ครั้นมองไปยังหญิงสาวที่นอนหลับอย่างเงียบสงบในอ้อมอก จวินจิ่วเฉินจึงเกิดความตกตะลึงอย่างยิ่ง
เศษซากความทรงจำเมื่อคืนนี้หลั่งไหลเข้ามาในศีรษะ เขาจำรายละเอียดไม่ได้ รู้เพียงแค่เื่ราวบางส่วนและไม่ค่อยจะแน่ใจนัก เขาดื่มมากเกินไปจริงๆ เขาจำได้อย่างเลือนรางว่าหลังจากที่ตนเองเมาเคลิ้มไป พิษไอเย็นก็กำเริบขึ้น
เขาโอบกอดสิ่งของบางอย่างที่มีความอบอุ่นเป็พิเศษ สิ่งนั้นช่วยชีวิตเขาไว้
หรือว่าแหล่งที่มาของความอบอุ่นนั้นไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็…นาง?เป็นางอีกแล้วหรือ?
เขานอนโอบกอดนางมาหนึ่งคืน? นาง...นางสงบเสงี่ยมปล่อยให้เขานอนโอบกอดได้ตามอำเภอใจ?
จวินจิ่วเฉินกำลังไตร่ตรอง เหมยกงกงอุทานด้วยความดีใจเป็ล้นพ้น "จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ในที่สุดพระองค์ก็ตื่น ในที่สุดก็ตื่นแล้ว! ”
ทันทีที่เหมยกงกงเปล่งเสียงออกมา จวินจิ่วเฉินก็หันศีรษะไปมองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นะเืมาแต่กำเนิดแข็งทื่อทันที นอกจากนี้ั์ตาของเขายังปรากฏถึงความตกตะลึงที่พบเจอได้ยากอีกด้วย
เหมยกงกงอยู่ในห้องเช่นกัน? เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหมยกงกงทราบมากเพียงใดกัน?
ถึงแม้ว่าจะรู้สึกประหลาดใจมากและรับมือไม่ทัน ทว่าจวินจิ่วเฉินก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจปล่อยกูเฟยเยี่ยนอย่างแน่วแน่ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพลางลงมือตัดไฟแต่ต้นลม จวินจิ่วเฉินถามอย่างเ็า “เหมยกงกง เมื่อคืนนี้เ้าเฝ้าอยู่ทั้งคืน? เ้าฉวยโอกาสทำสิ่งใดในขณะที่เปิ่นหวางเมา! ”
เดิมทีเหมยกงกงมีความกังวล แต่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เขาก็ใจนิญญาแทบจะหลุดออกจากร่าง เขารีบะโขอความเป็ธรรม “เตี้ยนเซี่ย ฮือ เข้าใจเหล่านู๋ผิด! เหล่านู๋เฝ้าอยู่ที่นี่ทั้งคืน เหล่านู๋ไม่กล้าหลับตาทั้งคืน! ”
ยิ่งจวินจิ่วเฉินมีข้อสงสัยมากเพียงใด ใบหน้าของเขาก็ยิ่งเ็ามากขึ้น
เหมยกงกงรีบอธิบาย “เตี้ยนเซี่ย เมื่อคืนนี้หลังจากที่พระองค์เมาเคลิ้ม จู่ๆ ร่างกายของพระองค์ก็เกิดความเย็น"
“ศาสตราจารย์แพทย์กูบอกว่าเป็เพราะสุราเย็นเกินไป ความหนาวเย็นจึงเกิดจากภายใน ศาสตราจารย์แพทย์กูออกใบสั่งยาให้เหล่านู๋ไปจัดเตรียม เมื่อเหล่านู๋กลับมาก็...ก็เห็น…”
เหมยกงกงมีความลังเล เขาไม่กล้าเอ่ยเจาะจงเกินไปจึงเอ่ยแค่ว่า “เหล่านู๋เห็นเตี้ยนเซี่ยกำลังหลับใหลอยู่กับศาสตราจารย์แพทย์กู เหล่านู๋ไม่ทราบว่าเกิดเหตุใดขึ้นเช่นกัน เหล่านู๋เรียกพระองค์แล้วแต่พระองค์ไม่ตื่น เหล่านู๋เรียกศาสตราจารย์แพทย์กูด้วยเช่นกัน ทว่านางก็ไม่ตื่น"
สายตาของจวินจิ่วเฉินชำเลืองมองไปยังกูเฟยเยี่ยนที่นอนตะแคงข้าง เขาครุ่นคิดในใจ เกรงว่าเมื่อคืนนี้นางจะจงใจแยกตัวเหมยกงกงออกไปเพื่อช่วยเขา เพียงแต่ว่าที่นี่ไม่มีแร่ศิลาโอสถในการแช่ยาสมุนไพร นางช่วยชีวิตเขาได้อย่างไร? นางช่วยเขา แต่ทำไมถึงนอนอยู่บนเตียงโดยที่ปลุกไม่ตื่น?
จวินจิ่วเฉินที่ไม่รับรู้สถานการณ์ยังคงไม่กล้าแสดงท่าทีออกมาง่ายๆ เขายังคงนิ่งเงียบ
เหมยกงกงวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อเห็นว่าจวินจิ่วเฉินไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา เขาจึงทำได้เพียงกัดฟันอธิบายต่อ “เตี้ยนเซี่ย เมื่อคืนนี้เหล่านู๋พยายามสุดความสามารถแล้ว พระองค์ พระองค์ โอบกอดศาสตราจารย์แพทย์กูแน่นเกินไป เหล่านู๋จึงดึงไม่ออก…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จวินจิ่วเฉินจึงหลบหลีกสายตาของเหมยกงกงทันที ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาคลึงขมับ โดยที่ไม่ทราบว่าเขากำลังปกปิดความอึดอัดหรือกำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่
เหมยกงกงจึงกล่าวต่อ “เหล่านู๋หยิกศาสตราจารย์แพทย์กูหลายต่อหลายครั้ง แต่ศาสตราจารย์แพทย์กูก็ไม่ตื่น! ”
หยิกนาง?
จวินจิ่วเฉินขมวดคิ้วทันที ชายหนุ่มมองย้อนกลับไปด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและเ็าอย่างน่าหวาดกลัว
เหมยกงกงจะไปทราบได้อย่างไรว่าเ้านายตรงหน้าไม่พอใจถึงสิ่งใด เขาเพียงแค่คิดว่าเ้านายไม่เชื่อเขา เขาใจนต้องรีบคุกเข่าลง แม้ว่าจะได้รับคำสั่งให้มาเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหว ทว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็เพียงแค่นู๋ไฉ และมีหน้าที่ในการรับใช้อยู่ข้างกาย เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ฝ่าาจะต้องลงโทษเขาอย่างหนัก ถ้าหากว่าเตี้ยนเซี่ยสืบความต่อไป เขาจะถูกตัดสินโทษปะาชีวิตอย่างแน่นอน!
“เตี้ยนเซี่ยโปรดไว้ชีวิตด้วย! เหล่านู๋ไม่กล้าหลอกลวงเตี้ยนเซี่ยอย่างแน่นอน คำพูดที่เหล่านู๋เอ่ยออกมาล้วนจริงแท้แน่นอน! เตี้ยนเซี่ย เอาเป็ว่าปลุกศาสตราจารย์แพทย์กูก่อน ศาสตราจารย์แพทย์กูจะต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! ต้องรู้แน่นอน! "
ในขณะนี้กูเฟยเยี่ยนพลิกตัวไปมาพลางคว้าหมอนมากดลงบนศีรษะของตนเองราวกับว่าถูกรบกวน
จวินจิ่วเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่แน่ใจว่าหญิงสาวผู้นี้หลับอยู่จริงๆ หรือแกล้งทำเป็หลับ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจงใจลงจากเตียงมาสวมรองเท้าและจัดเสื้อผ้า ท่าทีของเขาในยามนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง จวินจิ่วเฉินเอ่ยด้วยโทสะ "ศาสตราจารย์แพทย์กู ตื่นได้แล้ว! "
กูเฟยเยี่ยนใกับน้ำเสียงอำมหิต หญิงสาวทราบดีว่าเหมยกงกงนั้นรับมือได้ง่าย แต่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยที่เป็ดั่งเทพเ้านั้นรับมือได้ยากที่สุด นางกัดฟันซ่อนตัวอยู่ใต้หมอนโดยปราศจากการเคลื่อนไหว
ท่ามกลางความลนลานเมื่อคืนนี้ อารมณ์ชั่ววูบทำให้นางต้องหลอกลวงแม้กระทั่งจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เพราะไม่เช่นนั้น นางจะไม่สามารถอธิบายถึงความหวาดผวาของตนเองแก่เขาได้ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าตนเองช่วยเขาโดยที่ไม่มีแร่ศิลาโอสถได้อย่างไร
ครั้นเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนยังคงนอนหลับ เหมยกงกงร้อนใจจึงเตรียมจะก้าวไปปลุกนาง ทว่าจวินจิ่วเฉินกลับนำไปหนึ่งก้าว
จวินจิ่วเฉินคว้าเข้าไปที่หมอนทันที กูเฟยเยี่ยนพลิกตัวอีกครั้งพลางคว้าผ้าห่มมาคลุมศีรษะของตน จากนั้นจึงเอ่ยด้วยความสะลึมสะลือ “เฉียนโมโมะ อย่าส่งเสียงดัง...ข้าอยากนอน! ”
เฉียนโมโมะ?
หญิงสาวผู้นี้นอนจนสติเลอะเลือนแล้วหรือ?
จวินจิ่วเฉินเหลือบมองเหมยกงกงแวบหนึ่งและเลิกผ้าห่มขึ้นต่อไป ทว่ากูเฟยเยี่ยนคว้าผ้าห่มแน่น "ข้าจะนอน! เฉียนโมโมะ เ้าออกไป! ออกไป! "
จวินจิ่วเฉินออกแรงยกผ้าห่มขึ้นมาทั้งหมด ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็เด้งตัวขึ้นมานั่ง หญิงสาวขยี้ตามองจวินจิ่วเฉิน พลางมองไปที่เหมยกงกง จากนั้นจึงะโเสียงดังลั่นอย่างคาดคิดไม่ถึง “อ้า…พวกเ้า พวกเ้า…”
บัดนี้จวินจิ่วเฉินเชื่อแล้วว่านางหลับจริงๆ เขาขัดจังหวะอย่างเ็า "ศาสตราจารย์แพทย์กู นี่คือห้องของเปิ่นหวาง! "
แน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนทราบดี นางรีบสงบสติพลางก้มลงมองตนเองทันที จากนั้นจึงรีบก้าวลงจากเตียง "ข้า ข้า...ทำไมข้า ทำไมข้า…"
“ใช่แล้ว! ศาสตราจารย์แพทย์กู เ้า….”
ในขณะที่เหมยกงกงกำลังจะเอ่ยออกมา กูเฟยเยี่ยนก็ถามเขากลับ "เหมยกงกง เมื่อคืนนี้เกิดเหตุใดขึ้น? "
เหมยกงกงทั้งร้อนใจและโกรธเคืองจึงเผชิญหน้ากับนาง "ศาสตราจารย์แพทย์กู ท่านถามข้าพเ้า ข้าพเ้ายังอยากถามท่านเลย! ท่านให้ข้าพเ้าไปตามหายา พอข้าพเ้ากลับมาก็เห็นท่านนอนอยู่บนเตียงของเตี้ยนเซี่ยแล้ว เรียกก็ไม่ตื่น ท่านทำเื่ไร้ยางอายใดกัน? ”
“ข้า เมื่อคืนนี้ข้า...”
กูเฟยเยี่ยนเหลือบมองจวินจิ่วเฉินแวบหนึ่ง ทันใดนั้นจึงะโร้องขอความเป็ธรรม “ข้าไม่ได้ทำ! เมื่อคืนนี้…เมื่อคืนนี้ข้าเฝ้าดูอาการของเตี้ยนเซี่ยมาโดยตลอด ต่อมา…ต่อมาไข้ของเตี้ยนเซี่ยก็ลดลง ข้าไม่กล้าออกไป ฤทธิ์เดชของสุราสมุนไพรเมื่อคืนนี้แรงมาก ข้ายืนหยัดไม่ไหวจึงงีบไปครู่หนึ่ง แต่ว่าข้า…”
นางชี้ไปที่ม้านั่งน้อยพลางกล่าวเสริมต่อ "ข้านั่งงีบอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด! ข้า ข้า…ข้าเป็เช่นนี้ได้อย่างไร? "
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เงียบลง
จวินจิ่วเฉินกับเหมยกงกงต่างก็มองกูเฟยเยี่ยนด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง
กูเฟยเยี่ยนตัดสินใจอย่างแน่วแน่ นางจำเป็ต้องใช้อุบายของผู้หญิงสาว นางยกมือปิดบังหน้าพลางร้องไห้กระซิกๆ “เป็เช่นนี้ได้อย่างไร! ฮือๆ…ข้าจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว! ”
จวินจิ่วเฉินกับเหมยกงกงมองหน้ากันเลิ่กลั่กโดยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ในส่วนของกูเฟยเยี่ยนนั้นเมื่อทำแล้วก็จะทำให้ถึงที่สุด นางร้องไห้เพียงครู่เดียว จากนั้นจึงวิ่งออกจากห้องไป
เหมยกงกงจะยังกล้าสงสัยนางได้อีกอย่างไร เขารีบเอ่ยอย่างรีบร้อน “เตี้ยนเซี่ย นี่ นี่ต้องทำอย่างไรดี? ถ้าศาสตราจารย์แพทย์กูเป็อะไรขึ้นมา เหล่านู๋ไม่อาจชี้แจงต่อฝ่าาได้! ”
จวินจิ่วเฉินยังคงมีความสงสัย เขากำลังจะไล่ตามออกไป แต่หลังจากที่ได้ยินเหมยกงกงเอ่ยเช่นนี้ เขาจึงหยุดชะงักพลางเอ่ยว่า “เมื่อคืนนี้...เกรงว่าเปิ่นหวางจะกระทำเื่ไม่ดีหลังดื่มสุรา”
หลังจากที่เอ่ยจบก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะไล่ตามออกไป
เหมยกงกงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งไล่ตามออกไป ทว่าเขาไม่พบทั้งสองคนแล้ว จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไปไล่ตามนางด้วยตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลในเื่นี้ สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในยามนี้คือตัวของเขาเอง
่นี้เขายกย่องชมเชยศาสตราจารย์แพทย์กูต่อฝ่าาไม่หยุด ฝ่าาทรงมีความกระตือรือร้น ไม่แม้แต่จะสนใจว่าศาสตราจารย์แพทย์กูเคยอยู่ในฐานะของคู่หมั้นฉีอวี้มาก่อน พระองค์้าแต่งตั้งศาสตราจารย์แพทย์กูเป็พระชายาขั้นกุ้ยเฟย [1] เพื่อให้ศาสตราจารย์แพทย์กูกลายเป็คนในครอบครัวของตนเองอย่างแท้จริง ฐานะของแพทย์หญิงไม่คู่ควรแก่ตำแหน่งกรรมการบริหารกิตติมศักดิ์แห่งหุบเขาเสินหนง ทว่าตำแหน่งหัวหน้ากุ้ยเฟยทั้งสี่และตำแหน่งผู้ปกครองหกตำหนักนั้นมีความคู่ควร
แต่บัดนี้…
—————
เชิงอรรถ
[1] กุ้ยเฟย หมายถึง พระชายาลำดับที่ 1 ในองค์ฮ่องเต้ (ตำแหน่งต่ำกว่าหวงโฮ่ว)