“ออกไปเสีย ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก” เมื่อรอดตายมาได้ องค์หญิงฮุ่ยเจินก็รู้สึกราวกับได้เกิดใหม่ ทว่าความชิงชังที่มีต่อองค์หญิงฮุ่ยหลิงกลับรุนแรงยิ่งขึ้น
แม่นมทั้งสองมองกันและกัน แล้วจึงถอยไปด้วยความเคารพ องค์หญิงฮุ่ยเจินหลับตาลง และภาพที่ได้เห็นคือสายตาอันโหดร้ายและไร้ความรู้สึกของมารดา
ท่านแม่ของนางรักนาง ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ช่วยองค์หญิงจากความตาย แต่เพราะนางไม่อยากใช้ชีวิตเช่นนี้ สักวันนางจะกลับไปยังเมืองหลวงให้จงได้!
ในเมืองหลวง ธุรกิจของภัตตาคารต้งไห่แย่ลงทุกวัน
ทั้งหมดนี้เป็เพราะข่าวลือของโจวจื่อเฉิงเ้าของภัตตาคารต้งไห่ว่าเขาไปลวนลามสาวใช้จวนสกุลฮวา ทำให้สตรีมากมายที่เคยชอบมาเยือนภัตตาคารนี้พากันหลีกหนีเพราะเกรงจะถูกล่วงเกินเข้า
เหล่าบุรุษที่ชิงชังคนเช่นนั้นก็พากันต่อต้านภัตตาคารนี้เช่นกัน แม้แต่แขกที่มาเยือนก็ยังร่ำสุราไปดูแคลนโจวจื่อเฉิงที่ลวนลามสาวใช้ของจวนสกุลฮวาไป
การที่ลูกค้าสามารถรังแกโจวจื่อเฉิงได้เช่นนี้ก็เป็เพราะเขาไม่มีคนหนุนหลังแล้ว
หลังจากแผลที่สะโพกของเขาหาย ชายหนุ่มก็ได้กลับมายังภัตตาคารจึงเห็นว่ามีลูกค้าอยู่น้อยนิด
พ่อบ้านอู๋เล่าความเปลี่ยนแปลงในภัตตาคารให้โจวจื่อเฉิงฟังแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าร้านจะเปลี่ยนแปลงได้มากเพียงนี้
“ดูไปคงต้องลดราคาลงเสียแล้ว” โจวจื่อเฉิงคิดพลางมองห้องอาหารอันว่างเปล่า แต่ก่อนที่เขาจะได้ขึ้นไปชั้นสองนั้นเอง พ่อบ้านอู๋ก็ส่งเสียงร้อนรนเข้ามาหา “นายท่านขอรับ นั่นองค์หญิงฮุ่ยหลิงมิใช่หรือขอรับ?”
โจวจื่อเฉิงหันกลับมา แล้วจึงได้เห็นองค์หญิงฮุ่ยหลิงพาสาวใช้ของนางมาด้วย
บนใบหน้าของสาวใช้มีแผลใหญ่สองแผลให้นางดูน่ากลัวนัก แต่เขาก็ยังคงจำได้ว่านางคือซุ่ยเหลียน ผู้เป็สาวใช้ขององค์หญิงฮุ่ยเจิน
“ทำไมซุ่ยเหลียนถึงไปอยู่หลังองค์หญิงฮุ่ยหลิงกัน?” โจวจื่อเฉิงเข้าใจในทันทีแล้วยิ้มออกมา “องค์หญิงเสด็จแล้ว ขอต้อนรับ! ขอต้อนรับพ่ะย่ะค่ะ! พ่อบ้านอู๋ ไปเตรียมห้องรับรองพิเศษให้องค์หญิงฮุ่ยหลิงเสีย!”
พ่อบ้านอู๋ยิ้มกว้าง องค์หญิงฮุ่ยหลิงคลี่ยิ้มบาง “คุณชายโจวมีภัตตาคารที่ดีนัก!”
“ดี ดี! องค์หญิงเสด็จมาเยือนเช่นนี้นับเป็เื่ดีเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ!” โจวจื่อเฉิงพยายามป้อยอเทพบนดินองค์นี้อย่างระมัดระวัง
องค์หญิงฮุ่ยหลิงหัวเราะสองครั้งก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปพร้อมสาวใช้ โจวจื่อเฉิงปาดเหงื่อเย็นเยียบบนหน้าด้วยรู้สึกไม่สบายใจ องค์หญิงฮุ่ยหลิงเคยปะทะกับองค์หญิงฮุ่ยเจินที่ภัตตาคารวั่งเยว่เมื่อคราก่อน ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองนางมิอาจคลี่คลายได้โดยง่าย
แม้องค์หญิงฮุ่ยเจินจะถูกปะาไปแล้ว แต่การมาเยือนขององค์หญิงฮุ่ยหลิงคงมีความหมายบางประการ
โจวจื่อเฉิงนั่งลงในห้องรับรองอย่างไม่ใคร่สบายใจนัก เฝ้ารอให้เหล่าเสี่ยวเอ้อร์นำอาหารที่หรูหราที่สุดขึ้นไปส่ง หนึ่งเค่อต่อมาเสียงกรีดร้องพลันหวีดขึ้นจากชั้นบน หัวใจของโจวจื่อเฉิงแทบทะลวงออกมาภายนอก
เขารีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปพร้อมพ่อบ้านอู๋ และก่อนที่เขาจะทันได้ผลักประตูห้องรับรองพิเศษหนึ่งให้เปิดออกนั้นเอง ชายหนุ่มก็ได้เห็นองค์หญิงฮุ่ยหลิงถีบประตูออกมาอย่างเกรี้ยวกราด นางชี้หน้าโจวจื่อเฉิงกรีดร้องออกมา “เ้าบ้าสารเลว! เ้าพ่อค้าหน้าเืไร้ยางอาย! เหตุใดมีหนูตายในอาหารร้านเ้าได้!”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว สีหน้าของโจวจื่อเฉิงและพ่อบ้านอู๋พลันซีดลง พวกเขามองโต๊ะ และมันมีหนูตายอยู่ในถ้วยจริงๆ!
ในภัตตาคารตอนนี้มีลูกค้าไม่มากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเื่นี้เข้า ทุกคนก็พร้อมใจกันวางตะเกียบแล้วร้องหาค่าชดเชยจากที่เก็บเงินทันที
“องค์หญิง! มีคนใส่ความร้านกระหม่อม! พวกกระหม่อมเปิดร้านมามากกว่าทศวรรษไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น...” โจวจื่อเฉิงคุกเข่าลงะโ “องค์หญิง พระองค์้าอะไรกันแน่! โปรดบอกกระหม่อมมาตรงๆ เถอะพ่ะย่ะค่ะ...กระหม่อมย่อมปฏิบัติตามรับสั่งแต่โดยดี!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วสั่งการ “จับตัวบุรุษผู้นี้ไปเสีย! พ่อค้าหน้าเืต้องถูกลงทัณฑ์! พามันไปขึ้นศาล!!!”
ในอาณาจักรฉางจิง ความผิดเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้จะมีโทษมากสุดไม่เกินเจ็ดวัน แต่นั่นมิใช่เป้าหมายหลัก เป้าหมายที่แท้จริงของนางคือการทำลายชื่อเสียงของภัตตาคารต้งไห่จนมันไม่มีวันกลับมาเปิดได้อีกเป็ครั้งที่สองต่างหากเล่า
สีหน้าของโจวจื่อเฉิงขาวซีดด้วยความหวาดกลัว เขาร้องขอความเมตตา “โปรดเมตตาด้วย! องค์หญิง โปรดอย่าได้ทรงกริ้ว...”
ทหารคุ้มกันสองนายโยนโจวจื่อเฉิงลงบันไดอย่างไร้เยื่อใย พ่อบ้านอู๋ทำได้เพียงยืนก้มหน้าอยู่นิ่งๆ ด้วยความหวาดกลัว มิกล้าเอ่ยคำใด
องค์หญิงฮุ่ยหลิงแค่นเสียง เมื่อได้เห็นว่าลูกค้าทั้งหมดจากไปแล้ว นางก็กลับวังไปอย่างพึงพอใจ
เมื่อกลับถึงวัง องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็มีอารมณ์ดีเยี่ยม บุปผาบานสะพรั่งในสวนชีฮว่าของตำหนักอันงามงด พิศไปราวกับอยู่ในวสันตฤดู
ในห้องรับรองนี้ ฮองเฮากำลังจิบน้ำชาด้วยท่าทีสง่างาม ฮุ่ยหลิงเดินเข้ามาเงียบๆ เมื่อเห็นมารดาอยู่ที่นี่ก็ให้ดีใจนัก เนื่องจากนับแต่พ้นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา มารดาก็มิเคยเรียกพบนางอีกเลย
เมื่อองค์หญิงฮุ่ยหลิงไปขอเข้าพบ นางก็ได้รับเพียงคำบอกว่าฮองเฮารู้สึกประชวร นางจึงถูกห้ามมิให้เข้าพบ
เมื่อได้เห็นฮองเฮาเสด็จมาพบนางเองถึงที่เช่นนี้ องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็ให้ดีใจแทบเนื้อเต้น ถลาเข้าหาฮองเฮาดังเช่นนกน้อยตัวหนึ่ง “เสด็จแม่มาหาหม่อมฉันหรือ? คารวะเสด็จแม่เพคะ!”
ฮองเฮาโบกมือ ไล่ผู้อื่นให้ออกจากห้องรับรองไป
เหล่านางกำนัลทยอยออกจากห้อง เหลือไว้เพียงฮองเฮาและองค์หญิงในห้องรับรอง เมื่อได้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของบุตรีที่ดูคล้ายคลึงกับตนเอง ก็อดที่จะคิดถึงบุตรีอีกคนมิได้ ทำให้รู้สึกเศร้าขึ้นมา
“ท่านแม่ เมื่อครู่หม่อมฉันไปภัตตาคารต้งไห่มา! ครั้งนี้...ภัตตาคารต้งไห่เป็ต้องปิดตัวแบบไม่มีวันกลับมาเปิดแน่นอน! ในที่สุดท่านกับองค์ฮ่องเต้ก็จะสบายใจได้เสียที!” องค์หญิงฮุ่ยหลิงยิ้มหน้าบาน อธิบายสิ่งที่นางทำ อย่างไรเสียทีองค์หญิงฮุ่ยเจินลงมือสังหารโจวฮูหยินก็เป็เพราะโจวจื่อเฉิง
แม้องค์หญิงฮุ่ยหลิงจะเป็ฝ่ายส่งพี่สาวของตนไปสู่ความตาย ทว่าอย่างไรนางก็ยัง้าเอาอกเอาใจฮ่องเต้และฮองเฮา พยายามเต็มที่เพื่อให้ทั้งสองปีติยินดี
ฮองเฮาวางถ้วยชาลง แล้วตบองค์หญิงฮุ่ยหลิงทันที!
องค์หญิงฮุ่ยหลิงไถลไปตามแรงตบ ร่วงลงสู่พื้น ทั้งอับอาย หวาดกลัว นางมองฮองเฮาที่ทรงพระกริ้วและแสนเ็า ใจนางแทบกระดอนออกมาจากคอด้วยความหวาดกลัว
“นางโง่! เป็องค์หญิงผู้หนึ่งยังกล้าใช้วิธีสกปรกเพื่อใส่ความโจวจื่อเฉิงหรือ? หากเ้าเก่งกาจนักก็ไปหาหลักฐานบัดซบนั่นมาเสีย!”
เมื่อถูกฮองเฮาดุด่า ดวงตาขององค์หญิงฮุ่ยหลิงก็แดงก่ำขึ้น “เสด็จแม่...หม่อมฉันแค่...อยากให้ท่านมีความสุข...”
“ความสุขหรือ? พี่เ้าตายไปแล้วเช่นนี้พ่อกับแม่ของเ้าจะมีความสุขได้อีกหรือ? นางโง่! เหตุใดข้าจึงคลอดตัวโง่งมเช่นนี้ออกมาได้! ใส่ความโจวจื่อเฉิงมีแต่จะทำให้ราษฎรคิดว่าพวกเราเชื้อพระวงศ์ใช้วิธีสกปรกกำจัดเขาเพราะเราไม่พอใจเท่านั้น! เช่นนี้ผู้อื่นจะมองว่าอย่างไร?”
ฮองเฮาเดือดดาล หากมิใช่เพราะความหัวแข็งของฮุ่ยหลิงแล้ว องค์หญิงฮุ่ยเจินก็คงมิต้องถูกขับไล่ไปยังที่ห่างไกลเช่นนั้น
แม้องค์หญิงฮุ่ยหลิงจะไม่พอใจ แต่นางก็ยังยอมแพ้และเรียกหาความเมตตา หลังจากดุด่านางไปแล้วพักหนึ่ง ฮองเฮาจึงคลายความโกรธลงมาก
“หลิงเอ๋อร์ เ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก! เ้ากับพี่ของเ้าล้วนตัดมาจากผ้าผืนเดียวกัน ยิ่งไม่ควรเข่นฆ่ากันเอง! เ้ากล้าดีอย่างไรจึงไปสืบเสาะเื่ของโจวฮูหยินโดยไม่บอกข้า! กล้าดีอย่างไรจึงประจานพี่สาวกลางงานวันเกิดไทเฮา...์ เหตุให้ข้าจึงคลอดตัวโง่งมเช่นเ้าออกมาได้กันแน่?”
ฮองเฮาสั่งสอนนางอีกครา แล้วจึงปัดแก้วชาทิ้งด้วยความโกรธ ทรงมองมันร่วงลงสู่พื้น แตกกระจายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“นับแต่นี้ห้ามเ้าออกจากวังโดยที่ข้าไม่อนุญาตอีก!”
เมื่อกล่าวจบแล้วฮองเฮาจึงจากไป องค์หญิงฮุ่ยหลิงยังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ดวงตาของนางแดงก่ำ เล็บจิกเข้าฝ่ามือจนลึก
ศาลทำการสืบคดีของโจวจื่อเฉิงแล้วจึงพิสูจน์ได้ว่าเป็ฝีมือของเสี่ยวเอ้อร์ผู้หนึ่ง ดังนั้นร้านจึงกลับมาเปิดอีกครั้ง ทว่าหลังจากเหตุการณ์ขององค์หญิงฮุ่ยหลิงแล้วกลับไม่มีลูกค้าคนใดเข้ามาเยี่ยมเยียนภัตตาคารต้งไห่อีก
...
ผ่านเข้าถึงรอบสองของงานประลอง นางยังคงเอาชนะคู่แข่งด้วยท่าร่างเท้าอันน่าหวาดหวั่น และผ่านเข้าสู่รอบสามและรอบชิงของงานประลอง
ในวันนั้นฮวาชีเยว่พาเทียนซีไปที่ร้านข้างถนน พากันซื้อทุกสิ่งที่ดูน่าสนุกหรือน่าอร่อย
ทันใดนั้นสตรีสวมหน้ากากผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า ข้างกายนางมีสตรีอายุราวสี่สิบปีอยู่ ดูแล้วคาดว่าจะเป็สาวใช้
ดวงตาและคิ้วของสตรีผู้นี้ดูคุ้นตาฮวาชีเยว่นัก นางดึงเทียนซีเข้าประชิดกายแล้วออกเดินตามสตรีผู้นี้ไป ทันทีที่เลี้ยวเข้ามุมมืด นางจึงกระซิบเบา “องค์หญิงฮุ่ยเจินหรือ?”
สตรีผู้นั้นหันมาด้วยสายตาตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่ามีเพียงฮวาชีเยว่และเทียนซีเท่านั้นก็โล่งอกขึ้นมา
นางโบกมือ ส่งสัญญาณให้โจวมามาถอยไป ฮวาชีเยว่จึงก้าวมาทักทาย “มิได้พบกันเสียนานเพคะ องค์หญิงฮุ่ยเจิน”
องค์หญิงฮุ่ยเจินเลิกคิ้วขึ้นพิจารณาฮวาชีเยว่ ที่ยังมิได้สั่งสังหารฮวาชีเยว่เป็เพราะอีกฝ่ายคือ “คนรู้จัก” คนแรกที่จำนางได้
ทว่า หากข่าวที่นางยังมีชีวิตอยู่แพร่ออกไปย่อมเกิดปัญหาแล้ว
แต่เพราะฮวาชีเยว่เคยมอบหลงแดงสองดอกให้ไทเฮา องค์หญิงฮุ่ยเจินจึงกำลังรู้สึกว่าตนถูกทิ้งห่าง ตัวนางในตอนนี้ทั้งโดดเดี่ยวและอ่อนแอ จึง้าความช่วยเหลือจากผู้ลึกลับแต่มากความสามารถเช่นฮวาชีเยว่
“ก็ไม่ได้พบกันนานจริงๆ พวกเราไปคุยกันทางนั้นดีหรือไม่?”
องค์หญิงฮุ่ยเจินคลี่ยิ้มสบายๆ นับแต่เื่นั้นมา นางได้เติบโตขึ้น
องค์หญิงฮุ่ยเจินยามนี้ควรอยู่ในูเาห่างไกลพันหกร้อยลี้จากเมืองหลวง แต่คนชอบสังสรรค์เช่นนางจะทนใช้ชีวิตน่าเบื่อเช่นนั้นได้อย่างไร
ดังนั้นองค์หญิงฮุ่ยเจินจึงติดสินบนแม่นมทั้งสองให้นางได้ออกจากูเา โดยอ้างว่าจะเดินทางลงใต้ แต่ที่จริงแล้วนางกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อตามหาโจวจื่อเฉิง
นางคาดไม่ถึงว่าภัตตาคารของโจวจื่อเฉิงจะปิดทำการ เมื่อลองตระเวนถามดู จึงได้รู้เหตุผลก่อนจะพบกับฮวาชีเยว่เข้า
นางเช่าจวนอยู่บริเวณชานเมืองหลวงเพื่อรอโอกาสจู่โจม ไม่ว่าจะ้าแก้แค้นหรือไม่ อย่างไรนางก็ไม่้าออกจากเมืองหลวงนี้ไป
ฮวาชีเยว่พาเทียนซีมายังจวนขององค์หญิงฮุ่ยเจิน คราวแรกเทียนซีเองก็หวาดกลัวแต่เมื่อได้ฮวาชีเยว่คอยปลอบแล้วจึงได้สงบลง
ภัตตาคารของโจวจื่อเฉิงไร้ลูกค้า เขาจึงปิดประตูร้านแล้วร่ำสุราอยู่ข้างใน กระทั่งเริ่มเมามาย พ่อบ้านอู๋ก็มาแจ้งว่ามีสาวใช้คนหนึ่ง้าเข้าพบเขา
โจวจื่อเฉิงสงสัยว่าเป็ใครกันแน่ที่้าพบเขาในสภาพนี้
ในห้องรับรองเขาจึงเห็นสาวใช้ในชุดขาวที่ใส่ความเขาเมื่อหลายวันก่อน ทันทีที่เห็นโจวจื่อเฉิง ใบหน้าของนางพลันแดงสุกปลั่ง นางกล่าวขอโทษออกมา “บ่าวชิวอวิ๋นเ้าค่ะ คุณชายโจว...บ่าวมาเพื่อขอขมาต่อความเข้าใจผิดเมื่อครั้งก่อน เพราะ...เพราะบ่าวเคยถูกล่วงเกินมาก่อน ในใจจึงเ็ปนัก บ่าวล้มใส่ท่านเช่นนั้นเป็เื่มิได้ตั้งใจ...”
ยามที่นางเอ่ยปาก ใบหน้าของชิวอวิ๋นยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิม หยาดน้ำตาเอ่อคลอในสองตา นางดูจริงใจจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้