“ได้สิไหนๆ ก็ถึงเวลาที่เ้าสมควรกลับไปเยี่ยมบ้านอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่อนุญาตให้ค้างคืน มิเช่นนั้นเจิ้นคงคิดถึงเ้า”เย่หงอี้ตวัดปลายนิ้วบนพวงแก้มนวลของเหยาโม่หว่าน แต่แค่ััเพียงผิวเผิน ร่างกายของเขากลับฮึกเหิมพร้อมจะก่อการร้ายเสียแล้วเย่หงอี้นึกประหลาดใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของตนเองยิ่ง นับั้แ่รู้ความมาจนถึงบัดนี้ยังไม่เคยมีสตรีใดที่สามารถสร้างความหวั่นไหวในหัวใจของเขาได้ง่ายดายเพียงนี้มาก่อนแม้กระทั่งยามที่หลงรักเหยาโม่ซินด้วยความจริงใจ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้
“หว่านเอ๋อร์ก็คิดถึงฝ่าาเพคะ”เหยาโม่หว่านเขย่งปลายเท้าจุมพิตแ่เบาดังแมลงปอแตะผิวน้ำบนใบหน้าของเย่หงอี้ เย่จวินชิงเพิ่งเดินเข้ามาเห็นฉากนี้เข้าพอดีต้องยอมรับว่าใบหน้าด้านข้างของเหยาโม่หว่านคล้ายคลึงกับโม่ซินมากเหลือเกิน เื่ราวในอดีตไหลบ่าเข้ามาในความทรงจำดุจสายน้ำเชี่ยวกราก
โม่ซินทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อเย่หงอี้แต่สุดท้ายกลับมิอาจครองคู่ไปจวบจนแก่เฒ่า ยามที่เขาและนางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามราตรีที่เคหาสน์คลื่นวารีในคืนนั้นนางเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมาว่าได้เลือกดวงดาวประจำใจของตนเองแล้ว ประกายเจิดจรัสในแววตาของนางทำให้เย่จวินชิงตัดสินใจยกทัพไปช่วยเย่หงอี้ที่ติดกับดักของศัตรูโดยไม่ลังเล เพียงเพราะไม่อาจทนเห็นโม่ซินหัวใจสลายหากไม่ได้เห็นดวงดาวประจำใจของตนเองดวงนั้น
“หว่านเอ๋อร์เ้าคงไม่ลืมพระกระยาหารเช้าของจวินชิงหรอกกระมัง?” เมื่อเห็นเย่จวินชิงมาปรากฏตัวเย่หงอี้ก็งอนิ้วชี้กดลงไปที่ปลายจมูกของเหยาโม่หว่าน พลางเอ่ยวาจากระเซ้ากลั้วหัวเราะอย่างอ่อนโยน
“อ๋า...มาด้วยหรือเนี่ยหว่านเอ๋อร์นึกว่าท่านไม่กินข้าวแล้วเสียอีก จะทำอย่างไรดีเล่า?” เหยาโม่หว่านหันไปมองเย่จวินชิงอย่างตระหนกทำทีเหมือนเพิ่งนึกได้ นับั้แ่รู้ว่าเหยาโม่หว่านแกล้งโง่ ทุกคราที่เห็นนางทำท่าทางไร้เดียงสาเย่จวินชิงก็มักเกิดความรู้สึกต่อต้าน
“กระหม่อมทูลลา”เย่จวินชิงไม่ชำเลืองแลเหยาโม่หว่านแม้แต่น้อย ประสานมือค้อมเอวเตรียมจะถอยออกไปจากตำหนักแต่กลับถูกเย่หงอี้รั้งตัวไว้ก่อน
“จวินชิงวันนี้หว่านเอ๋อร์จะกลับจวนอัครเสนาบดี เจิ้นมีราชกิจต้องสะสาง เ้าช่วยไปอารักขานางแทนทีเถิดอย่าให้ผู้ใดมารังแกดวงใจของเจิ้นเป็อันขาด” แม้เย่หงอี้จะกล่าววาจาเหมือนเป็เื่เล็กน้อยทว่าสะท้อนการวางอำนาจไม่ให้ปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัด
“กระหม่อม...”
“ฝ่าาช่างแสนดียิ่งของพวกนี้ท่านช่วยถือไว้หน่อยแล้วกัน” พอเห็นเย่จวินชิงมีเจตนาบ่ายเบี่ยง เหยาโม่หว่านก็ตรงดิ่งเข้าไปหาแล้วยัดห่อผ้าใส่มือเขาทันทีโดยไม่มีความเกรงอกเกรงใจแม้แต่กระผีกริ้น
“ฝ่าาเช่นนั้นหว่านเอ๋อร์ไปก่อนนะเพคะ” เหยาโม่หว่านหันไปจูงมือเหยาอวี้ กล่าวอำลาอย่างไม่มีพิธีรีตองประโยคหนึ่งก่อนเดินออกไปจากตำหนักกวานจวี เมื่อเห็นคราบน้ำมันที่ซึมออกมาจากห่อผ้าเปื้อนอาภรณ์ของตนเองเย่จวินชิงพลันอารมณ์เสียอยากระบายความหงุดหงิดกับใครสักคน แต่ก็รีบสาวเท้าตามนางออกไปส่วนหลิวสิ่งกับทิงเยว่หลังจากถวายบังคมลาแล้ว ถึงค่อยตามออกไปหลังสุด
เย่หงอี้มองเงาหลังของเย่จวินชิงที่เดินจากไปประกายเย็นเยียบปานน้ำแข็งพุ่งออกมาจากก้นบึ้งดวงตา จวนอัครเสนาบดีเหยาคือสถานที่ที่เย่จวินชิงได้พบกับเหยาโม่ซินเป็ครั้งแรกการต้องกลับไปเยือนถิ่นเดิมที่เต็มไปด้วยความหลังคงสร้างความปวดร้าวใจให้ไม่น้อย แม้ว่ายังไม่อาจสังหารเย่จวินชิงเพลานี้แต่ตนเองก็ไม่คิดจะให้เขาอยู่อย่างสุขกายสบายใจนัก
เนื่องจากเป็การเดินทางอย่างไม่เป็ทางการจึงไม่ต้องจัดขบวนใหญ่โต เหยาโม่หว่านมอบหมายให้หลิวสิ่งเป็คนบังคับรถ แล้วให้ทิงเยว่พาเหยาอวี้ขึ้นไปนั่งด้านในส่วนตนเองกับเย่จวินชิงแยกไปนั่งรถม้าอีกคันหนึ่ง
“โกหกเก่งดีนี่ลีลาแกล้งโง่ยิ่งชำนาญเหมือนผ่านการฝึกปรือมาหลายปี ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าไฉนโม่ซินถึงมีน้องสาวอย่างเ้าได้”หากไม่เพราะหอบห่อขนมพะรุงพะรังอยู่ในมือ ให้ตายเขาก็ไม่ยอมนั่งร่วมรถกับเหยาโม่หว่านเป็อันขาด
“แบบนี้ไม่ดีหรือไร?อย่างน้อยฝ่าาก็โปรดปราน” เหยาโม่หว่านวางเฉย ตอบกลับไปอย่างไม่นำพา
“นั่นเป็เพราะเ้าคือน้องสาวของโม่ซินต่างหากฝ่าาถึงได้แสดงความโปรดปราน!” เย่จวินชิงแสดงท่าทีขึงขังจริงจัง ในสายตาเขา ความดีงามของโม่ซินยากจะหาไหนมาเปรียบปานยอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเย่หงอี้ พี่ชายของตนเองผู้นั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่รักนาง
ทุกคราที่เห็นโม่ซินดวงหน้าของนางมักอิ่มเอมไปด้วยความสุข ส่วนคำรับสารภาพว่าคบชู้สู่ชายฉบับนั้น เย่จวินชิงก็เชื่อว่านางยินดีลงนามทิ้งหลักฐานไว้ด้วยความยินยอมพร้อมใจเพราะ้าพิทักษ์บัลลังก์ของเย่หงอี้ให้มั่นคง
“ที่แท้หวางเยี่ยก็คิดเช่นนี้เอง...เฮ่อ... ทรงปราดเปรื่องปรีชา มองการณ์กว้างไกล สมเป็เอกบุรุษไร้เทียมทานโดยแท้” เหยาโม่หว่านอมยิ้มบางเบามองเย่จวินชิงทว่านิ้วมือเรียวดุจแท่งหยกภายใต้แขนเสื้อกลับค่อยๆ ขดลงมากำแน่นจนรู้สึกเจ็บ ถึงได้หยุดอยู่แค่นั้น
“เ้าหมายความว่าอย่างไร?”วาจาของนางฟังอย่างไรก็เหมือนไม่ใช่คำชม เย่จวินชิงถลึงตาใส่อย่างเกรี้ยวกราด เหยาโม่หว่านเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อข่มใจตนเองมิให้ด่าว่าเขาโง่งม แต่จะไปโทษคนที่ไม่เคยรู้อะไรเลยได้อย่างไร เหยาโม่หว่านรู้สึกสลดหดหู่อยู่เงียบๆจวบจนกระทั่งถึงจวนอัครเสนาบดีก็มิได้ให้คำตอบใดต่อเย่จวินชิง