กูเฟยเยี่ยนก้าวเท้าขึ้นไปยังรถม้า จวินจิ่วเฉินยังคงปลอมกายเป็ผู้คุ้มกันและเดินเคียงคู่ไปกับเหมยกงกง
กูเฟยเยี่ยนกำลังครุ่นคิดว่าควรที่จะนัดเขาไปพบในสถานที่อื่นดีหรือไม่ เพราะถ้าบังเอิญไปพบเจอหัวหน้าผู้ดูแลซ่างกวนในหอการค้าเสวียนคง มันจะเป็เื่ที่ไม่ดีแน่ ทว่าซ่างกวนฟูเหรินไม่ได้พาพวกเขาไปที่กิจการใหญ่ของหอการค้าเสวียนคง ซ่างกวนฟูเหรินพาพวกเขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่หลบซ่อนตัวอยู่ในตรอกลึก สถานที่แห่งนี้คือเรือนอันเงียบสงบที่อยู่ท่ามกลางความอึกทึกครึกโครม
ถึงแม้ว่าซ่างกวนฟูเหรินจะมีสีหน้าที่ไม่ดีนัก ทว่าระหว่างทางก็ไม่ได้กลั่นแกล้งนาง เพราะซ่างกวนฟูเหรินเอาแต่เงียบมาตลอดการเดินทางหลังจากที่เข้ามาในเรือนแล้ว ซ่างกวนฟูเหรินก็ยังคงปิดปากเงียบและพาพวกเขาเดินตรงไปด้านใน ฝีเท้าของกูเฟยเยี่ยนสงบนิ่ง แต่ภายในใจมีความตื่นเต้นแบบที่ยากจะเลี่ยงได้ นางจินตนาการไม่ออกว่าหัวหน้าใหญ่ในตำนานที่มีอายุสี่สิบกว่าปี ผู้ที่ทรงพลังราวกับเป็ทหารและเฉลียวฉลาดกว่าพ่อค้ารายย่อยอย่างเขาจะมีลักษณะเช่นไร
กูเฟยเยี่ยนคิดว่าอายุของบุคคลระดับสูงผู้นี้น่าจะพอๆ กับชายชราเฉกเช่นเทียนอู่ฮ่องเต้กับผู้ที่เคร่งขรึมจริงจังประเภทเดียวกันกับแม่ทัพฉี บวกกับเขาติดสุรามานานหลายปี บางทีเขาอาจจะเป็ชายพุงพลุ้ยก็เป็ไปได้!
เมื่อเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ กูเฟยเยี่ยนก็ได้กลิ่นสุราอ่อนๆ โชยมาอย่างรวดเร็ว กลิ่นเช่นนี้มีความพอดี ถ้ามากกว่านี้จะไม่ดี ถ้าน้อยกว่านี้จะไม่เพียงพอ ถึงแม้ว่าจะเป็ผู้ที่ไม่ชอบดื่มสุรา แต่เมื่อได้ดมกลิ่นหอมกรุ่นที่ดึงดูดเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะอยากลิ้มลอง
กูเฟยเยี่ยนวิเคราะห์ออกมาได้อย่างรวดเร็วว่านี่คือสุราที่ซ่างกวนฟูเหรินนำกลับมา ในตอนนี้กำลังถูกปรุงอยู่ สุราสมุนไพรทำได้ง่าย โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความแรงของไฟ จากกลิ่นนี้ทำให้ทราบว่าผู้ที่กำลังปรุงสุราควบคุมความแรงของไฟได้อย่างสมบูรณ์แบบ
กูเฟยเยี่ยนเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็พบกับห้องที่มีบานหน้าต่างทั้งสี่ด้านและตั้งอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ ภายในห้องมีการนำหญ้ามาปูไว้บนพื้น และมีชายชุดดำคนหนึ่งกำลังนั่งปรุงสุราอยู่บนพื้น
เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นว่าเขาใช้มือข้างหนึ่งถือช้อนไม้ไผ่กวนสุราร้อนๆ ในหม้อเบาๆ มืออีกข้างหนึ่งวางอยู่บนขาที่ยกขึ้นมา เขานั่งอยู่อย่างเงียบเชียบจนทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความโล่งสบาย แต่ก็ไม่สูญเสียความสุขุมเยือกเย็น รูปร่างของเขาน่าจะดีมาก ร่างสูงตั้งตระหง่านและผอมเล็กน้อย สวมใส่ชุดจิ้นจวงสีดำ ถึงแม้ว่าจะนั่งอยู่บนพื้นแต่ก็ยังให้ความรู้สึกโอหังและอวดดี
ระยะห่างไม่ใกล้นัก และชายคนนั้นก็นั่งหันข้าง กูเฟยเยี่ยนจึงมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจน ทว่าจากการพิจารณาท่านั่งและรูปร่างแล้ว นางคิดว่าอายุของเขาน่าจะยังไม่เกินสามสิบ นางมีความสงสัยเหลือเกิน การที่คนผู้นี้สามารถนั่งปรุงสุราที่นี่ได้อย่างสบายอกสบายใจ เขาจะต้องไม่ใช่บ่าวรับใช้อย่างแน่นอน และเขาก็ดูไม่เหมือนแขกด้วย หรือว่าจะเป็นายน้อยของหอการค้าเสวียนคง? แต่ว่าเถ้าแก่เฉิงมีบุตรชายเพียงคนเดียวและในปีนี้ก็มีอายุแค่สิบห้าปี อาศัยอยู่ที่ป้อมปราการซ่างกวน น้อยครั้งที่จะมาเมืองลั่วเสีย
คนผู้นี้คือใคร?
เถ้าแก่เฉิงอยู่ที่ใดกัน?
ในขณะที่กูเฟยเยี่ยนเดินตรงไปข้างหน้าก็พึมพำในใจ ภารกิจในค่ำคืนนี้จะดุเดือดมาก นางไม่้าให้มีคนมาแทรกกลางคันและทำลายแผนการของนาง! ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มากเพียงใดก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นมากเพียงนั้น ไม่ช้ากูเฟยเยี่ยนก็ตระหนักได้ว่าตนเองวิเคราะห์ไว้ผิด ชายผู้นี้น่าจะไม่ได้อยู่ในวัยยี่สิบกว่าๆ แต่เขามีอายุอยู่ในวัยสามสิบกว่าๆ
ในเวลานี้ ซ่างกวนฟูเหรินก็เอ่ยออกมา “หัวหน้าาุโ คนมาแล้ว! ”
หัวหน้าาุโ?
เป็ไปได้หรือไม่ว่าเขาคือเถ้าแก่เฉิงตัวจริง?
กูเฟยเยี่ยนใเหลือเกิน ในขณะนี้เองชายคนนั้นก็ค่อยๆ หันมามอง ครั้นกูเฟยเยี่ยนเห็นใบหน้าของเขา นางก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง
ชายผู้นี้มีตาข้างเดียว เขาสวมผ้าปิดตาบดบังดวงตาข้างหนึ่ง ทว่าจุดนี้ไม่มีผลกระทบต่อความหล่อเหลาของเขาเลย! ลักษณะบนใบหน้าของเขาสมบูรณ์แบบราวแกะสลัก ั์ตาลุ่มลึกเ็า ถึงแม้ว่าจะเคลื่อนไหวเงยหน้าอย่างตามใจนึก แต่ก็ให้ความรู้สึกหนักแน่น ดุดัน และหยิ่งผยอง อีกทั้งยังก่อให้เกิดความเคารพยำเกรงโดยไม่รู้ตัว
กูเฟยเยี่ยนทราบว่าตนเองวิเคราะห์ผิดอีกแล้ว ชายผู้นี้ไม่ได้อยู่ในวัยสามสิบ แต่อยู่ในวัยสี่สิบ เพียงแต่กาลเวลาหาได้ทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าและรูปร่างของเขา ทั้งหมดล้วนสะสมอยู่ในดวงตาและจิตใจของเขา
ชายผู้นี้ไม่ได้อยู่ใน่ของวัยหนุ่ม แต่ก็ไม่ได้มีความเป็ผู้ใหญ่เลย ความหนักแน่นดุดันบนกายเขาคือสิ่งที่วัยหนุ่มทั่วไปยากที่จะมี สิ่งเหล่านี้ก็คือสิ่งที่ดึงดูดสตรีทุกวัย!
กูเฟยเยี่ยนมองไปมองมาจนเกิดภาพลวงตา นางรู้สึกว่าดวงตาที่บดบังเอาไว้ของชายผู้นี้ไม่ได้บอด นางเกิดความวู่วามอยากจะไปดึงผ้าปิดตานั่นออกเพื่อดูใบหน้าของเขาทั้งหมด ดูว่าเขาซ่อนเื่ราวในอดีตและความลับแบบใดไว้ในดวงตา
เถ้าแก่เฉิงเช่นนี้แตกต่างกับที่นางจินตนาการไว้ราวฟ้ากับดิน!
อย่าว่าแต่กูเฟยเยี่ยนเลย เพราะแม้แต่จวินจิ่วเฉินยังเกิดความคาดไม่ถึง ทว่าเขาก็กลับมาสงบนิ่งตามปกติอย่างรวดเร็ว
กูเฟยเยี่ยนมองเถ้าแก่เฉิง เถ้าแก่เฉิงก็มองนางเช่นกัน
เขาพิจารณานางั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า สุดท้ายสายตาเ็าก็ไปอยู่ที่ใบหน้าของนาง เขามองอยู่นานก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเ็า “เ้าเป็บุตรีของตระกูลใดกัน? ข้าเคยพบเ้าหรือไม่? ”
เคยพบ?
กูเฟยเยี่ยนไม่เข้าใจ ร่างเดิมไม่เคยพบเจอเถ้าแก่เฉิงมาก่อนอย่างแน่นอน สำหรับตัวนางเองก็น่าจะเป็ไปไม่ได้? ต่อให้นางเคยพบเขาก่อนอายุแปดปี แต่ในปัจจุบันนี้รูปร่างหน้าตาของนางแตกต่างจากในวัยเด็กอย่างสิ้นเชิง เถ้าแก่เฉิงไม่มีทางคุ้นเคยสิ!
กูเฟยเยี่ยนตอบกลับอย่างไม่คิดมากนัก “ไม่เคยพบกันมาก่อน เสี่ยวหนวี่จื่อเป็ตัวแทนของเถ้าแก่หมู่บ้านคีรีบุปผาจันทร์ มีนามว่ากู้เสี่ยวเยี่ยน ขอคารวะเถ้าแก่เฉิง”
“หมู่บ้านคีรีบุปผาจันทร์?”
เถ้าแก่เฉิงจึงหันไปมองจวินจิ่วเฉินกับเหมยกงกงที่อยู่ด้านหลังกูเฟยเยี่ยน และสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่จวินจิ่วเฉิน จวินจิ่วเฉินรู้ว่าเถ้าแก่เฉิงสังเกตถึงเขา แต่เขาก็ยังคงนิ่งเฉยและกักเก็บพลังอำนาจทั้งหมด บัดนี้เขาให้ความรู้สึกนิ่งสงบดั่งูเา มั่นคงประดุจเขาไท่ซาน
ไม่มีผู้ใดทราบว่าว่าเถ้าแก่เฉิงสังเกตเห็นสิ่งใดหรือไม่ เขาเลิกมองแล้วเทสุราลงแก้ววางไว้บนโต๊ะพลางเรียกให้กูเฟยเยี่ยนเข้าไป
กูเฟยเยี่ยนถอดรองเท้าแล้วนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างโต๊ะ ไม่ช้าซ่างกวนฟูเหรินก็เดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าซ่างกวนฟูเหรินไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนแอ แต่เมื่อนางนั่งอยู่ข้างเถ้าแก่เฉิงแล้วกลับให้ความรู้สึกตัวเล็กน่ารัก ซึ่งแน่นอนว่าสายตาของนางยังคงเปิดเผยถึงความดุร้าย
เมื่อเผชิญหน้ากับสามีภรรยาเช่นนี้ ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็ััได้ถึงความกดดัน และในขณะนี้เอง จวินจิ่วเฉินก็ถอดรองเท้าพลันเดินเท้าไปโดยไม่ได้รับเชิญ ร่างสูงเดินไปนั่งคุกเข่าบริเวณด้านหลังฝั่งซ้ายของกูเฟยเยี่ยนพลางก้มศีรษะเล็กน้อยราวกับเป็ผู้พิทักษ์รักษาที่จงรักภักดี
กูเฟยเยี่ยนหันหลังกลับไปมอง เมื่อมีคนหนุนหลังเช่นนี้ นางจึงปราศจากความเกรงกลัวอย่างฉับพลัน จิตใจที่ห้อยโหนด้วยความประหม่าก็ผ่อนคลายลง และในยามนี้เหมยกงกงที่ตกตะลึงอยู่ก็รีบเข้าไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังของกูเฟยเยี่ยนทางฝั่งขวา
กูเฟยเยี่ยนหันกลับมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางสงบนิ่ง มือทั้งสองข้างถือแก้วสุรามาคารวะเถ้าแก่เฉิง ก่อนจะดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นจึงเทอีกสองแก้วมาคารวะสองครั้งแล้วดื่มหมดรวดเดียวเช่นกัน
“เถ้าแก่เฉิง ผู้น้อยใช้ชื่อเสียงของท่านโดยพลการ สามแก้วนี้ ผู้น้อยลงโทษตนเอง”
นางเอ่ยแล้วคารวะซ่างกวนฟูเหรินอีกสามแก้วก่อนจะดื่มรวดเร็วจนหมด “ซ่างกวนฟูเหริน ผู้น้อยหลอกลวงท่าน สามแก้วนี้ คือการลงโทษตนเองเช่นกัน”
ความแรงของสุราสมุนไพรตัวนี้ไม่น้อยเลย การที่ดื่มรวดเดียวหกแก้วเช่นนี้พอที่จะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ทว่าเถ้าแก่เฉิงไม่คล้อยตาม เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “พูดมาก่อนว่าเ้ามาเพื่อสิ่งใด”
กูเฟยเยี่ยนไม่สนใจว่าเขาจะคล้อยตามหรือไม่ นางรอประโยคนี้ของเขา “มาเพื่อสุรา สุราดีถึงเพียงนี้ ถ้าถูกทำลายลง! จะน่าเสียดายแย่เลย!”
ั์ตาของเถ้าแก่เฉิงปรากฏถึงความเ็า เขามองกูเฟยเยี่ยนโดยไม่เอ่ยวาจาใดๆ
กูเฟยเยี่ยนรีบนำสุราสองสามขวดที่นางพกออกมา จากนั้นจึงนำสุราหนึ่งขวดมาเทใส่แก้วหนึ่งใบพลางยื่นไปให้ “เถ้าแก่เฉิง ท่านลองชิมเสียหน่อย”
เพียงแต่เถ้าแก่เฉิงกลับเอ่ยออกมาว่า “บอกสูตรสุราและขั้นตอนสำคัญออกมาแล้วข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยในเื่ของหอโคมเขียวกับเ้า สำหรับเื่ของการค้าขาย ตัวข้าหัวหน้าสมาคมผู้นี้ไม่สนใจ”