแล้ว เสี่ยวเฉินซื่อก็อยากจะเอาสินเดิมให้มากกว่านี้ ขนาดเรือนส่วนตัวในมือของเฉินเจียงชวนนางก็เอามา แต่ก็มูลค่าก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็ฮูหยินเฉินหรือว่าคุณชายใหญ่เฉิน ต่างบีบเฉินเจียงชวนเอาไว้ด้วยเงิน
ฮูหยินผู้เฒ่าผู้สกุลเฉินเห็นเฉิงจ้งคุณชายใหญ่สกุลเฉินเข้ามาจากด้านนอก แม่นมที่คอยดูแลอยู่ข้างกายก็ไปรินชาให้กับเฉิงจ้ง
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินได้ยินแล้ว สีหน้าก็ตื้นตันขึ้นมา นางรรีบเอ่ยปากถาม “เ้าเห็นป๋อหยวนแล้วจริงหรือ? ตอนนี้เขาเป็อย่างไรบ้าง?”
เฉินจ้งกล่าว “ป๋อหยวนสบายดีขอรับ เขาตามคุณชายของใต้เท้าสวี่ออกไปท่องเที่ยวด้วยกัน ท่านแม่ ป๋อหยวนเรียกให้ข้าไปปรึกษาเื่หนึ่ง ข้าคิดว่าใช้ได้เลย จึงกลับมาปรึกษากับท่านอีกที ดูว่าจะทำอย่างไรถึงไม่ให้คนมองออกว่าพวกเราสนับสนุนอยู่ด้านหลัง”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินได้ยินแล้วก็พูดด้วยความสนใจ “เ้าพูดมาให้ข้าฟังสิ”
เฉินจ้งจึงเล่าเื่ที่เจิ้งป๋อหยวนพูดแผนการกับตัวเองออกมาทั้งหมด ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินฟังแล้วก็เงียบไปอยู่นาน “วิธีนี้ของป๋อหยวนนั้นเป็ไปได้ ของแค่นั้นตอนนี้ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของป๋อหยวนกับหยวนหยวน หลายปีก่อนข้าได้รวบรวมคนใช้ที่จวนโหวส่งออกไปเยอะพอสมควรแล้ว หากเป็เช่นนี้ต่อไปข้ากลัวว่าเด็กๆ อยู่ที่นั่นจะมีเื่อะไรที่พวกเรารู้ไม่เท่าทันการณ์ เื่นี้พวกเราจะต้องลงมือจากอนุลวี่”
อนุลวี่ก็คือมารดาแท้ๆ ของเสี่ยวเฉินซื่อ
หลายปีก่อนอนุลวี่เป็สาวใช้ข้างห้องของเฉิงเจียงชวน ทั้งสองคนสามารถพูดได้ว่ามีความสัมพันธ์ฉันมิตรั้แ่ยังเยาว์ อนุลวี่จับเฉินเจียงชวนเอาไว้ได้อยู๋หมด ถึงแม้ต่อมาฮูหยินผู้เฒ่าเฉินจะแต่งงานเข้ามา อนุลงี่ก็บีบบังคับให้เฉินเจียงชวนแต่งตั้งตนเองให้เป็อนุทางการ ทั้งยังคลอดลูกออกมาสองคน จากตรงนี้สามารถมองออกได้เลยว่า อนุลวี่ยังมีวิธีอีกหลายแบบ”
อนุลวี่ั้แ่เสี่ยวเฉินซื่อแต่งงานไปเป็ภรรยาใหม่ของจวนโหว ก็คิดอยากได้ตำแหน่งภรรยาเอกมา เพียงแต่น่าเสียดายที่ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินก็ไม่ใช่คนที่กินหญ้า ตอนนั้นที่ให้อนุลวี่อยู่ก็เพราะคิดว่าไม่อยากจะให้มีคนอื่นเข้าเรือนมาบ่อยๆ อนุลวี่ก็ยังคลอดลูกของสกุลเฉินออกมาด้วย ต่างรู้ไส้รู้พุงกันดี ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินจึงไม่ได้ใส่ใจนางมากนัก ผู้ใดจะรู้ว่าลูกสาวของตัวเองจะถูกลูกสาวที่อนุลวี่คลอดออกมาทำให้ตกตายจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินรู้สึกเสียใจภายหลังเป็อย่างมาก
หลายปีมานี้ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินรักษาตำแหน่งภรรยาเอกอย่างระมัดระวัง เพื่อที่จะสามารถให้พวกเฉินจ้งยังสามารถมีที่หลักของตนเอง แล้วก็เพื่อหลานชายหลานสาวที่ลูกสาวของตัวเองทิ้งเอาไว้ ถ้าหากตนไม่ได้มีตำแหน่งภรรยาเอก แม้แต่ไปเยี่ยมพวกเขาที่จวนโหวก็ยากมาก ตอนนี้ตนเองยังเป็ญาติของทางจวนโหวอย่างเป็ทางการ อยากจะไปหาเด็ก ขอแค่ทักทายกับฮูหยินผู้เฒ่าจวนโหวก็ได้แล้ว ถ้าหากให้อนุลวี่สมดั่งหวัง คาดว่าข่าวของเด็กสองคนนั้นตนเองก็คงได้มาไม่ง่าย
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินวางแผนอยู่สองวัน ก็จ่ายเงินหนักซื้อตัวแม่นมแซ่เฉียนของอนุลวี่มาคนหนึ่ง แม่นมคนนี้ถือว่าเป็คนรู้ใจของอนุลวี่ เพียงแต่น่าเสียดายที่เป็คนโลภมาก
แม่นมเฉียนรับเงินของฮูหยินผู้เฒ่าเฉินก็ต้องทำงานให้ นางเล่าว่าอนุลวี่วันๆ มักจะบ่นลับหลังตนเอง บอกว่าเด็กทั้งสองคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ขัดขวางเส้นทางของบุตรหลานทั้งสองของตน เมื่อไหร่เด็กสองคนนี้ไม่อยู่ในจวนโหวแล้วถึงจะเป็เื่ดี
ตอนที่อนุลวี่พูดกับแม่นมเฉียนขึ้นมาอีก แม่นมเฉียนก็พูดเสียงเบาว่า “อนุเ้าคะ ให้เด็กสองคนนั้นไม่อยู่ที่ตระกูลของโหวเย่ก็ไม่ขวางทางของคุณชายคุณหนูของพวกเราแล้วเ้าค่ะ แบบนี้ยังไม่ง่ายกว่าหรือเ้าคะ?”
อนุลวี่ถาม “ยายแก่เช่นเ้ามีความคิดอะไรขึ้นมาอีกหรือ?”
แม่นมเฉียนกล่าว “ฟังจากที่ท่านอนุพูดมาแล้ว คุณชายใหญ่ก็แค่ถือครองตำแหน่งบุตรชายคนโตของภรรยาเอกมิใช่หรือเ้าคะ? พวกเราก็เอาคุณชายใหญ่ย้ายไปเสียก็สิ้นเื่แล้วไม่ใช่หรือ หลายปีก่อนผู้คนในจวนผิงซีโหวของพวกเขาก็ตกตายไปเนื่องจากการเข้าร่วมาจำนวนมากไม่ใช่หรือเ้าคะ? เราก็หาคนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แล้วให้เขาย้ายไปสืบทอดสายนั้นก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
อนุลวี่ได้ยินก็ตาวาว “จริงด้วย มีวิธีนี้ด้วยสินะ แต่นั่นเป็ลูกชายคนโต ทั้งยังเกิดจากภรรยาเอกคนแรก โหวเย่จะยอมหรือ?”
แม่นมเฉียนกล่าว “จะยอมหรือไม่ยอม ก็ต้องพึ่งที่โหวฮูหยินของพวกเราช่วยพูดไม่ใช่หรือเ้าคะ? คุณชายใหญ่คนนั้นอายุตั้งสิบกว่าปีแล้ว เหตุใดถึงยังไม่ถูกแต่งตั้งเป็ซื่อจื่อ คาดว่าอยากจะรอให้คุณชายเล็กของพวกเราโตอีกหน่อย สั่งสอนให้ดี แล้วแต่งตั้งคุณชายของพวกเราเป็ซื่อจื่อกระมังเ้าค่ะ อนุเ้าคะ ในเมื่อตอนนี้ตรงนี้ยังมีเส้นทางให้เดิน เหตุใดไม่เดินไปล่ะเ้าคะ?”
อนุลวี่กล่าว “เช่นนั้นก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะต้องไปจวนผิงซีโหวพอดี ถึงตอนนั้นข้าจะปรึกษากับลูกสาวสักหน่อย”
แม่นมเฉียนกล่าว “ท่านอนุเ้าคะ หากจะส่งเด็กไปสืบทอดต่อ เช่นนั้นก็เป็ลูกของคนอื่นแล้ว คุณหนูใหญ่ของพวกเราเพราะว่าแต่งงานกับโหวเย่ถึงได้พาสินเดิมไปด้วย เช่นนั้นเด็กทั้งสองคนยังจะเอาไปด้วยหรือไม่เ้าคะ?”
ฟังถึงตรงนี้ ดวงตาของอนุลวี่ก็วาวขึ้นมา ดีใจจนตอนกลางคืนนอนไม่หลับ เช้าวันต่อมาก็รีบนั่งรถม้าไปที่จวนโหว
อนุลวี่เข้าไปทางประตูด้านหลังตรงมุมเล็กๆ เพราะลูกสาวของตัวเองเป็เ้าของเรือน อนุลวี่จึงมาได้บ่อยๆ แต่ว่าก็มักจะแอบผิงซีโหวเย่เข้ามา นางกลัวว่าเพราะตัวเองมาหาลูกสาวจะทำให้ผิงซีโหวเย่ไม่พอใจ แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะเื่นี้เสี่ยวเฉินซื่อเอาไปร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าผิงซีโหวเย่ ตอนนั้นทั้งสองคนเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน เป็่ที่ความรู้สึกกำลังดีที่สุด หลังจากที่ผิงซีโหวเย่รู้ว่าเสี่ยวเฉินซื่อน้อยใจ ทั้งยังให้ทรัพย์สินไม่ได้ นี่จึงทำให้เสี่ยวเฉินซื่อรู้สึกดีใจอย่างคาดไม่ถึง
เพราะว่าอนุลวี่เป็อนุ ไม่ถือว่าเป็ญาติที่แต่งเข้าจวนอย่างเป็ทางการ ทุกครั้งจะเดินทางเข้าที่ประตูตรงหัวมุมตลอดในใจก็จะแอบด่าทอ แต่ครั้งนี้ เพราะว่าในใจกำลังดีใจผิดปกติ จึงไม่สนใจอะไรแล้ว กลับเป็แม่นมที่นำทางอนุลวี่ไปทางเรือนของเสี่ยวเฉินซื่อที่เห็นท่าทางดีใจของอนุลวี่ ในใจก็แอบแปลกใจ ทุกครั้งที่อนุท่านนี้มามักจะทำหน้าโกรธเคือง เหตุใดครั้งนี้ถึงดีใจล่ะ?
เพราะว่าเสี่ยวเฉินซื่อจ่ายเงินซื้อคนให้ตามหาเจิ้งป๋อหยวนแต่หาไม่เจอ บวกกับหลายวันมานี้ไม่ค่อยสบายใจ อารมณ์จึงไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ พอได้ยินว่ามารดาของตนมาก็ยิ่งโมโห เสี่ยวเฉินซื่อรู้จักมารดาของตนเองดี มารดาของตนไม่ใช่คนที่มีความสามารถสักเท่าไหร่ ท่านพี่ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มาขอเงินตัวเองก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่ต้องหวังว่าพวกเขาจะช่วยตนเองวางแผน หลายปีมานี้เงินที่นางหามาได้ ส่วนใหญ่ก็เอามาเติมให้พวกเขาที่ทำตัวเหมือนถังไร้ก้น
เสี่ยวเฉินซื่อเห็นมารดาของตนเข้ามาด้วยสีหน้าเบิกบานก็ตกตะลึงไปนิดหน่อย อนุลวี่ยิ้มแล้วพูดกับเสี่ยวเฉินซื่อ “ข้าจะมาปรึกษากับเ้าเื่หนึ่งน่ะ”
เสี่ยวเฉินซื่อให้สาวใช้ในห้องออกไปให้หมด ก่อนที่อนุลวี่จะยืดตัวมาตรงหน้าของเสี่ยวเฉินซื่อ เล่าเื่ที่ตนเองคุยกับแม่นมเฉียนให้ฟัง ประเด็นสำคัญก็คือสินเดิมพวกนั้นของต้าเฉินซื่อ
เสี่ยวเฉินซื่อฟังแล้วก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรต่อ เพียงแค่พาอนุลวี่มาดูแลดีๆ ทั้งยังมอบของให้นางเอากลับไป ก่อนจะสั่งว่าเื่นี้ห้ามบอกคนอื่นอีก ถึงส่งกลับไป
แน่นอนเฉินจ้งกับฮูหยินผู้เฒ่าเฉินรู้ถึงความเคลื่อนไหวของอนุลวี่ หลังจากอนุลวี่กลับมา ก็สั่งให้คนไปจับตามองความเคลื่อนไหวของเสี่ยวเฉินซื่อที่จวนโหว จวนเฉินมีเงิน ทุ่มเงินซื้อคนใช้ที่จวนโหวก็เพื่อที่จะได้รับรู้เื่ที่เสี่ยวเฉินซื่อทำ เพียงครู่เดียวก็รู้ว่าเสี่ยวเฉินซื่อเริ่มคิดที่จะหางานมาให้ผิงซีโหวเย่แล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินพูดกับเฉินจ้ง “ผิงซีโหวเย่คนนี้น่ะ ดูท่าทางน่าเคารพ แต่ความจริงแล้วเป็คนที่เลอะเลือนมากที่สุด แต่ว่าเ้าดูเอาเถิด เขาถูกสตรีคนหนึ่งควบคุมเช่นนี้ ไม่มีทางมีจุดจบที่ดี ป๋อหยวนกับหยวนหยวนของพวกเราสามารถแยกออกจากพวกเขาได้นั้นย่อมเป็เื่ที่ดี”
เฉินจ้งกล่าว “ท่านแม่ขอรับ ข้าเคยได้ยินมาก่อน ลุงสองของผิงซีโหวเย่ ตอนนั้นเป็วีรบุรุษในสนามรบ ในตอนนั้นก็เพื่อช่วยฮ่องเต้องค์ก่อนถึงได้จากไป หากป๋อหยวนของพวกเราไปสืบทอดต่อก็ไม่มีข้อเสียอะไร ข้าวางแผนแล้วว่าหลังจากทำเื่นี้สำเร็จ ก็จะให้ป๋อหยวนแยกตัวออกจากจวนผิงซีโหว แล้วคิดหาวิธีส่งตัวเขาไปตรงหน้าฝ่าา ให้ฝ่าาทรงรับรู้ ต่อไปถึงแม้ผิงซีโหวทำเื่อะไรไม่ดี ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับป๋อหยวนแล้วก็หยวนหยวนขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินกล่าว “ส่งไปต่อหน้าฝ่าาจะต้องลำบากแค่ไหนหรือ?”
เฉินจ้งกล่าว “หลายวันก่อนข้าได้ขอให้คนหาลู่ทาง จึงรู้จักกับขันทีใหญ่อย่างเฉินอู่ฝู เฉินอู่ฝูท่านนี้เป็คนนิสัยดี ตอนที่ข้าคิดได้ก็เลยไปขอให้เขาช่วยคิดน่ะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉินกล่าว “เื่ด้านนอกเ้าก็ไปคิดหาวิธีมา แต่มีข้อแม้ข้อหนึ่ง อย่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในอันตราย ด้านหลังของเข้ายังมีคนแก่และเด็กในครอบครัวอยู่อีกมากมาย”
เฉินจ้งพยักหน้า “ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด ข้ารู้ขอรับ”
เสี่ยวเฉินซื่อรู้ว่าตัวเองพูดเื่นี้กับผิงซีโหวตรงๆ ไม่ได้แน่นอน
เจิ้งป๋อหยวนกับเจิ้งหยวนหยวนเป็บุตรที่เกิดจากภรรยาเอกคนแรก ถ้าหากผิงซีโหวเย่ยอมให้ลูกทั้งสองคนไปสืบทอดทางสายนั้นได้ง่ายๆ ก็จะทำให้คนหัวเราะเยาะ แต่เสี่ยวเฉินซื่อนอกจากศึกษาอารมณ์ของผิงซีโหวเย่มานานหลายปี ก็ยังศึกษานิสัยด้วย นี่คือสาเหตุที่ทำให้นางกว่าจะได้รับความรักจากในจวนนี้ได้ตลอดก็ต้องทุ่มเทแรงใจไปมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่านางรู้ตัวว่าหากพูดเื่นี้กับผิงซีโหวเย่ตรงๆ เช่นนี้ไม่เพียงจะไม่สำเร็จ ยังถูกผิงซีโหวเย่รังเกียจอีกด้วย เสี่ยวเฉินซื่อคิดอยู่นาน ถึงคิดได้ว่าจะให้คนจากที่อื่นมาช่วย แล้วจัดการเื่นี้ให้ดี
ผิงซีโหวสกุลเจิ้งครอบครัวนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงทั้งหมด บ้านเก่าอยู่ที่จี้โจว บรรพบุรุษของผิงซีโหวหลังจากใช้ความดีความชอบด้านการทหารจนได้ติดยศเป็โหว คนในตระกูลก็มาจากบ้านเก่าจำนวนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่กันในบ้านเกิด หลังจากผิงซีโหวได้ดิบได้ดีก็สร้างทรัพย์สินของตระกูลเอาไว้ให้ทางบ้านเก่าเยอะมาก มีทั้งสวนหลายร้อยไร่ แล้วก็ร้านค้าในเขตเล็กๆ ที่นั่นกับในเมือง ดังนั้นหัวหน้าผู้าุโของสกุลเจิ้งจึงอยู่ที่บ้านเก่ามาโดยตลอด ผลผลิตที่ได้มาจากไร่นาและร้านค้าต่างเป็สินทรัพย์ของตระกูล และหัวหน้าผู้าุโที่เป็คนดูแลทรัพย์สินในตระกูล หากหัวหน้าผู้าุโไม่อยู่เฝ้าทรัพย์สินที่นี่ได้หรือ?
ความจริงแล้วก็หากไม่ติดที่ตอนนั้นผิงซีโหวเย่ไม่ยอมให้คนในตระกูลไปอยู่กับตนเองที่เมืองหลวงเยอะถึงได้คิดเช่นนี้ออกมา คนในตระกูลก็คงจะไปที่เมืองหลวงกันหมดแล้ว จะต้องดูแลการกินดื่มของคนในครอบครัว คนเยอะ ความขัดแย้งก็เยอะ เงินที่ใช้จ่ายก็เยอะตามไปด้วย จึงเอาความยุ่งยากพวกนี้ตัดออกก่อน ทั้งยังสามารถได้รับชื่อเสียงดีๆ อีก แบบนี้มันก็ดีมากไม่ใช่หรือ?
ถึงแม้จวนผิงซีโหวจะเป็ปู่ของเจิ้งป๋อหยวนสืบทอด แต่เพราะว่าตอนนั้นปู่สองของเจิ้งป๋อหยวนได้ช่วยฮ่องเต้องค์ก่อนเอาไว้ถึงได้ตกตายจากไป ฮ่องเต้องค์ก่อนจึงได้ให้ป้ายเหล็กสีชาดกับปู่รองของเจิ้งป๋อหยวนเอาไว้ ตอนนี้จึงวางอยู่ในหอบรรพบุรุษ
เพราะว่าเสี่ยวเฉินซื่อเป็ฮูหยินของผิงซีโหวเย่ ใกล้ชิดกับพวกคนที่บ้านเก่าของสกุลเจิ้งค่อนข้างมาก เสี่ยวเฉินซื่อเองก็ค่อนข้างจะเป็คนที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียง เื่มากมายที่เกี่ยวกับหน้าตาจึงจัดการออกมาได้ไม่เลวเลย
หลังจากใช้คำพูดสอบถามท่าทีของผิงซีโหวเย่ที่มีต่อเื่ที่จะไปสืบทอดต่อเสร็จแล้ว เสี่ยวเฉินซื่อก็ตัดสินใจให้ผู้าุโในตระกูลออกหน้าไปบีบผิงซีโหวเย่แทน
สกุลเจิ้งมีหลายคนที่มาพึ่งจวนโหวเพื่อใช้ชีวิตในเมืองหลวง เสี่ยวเฉินซื่อจึงเอาแผนเื่การสืบทอดเสนอให้กับคนเหล่านี้ มีคนได้ยินแล้วสนใจ ก็กลับไปหาหัวหน้าผู้าุโของสกุลเจิ้ง อยากจะขอให้หัวหน้าผู้าุโไปคุยกับผิงซีโหวเย่ พื้นที่ที่ผิงซีโหวเย่เอาไว้มีจำนวนมาก ความจริงแล้วเป็การสร้างเรือนสองเรือนจากทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก ตอนที่ปู่รองของเจิ้งป๋อหยวนเสียชีวิต ฮ่องเต้องค์ก่อนเคยพูดกับผิงซีโหวเย่คนก่อนเอาไว้ว่า ต่อไปลูกชายปู่รองของเจิ้งป๋อหยวนเติบโตเป็ผู้ใหญ่แล้ว ก็ให้ออกมาสร้างจวนของตัวเอง ผู้ใดจะไปคิดว่าเด็กคนนั้นจะร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาถึงแม้จะพยายามบำรุงอย่างไร สุดท้ายก็ตายจากไปอยู่ดี และเพราะว่าตายจากไปั้แ่ยังเด็ก ตอนนั้นยังไม่ได้คิดว่าจะให้เด็กมาสืบทอดเชื้อสายของฝั่งทางนี้ อีกทั้งตอนนั้นเป็เพราะผิงซีโหวเย่คนก่อนมีลูกสาวสามคนและก็มีแค่ผิงซีโหวเย่ที่เป็บุตรชายเพียงคนเดียว หากจะเอาในเชื่อสายของบรรพบุรุษมาสืบทอดเชื้อสายต่อก็ต้องแบ่งจวนโหวออกเป็สองส่วน ยังมีป้ายเหล็กอักษรชาดที่หอบรรพบุรุษอีก นี่ล้วนเป็เื่ที่ยุ่งยาก ผิงซีโหวเย่คนก่อนจึงวางเื่การสืบทอดต่อลงไป
เื่นี้ก็ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา พวกเด็กๆ ต่างไม่รู้ว่าเป็เื่อะไร แต่ในบรรดาผู้เฒ่าหลายคนต่างรู้ดี
ผู้าุโของตระกูลเจิ้งได้ยินข่าวลือนี้ ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับ ตอนนั้นเรือนสองของผิงซีโหวเคยไปขอเด็กคนหนึ่งมาเป็บุตรบุญธรรม ไม่เพียงจะจุดธูปสืบทอดสายเืต่อ ยังมีป้ายเหล็กอักษรชาดนั่นอีก ถึงแม้จะไม่มีฉายาอะไร แต่หากมีป้ายเหล็กอักษรชาดอยู่ก็เท่ากับเป็เครื่องมือช่วยชีวิตได้
พวกนี้ล้วนเป็เื่ที่ทำให้ผู้คนใจเต้น ผู้าุโพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ภรรยาของเขาจึงถาม “เ้าพูดสิ ดึกดื่นเที่ยงคืนไม่หลับเช่นนี้ เป็อะไรไป”
ผู้าุโกล่าว “มีคนกลับมาจากเมืองหลวง บอกว่าให้ข้าช่วยพูดกับโหวเย่เื่สืบทอดเด็กจากตระกูลหลักให้ไปที่ตระกูลรอง”
ภรรยาของผู้าุโกล่าว “พูดไร้สาระอันใด จวนโหวเป็ลูกชายคนเดียวไม่ใช่หรือ จะมีเรือนสองได้อย่างไร?”
ผู้าุโกล่าว “พี่ชายคนที่สองที่ไปตายในามีลูกอยู่คนหนึ่งไม่ใช่หรือ ต่อมาก็ตายั้แ่อายุยังน้อย สายเืของพวกเขาก็ถือว่าขาดไป ไม่รู้ว่าเป็ผู้ใดพูดขึ้นมา ถ้าหากไม่ให้เด็กคนนี้จุดธูปสืบทอดสายเืนี้ต่อ ราชสำนักก็จะยึดเอาป้ายเหล็กอักษรชาดกลับคืนไปอย่างแน่นอน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้