คนหายไปแล้ว
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองโต้ซา
“ท่านแม่” โต้ซาเอียงศีรษะเรียกด้วยความสงสัย ยื่นแขนออกไปโอบรอบคอของหลินกู๋หยู่
"ไม่เป็ไร พวกเราไปซื้อของเล่นกันเถอะ" หลินกู๋หยู่พูดจบก็เดินกลับไปที่แผงขายของเล่นพร้อมกับโต้ซาในอ้อมแขน
หลินกู๋หยู่หยิบของเล่นบนแผงลอย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "เ้าชอบชิ้นไหน?"
หลังจากเลือกของเล่นจำนวนห้าชิ้นให้โต้ซา หลินกู๋หยู่ก็จ่ายเงินและยืนอยู่ข้างๆ โดยมีโต้ซาอยู่ในอ้อมแขน
หลังจากนั้นไม่นาน ฉือหางก็เดินเหงื่อท่วมศีรษะออกมาจากทางด้านข้าง
“ข้าจะอุ้มลูกเอง” ฉือหางเอื้อมมือไปรับโต้ซาจากมือของหลินกู๋หยู่
“เ้าไปทำอะไรมา?” หลินกู๋หยู่ยื่นโต้ซาให้ฉือหางอย่างเชื่อฟัง หยิบผ้าเช็ดหน้าในแขนเสื้อออกมา และช่วยฉือหางเช็ดเหงื่อบนหน้าผากอย่างระมัดระวัง “ดูรีบร้อนเช่นนั้น”
"กลับไปแล้วข้าจะบอกเ้า" ฉือหางขมวดคิ้ว มองไปรอบๆ "ไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"
“อืม” หลินกู๋หยู่ยิ้มละไมและพยักหน้า
หลังจากซื้อสิ่งของที่้าซื้อแล้ว ฉือหางรู้ว่าหลินกู๋หยู่ชอบทานเนื้อไม่ติดมัน ดังนั้นเขาจึงซื้อเนื้อไม่ติดมันไปสี่จิน ก่อนที่จะเดินทางกลับ
พวกเขาไม่ได้นั่งเกวียนวัว เพราะถ้าจะนั่งเกวียนวัวก็คงต้องรอให้ถึง่บ่าย
โต้ซาตื่นเต้นมาก คราวนี้เขาได้ซื้อของเล่นมากมาย
"อ้อ ใช่แล้ว" หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหางด้วยรอยยิ้ม "ถ้าน้องสี่กลับมาในคราวหน้า ไปขอหนังสือขั้นพื้นฐานกับเขาหน่อย ถึงเวลานั้นข้าจะได้สอนโต้ซา"
“ข้าก็จะเรียนเช่นกัน” ฉือหางหันศีรษะไปมองนางแล้วมองไปทางอื่นด้วยความลำบากใจเล็กน้อย “ข้าแค่อยากรู้บางคำก็เท่านั้น”
"ตกลง" รอยยิ้มระหว่างคิ้วของหลินกู๋หยู่ยิ่งสดใสเป็ประกายมากขึ้น อันที่จริง ฉือหางจะอ่านหนังสือได้หรือไม่ ไม่สำคัญสำหรับนาง
พอกลับถึงบ้าน หลินกู๋หยู่เริ่มเตรียมอาหารกลางวัน ในขณะที่กำลังหั่นผัก จู่ๆ นางก็นึกขึ้นได้ว่าฉือหางแสดงทีท่าผิดปกติเมื่อตอนอยู่ในตลาด จึงเอ่ยถามอย่างฉงนเล็กน้อย "ว่าแต่เมื่อตอนที่อยู่ที่ตลาด เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางก็เหลือบมองกลับไปที่โต้ซาซึ่งนั่งอยู่บนเตียงเล็กและกำลังเล่นกับของเล่นชิ้นใหม่ จึงเดินไปที่ด้านข้างของหลินกู๋หยู่
"วันนี้ข้าเห็นคนคนหนึ่ง" ฉือหางคิดถึงใบหน้าของคนที่มีรอยแผลเป็ที่มุมตาข้างซ้าย เมื่อเขาฉีกหน้ากากบนใบหน้าของบุคคลนั้นออกเท่านั้นเขาถึงจะเห็นได้ชัดเจน
“ใครหรือ?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามโดยไม่เงยหน้าขึ้น ในขณะที่กำลังหั่นผัก
เมื่อฉือหางคิดเกี่ยวกับการตกจากขอบหน้าผาในเวลานั้น ดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย "ตอนที่ข้าตกลงมาจากูเา ข้าถูกคนผู้นั้นผลักลงมา"
หลินกู๋หยู่ที่กำลังหั่นผักหยุดชะงัก
การฆาตกรรม?
หลินกู๋หยู่เอียงศีรษะเล็กน้อย มองไปที่ฉือหางอย่างกระวนกระวายใจ นางเม้มปากแล้วเอ่ยถามอย่างพะว้าพะวัง "เ้ากำลังพูดถึงอะไร?"
“ในตอนนั้นข้าถูกคนผู้นั้นผลักตกลงมา” เมื่อก่อนตอนที่เขานอนอยู่บนเตียง เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงเื่นี้ เขามักจะรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเสมอ
แต่ตอนนี้เขาสามารถเผชิญกับเื่นี้ได้อย่างสงบ
“เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร?” หลินกู๋หยู่เอามือปิดปากด้วยความประหลาดใจ เอ่ยถามด้วยความงุนงง “ตอนที่เ้าได้รับการช่วยเหลือนำตัวกลับมา ทำไมเ้าไม่พูดถึงเื่นี้ออกไป?”
เมื่อได้ฟังดังนั้น ฉือหางก็ยิ้มอย่างจนปัญญา เขาดูแคลนตัวเอง "ข้าจะทำอะไรได้ ถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้ในตอนนั้น คนผู้นั้นก็ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ข้าเสียหน่อย"
หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางด้วยสีหน้างงงวย
"ในตอนนั้นข้าออกล่าสัตว์บนูเา ได้พบคุณหนูเจียงโดยบังเอิญ ในขณะนั้นมีหมาป่าสองตัวไล่ตามพวกเขา" ฉือหางนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น "ข้าจัดการกับหมาป่าสองตัวนั้นแล้ว แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะมีชายชุดดำสองสามคนปรากฏตัว พวกเขาไล่ตามหญิงสาวสองคนนั้น ข้าก็พลอยกลายเป็หนึ่งในคนที่พวกเขาไล่ตามด้วย"
“เ้าหมายความว่า ในตอนแรกคนพวกนั้นกำลังจะฆ่าผู้หญิงสองคนนั้นใช่หรือไม่?” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วมุ่น วางมีดในมือไว้ข้างๆ “แต่เ้าตกกระไดพลอยโจนไปด้วยงั้นหรือ?”
"ใช่"
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วมุ่น ในขณะมองไปที่ฉือหางอย่างวิตกกังวล สุดท้ายก็ถอนหายใจ เขาเป็คนใจดีจนอ่อนปวกเปียกจริงๆ!
“คราวหน้ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก” ฉือหางยื่นพริกที่ล้างแล้วให้หลินกู๋หยู่ “วันข้างหน้าถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งด้วยแล้ว”
เป็ไปได้หรือไม่ว่า เขารู้สึกว่านางไม่ชอบเขาที่เขาช่วยผู้หญิงสองคนนั้น?
หลินกู๋หยู่รีบส่ายศีรษะ อธิบายอย่างเนิบๆ "คราวหน้าหากเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น..."
“ข้าจะไม่เข้าไปช่วยแล้ว” ฉือหางพูดอย่างสบายๆ
“ไม่ใช่เช่นนั้น” หลินกู๋หยู่อธิบายด้วยรอยยิ้ม “เ้าช่วยคนเ่าั้ได้ ต่อเมื่อเ้ามั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง แต่หากเ้าไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ ก็อย่าช่วยจะดีกว่า”
ฉือหางไม่พูดไม่จา เพียงแต่เขาจะไม่ช่วยเหลือผู้อื่นอีกต่อไปแล้ว
ฉือหางเป็คนดี เพียงแต่เป็คนดีเกินไป
“แล้ววันนี้เ้าไล่ตามคนผู้นั้นทำไมหรือ?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามอย่างสงสัย
"ข้าแค่อยากจะดูว่าเขาเป็คนจากครอบครัวไหน" ฉือหางขมวดคิ้ว
“แล้วเ้าหาเจอหรือยัง?” หลินกู๋หยู่ถามลอยๆ ขณะผัดผัก
เมื่อนึกถึงตอนที่เห็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ประตูเมือง นางหน้าตาสะสวย แต่ว่านางดุเกินไป
แต่แม้ว่านางจะดุ กระนั้นผู้คนก็ยังคงละสายตาจากนางไม่ได้
หลินกู๋หยู่เคยเป็อารมณ์ร้ายมาก่อนและมักจะทะเลาะกับคนอื่นเสมอ นางได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้ ในตอนนั้นเช่นกัน
เมื่อมองไปที่คุณหนูตระกูลใหญ่คนนั้น นางก็นึกถึงตนเองในเวลานั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
"เขาเข้าไปในสวนด้านหลังจวนหลังหนึ่ง ข้าไปดูด้านหน้าจวนนั้นแล้ว แต่คำนั้นข้าไม่รู้จัก" ฉือหางถอนหายใจเบาๆ
“มันเขียนว่าอย่างไรหรือ?” หลินกู๋หยู่เหลือบมองฉือหางแล้วเอ่ยถามว่า “เ้าจำจำนวนคำนั้นได้หรือไม่?”
“สองคำ” ฉือหางย่อตัวลงเขียนคำสองคำอย่างคดเคี้ยวบนพื้นด้วยหิน
เมื่อเห็นว่าอาหารยังไม่สุก หลินกู๋หยู่ก็เอนตัวไปทางด้านข้างของฉือหาง มองไปที่ข้อความบนพื้นดิน "จวนเจียง?"
“สกุลของคุณหนูคนนั้นก็คือเจียงเช่นกัน” ฉือหางขมวดคิ้วด้วยความสับสน “อาจจะเป็คนในครอบครัวเดียวกัน พวกเขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เมื่ออาหารในหม้อสุกแล้ว หลินกู๋หยู่ก็รีบหยิบจานแล้วตักใส่ให้เต็ม จากนั้นพูดกับฉือหางที่อยู่ข้างๆ ว่า "นี่ไม่ใช่เื่ปกติหรือ ครอบครัวใหญ่มีคนมากมายขนาดนั้น เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ย่อมทำสิ่งอุกอาจเช่นนั้นไม่มากก็น้อย”
เมื่อเห็นว่าน้ำแกงก็สุกแล้ว หลินกู๋หยู่ก็รีบทำความสะอาดหม้อและนึ่งหมั่นโถว เมื่อหันกลับมาก็เห็นฉือหางยืนขมวดคิ้วนิ่ง
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” หลินกู๋หยู่มองฉือหางด้วยความฉงน ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"คนในครอบครัวเดียวกัน ถึงขั้นทำกันขนาดนี้เลยหรือ?" ฉือหางพูดด้วยความฉงนใจ
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวคนนั้นก็เป็เพียงสตรี หลังจากนางแต่งงานออกเรือนแล้ว นางก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาชิกในครอบครัวนั้นแล้ว
“เ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางอย่างเคร่งขรึม อธิบายอย่างเนิบๆ ว่า “ถ้าในครอบครัวที่ร่ำรวยมากมีพี่น้องหลายคน จะมีทายาทที่สืบสกุลได้เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยทั่วไปแล้ว ทายาทที่จะเป็ผู้สืบสกุลนั้นจะเป็บุตรชายคนโตของภรรยาเอก ส่วนบุตรชายคนรองและลูกที่เกิดจากอนุก็ทำได้เพียงแยกครอบครัวออกไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะต้องเชื่อฟังผู้ที่สืบทอดตำแหน่งเป็หัวหน้าครอบครัว เ้าคิดว่าคนเ่าั้จะเต็มใจหรือไม่?”
"ทำไมถึงไม่เต็มใจหรือ?" ฉือหางเอ่ยถามอย่างสงสัย "เพราะท้ายที่สุดก็ไม่ได้มีอะไรที่ลดลงไป"
หลินกู๋หยู่ยิ้มอย่างจนปัญญา "ทำไมน่ะหรือ นั่นก็เพราะว่าทุกคนล้วน้าส่วนแบ่งมากกว่าคนอื่นอย่างไรล่ะ ไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อได้ตำแหน่งเป็หัวหน้าครอบครัวแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถควบคุมพวกเขาได้แล้ว"
"การเป็หัวหน้าครอบครัวมันเหนื่อยมาก"
“มันเหนื่อยมาก ถูกต้อง เมื่อทุ่มเทย่อมจะได้รับผลตอบแทน ผลตอบแทนของเขาคือคนทั้งครอบครัวจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจของเขา อำนาจและเงินมักจะเป็สิ่งที่ผู้คนแสวงหามาโดยตลอด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่สนใจเื่เหล่านี้จริงๆ" หลินกู๋หยู่ยกมุมปากโค้งขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยถามเสียงเบา "เ้าเข้าใจหรือไม่?"
คำพูดของหลินกู๋หยู่ทำให้ฉือหางไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาเคยคิดว่าพี่น้องกันก็ควรช่วยเหลือกันในส่วนที่สามารถช่วยเหลือกันได้
คราวนี้เขาตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง หญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในจวนหลังใหญ่ขนาดนั้น ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกสมาชิกในครอบครัวของนางไล่ตามฆ่า
ในตอนเย็น เพื่อนบ้านในหมู่บ้านหลายคนมาที่บ้าน ทุกคนแบกฟืนมาด้วย
พอตอนกลางคืน เมื่อฉือหางออกมาจากห้องอาบน้ำ เขาเช็ดผมแล้วเดินไปที่เตียง
"อีกเดี๋ยวเ้าลองใส่ชุดนี้" หลินกู๋หยู่กล่าวหลังจากเย็บจุดสุดท้ายแล้ว กรรไกรที่อยู่ด้านข้างก็ตัดด้ายออก ลงจากเตียงและสะบัดเสื้อผ้าอย่างแรง "ไหน มาลองใส่เสื้อตัวนี้สิ"
หลินกู๋หยู่วางเท้าบนรองเท้า ยืนอยู่บนพื้น คลี่เสื้อผ้าในมือออกด้วยรอยยิ้ม "เ้าลองใส่ดูสิ เอาเสื้อคลุมด้านนอกทับบนเสื้อผ้าหนาๆ แล้วดูว่ามันจะทำให้เ้าดูผอมลงได้หรือไม่!"
“อืม” ฉือหางรับคำ หยิบเสื้อผ้าจากมือของหลินกู๋หยู่แล้วใส่เสื้ออย่างจริงจัง
เสื้อผ้าบาง แต่อุ่นมากเป็พิเศษ
เมื่อก่อนเขาเคยใส่เสื้อผ้าที่ทั้งหนาและหนัก ทว่ากลับไม่อุ่นเลย เขาใส่เช่นนี้มาตลอดั้แ่เขายังเยาว์
"อุ่นมาก" วัสดุนั้นอ่อนนุ่มราวกับว่าไม่ได้ใส่อะไรบนร่างกาย ฉือหางััเสื้อผ้า มันนุ่มอุ่นสบาย ไม่อยากจะถอดมันออกมาอีกแล้ว
"ยังมีเสื้อคลุมด้านนอกตัวนี้อีกตัว" หลินกู๋หยู่มอบเสื้อคลุมด้านนอกให้ฉือหางด้วยรอยยิ้ม นางช่วยเขาใส่และผูกเชือกให้
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งจริงๆ ด้วย
เดิมฉือหางหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาอยู่แล้ว หลังจากใส่เสื้อใหม่ชุดนี้เขาดูเปลี่ยนไป ภาพลักษณ์ภายนอกของเขาเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
"โต้ซา พ่อของเ้าดูดีหรือไม่?" หลินกู๋หยู่ช่วยฉือหางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ฉีกยิ้ม หมุนฉือหางไปรอบๆ ในขณะพูดกับโต้ซา
ในที่สุด โต้ซาก็วางของเล่นในมือลงด้านข้าง หาวนอน อ้าปากเล็กๆ ของเขากลายเป็ทรงวงกลม จากนั้นมองไปที่ฉือหางอย่างจริงจัง "ดูดี"
"เวลาดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ" ฉือหางพูดพลางเดินไปด้านหน้าโต้ซา จากนั้นเก็บของเล่นของเขาทั้งหมด "เมื่อก่อนเ้าเข้านอนเร็ว วันนี้เ้าต้องเข้านอนเร็วเช่นกัน"
โต้ซามองดูฉือหางเอาของเล่นออกไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ เม้มริมฝีปากและพยักหน้าอย่าว่าง่าย จากนั้นล้มตัวลงนอน
อันที่จริง เหตุผลหลักคือเขา้าออกกำลังกายบนเตียงกับหลินกู๋หยู่ แต่ถ้าโต้ซายังไม่นอนเช่นนี้ แล้วเมื่อไรเขาจะสามารถทำเช่นนั้นกับนางได้
เพียงพริบตาเดียวก็ถึงสิ้นปี ด้านในกระท่อมฟางของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยไม้ฟืน ฉือหางบอกกับทุกคนว่าจะไม่รับซื้อไม้ฟืนแล้ว คนขายฟืนเหล่านี้จึงหยุดขายให้พวกเขา
ในขณะที่หลินกู๋หยู่กำลังสับไส้เกี๊ยว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของฉือซู่ที่หน้าประตู จึงเรียกฉือหางไปเปิดประตู
ฉือซู่ยืนอยู่ที่ประตูไม่ได้ตามฉือหางเข้าไป เขาเพียงพูดด้วยรอยยิ้มว่า "น้องสาม ข้าแค่อยากจะมาหารือกับเ้าถึงเื่การประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้