หลินหร่านคุกเข่าแล้วก้มลงถวายความเคารพ ท่าทีการเคลื่อนไหวของเขาทำได้อย่างถูกต้อง
“พระชายาจ้านหวังมาร่วมงานนี้เป็ครั้งแรกสินะ” ฮองเฮาไม่ได้บอกให้หลินหร่านลุกขึ้น แต่หันไปตรัสกับผู้คนในงาน
“เหล่าฟูเหรินทั้งงานก็อย่ามองเพียงว่าเขาเป็ชายแล้วลืมตำแหน่งของเขาเสียล่ะ ไม่ว่าอย่างไรก็นับว่าเป็คนของวังหลัง เป็ฟูเหรินในราชสำนักต้าอวี้เช่นกัน ต่อไปคงต้องไปมาหาสู่กันไว้”
ไม่คิดเลยว่า…
“โธ่~ พวกหม่อมฉันเป็เพียงคนธรรมดา ไม่กล้าทัดเทียมหรอกเพคะ” ฟูเหรินลิ่นหยวนโหวเอ่ยออกมา ราวกับรอโอกาสนี้มานาน
ดูเหมือนว่าเวลานี้ นางได้ทำการเปิดโอกาสที่ทุกคนกำลังรอคอย
ก่อนจะมีเหล่าฟูเหรินน้อยใหญ่เริ่มกล่าวออกมาบ้าง “ใช่แล้วเพคะ ใครๆ ก็รู้ว่าพระชายานั้นไม่ธรรมดา”
ทุกคนต่างพากันหันไปมองผู้ที่เอ่ยปากพูด ดั่งกับว่ารอให้นางเอ่ยความลับที่ทุกคนต่างรู้กันดี
“...ผู้ชายสามารถให้กำเนิดทายาทได้ นี่เป็ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นเลยนะเพคะ” หญิงสาวผู้นั้นไม่ทำให้คนที่รอคอยอยู่ผิดหวัง
“มิกล้าๆ พวกหม่อมฉันเป็เพียงหญิงสาวธรรมดา มิบังอาจจริงๆ เพคะ”
“ใช่เพคะ”
…และเป็อีกครั้งที่ผู้คนล้วนพากันเยาะเย้ย
หลินหร่านยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้นเช่นเดิม
เขาพอจะฟังออกว่าฮองเฮาแค่เอ่ยขึ้นโดย้าให้ทุกคนปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ แต่ฟูเหรินเหล่านี้เป็อะไรกัน? เหตุใดทุกคนถึงได้พากันเยาะเย้ยเขาเช่นนี้
เื่ที่เขาให้กำเนิดทายาทได้ เขาเคยเอ่ยเื่นี้กับฮ่องเต้และฮองเฮาเพียงสองพระองค์มิใช่หรอกหรือ? แล้วคนพวกนี้รู้ได้อย่างไร อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าไม่ได้รู้เื่อะไรเกี่ยวกับเผ่าจือเม่ยเลย
“เอ๋? พูดถึงเื่อะไรกันหรือ” ฮองเฮาแสดงท่าทีราวกับไม่รู้เื่นี้มาก่อน ใบหน้าที่เอ่ยถามออกมานั้นดูเต็มไปด้วยความสงสัย
“ฮองเฮาไม่ทราบเื่นี้หรือเพคะ เื่นี้ไม่รู้ว่าเล่าลือมาจากไหน แต่กลับแพร่กระจายไปทั่วเมืองอวี้อันว่าพระชายาคือปีศาจที่กลับชาติมาเกิด มีสถานะไม่ธรรมดาเหมือนคนทั่วไป เกิดเป็ชายแต่ให้กำเนิดทายาทได้…อีกทั้งยังสามารถกดโชคชะตาอันเลวร้าย เป็คนที่มีดวงฆ่าพระชายาของจ้านหวัง แบบนี้หากไม่ใช่ปีศาจจะเป็อะไรกันหรือเพคะ?”
ฟูเหรินของรองเสนาบดีกรมพลเรือนเป็คนที่ชอบเคี้ยวโคนลิ้น นางเอ่ยเหมือนรู้เื่เหล่านี้ดียิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าเสนาบดีกรมพลเรือนเกินครึ่งยังเป็กองกำลังสนับสนุนขององค์ชายสองอีกด้วย
ซึ่งนางมองออกว่าฮองเฮารู้สึกอย่างไรกับพระชายาขององค์ชายสาม เมื่อมีโอกาสจึงต้องประจบประแจงฮองเฮาเสียหน่อย
“ใครจะกล้าไปเข้าใกล้เขากัน อีกหน่อยหากกินคนไม่คายกระดูกขึ้นมาจะทำอย่างไร!”
“จริงด้วย”
เื่ราวต่างๆ ที่แพร่ออกไปทั่วเมืองอวี้อันนั้น เกือบทุกคนรับรู้เื่นี้ คำพูดที่แย่กว่านี้ก็มีไม่น้อย ตอนนี้เหล่าผู้คนในงานเริ่มพูดกันอย่างกับพวกปากไม่มีหูรูด
ถ้อยคำของฟูเหรินรองเสนาบดีกรมพลเรือนช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย เื่ที่กล่าวถึงตนเอง เขาถือว่าไม่เป็ไร แต่อีกฝ่ายกลับดึงท่านอ๋องลงมาพูดเยาะเย้ยเช่นนี้
หลินหร่านกำมือทั้งสองข้างแน่น ความรู้สึกประหม่าในตอนแรกหายวับ กลับกัน ตอนนี้เขารู้สึกโกรธแค้นเป็อย่างมาก
ท่านอ๋องของเขาไม่ใช่คนที่มีดวงฆ่าพระชายาตามที่คนเ่าั้พูด
“เหตุ...เหตุใดจึงได้มีข่าวลือเช่นนี้ได้?” ฮองเฮาแสร้งทำเป็ตกตะลึง
“ฮองเฮาเพคะ เื่เหล่านี้กลายเป็ข่าวลือได้อย่างไรกัน นี่เป็เื่ที่พระชายาเอ่ยออกมาจากปากตัวเองมิใช่หรือเพคะ?”
“วันนี้พระชายาอยู่ที่นี่แล้ว เื่ราวที่แท้จริงเป็ไปตามข่าวลือหรือไม่ ให้พระชายายืนยันด้วยตนเองดีกว่าเพคะ”
ฮองเฮายินดีอย่างยิ่งที่จะโยนปัญหานี้ไปให้หลินหร่าน นางจึงเอ่ยขึ้นมาโดยพลัน “เช่นนั้นพระชายาพูดออกมาเถิด”
ตามที่ฮองเฮาคิด หากพระชายาตัวน้อยผู้นี้ไม่มีอวี้ฉู่จาวอยู่ข้างกาย เขาก็เป็เพียงเด็กขี้ขลาดเท่านั้น คงจะกลัวจนพูดอะไรไม่ออกเป็แน่
จุดประสงค์ในวันนี้ของพระองค์เพียงแค่้าให้ตำหนักของเทพเ้าแห่งากลายเป็ตัวตลกสำหรับคนในงาน จะไม่มีทางทำให้อวี้ฉู่จาวพบเจอเื่สงบสุขโดยเด็ดขาด
ข่าวลือกระจายเป็วงกว้างและเริ่มใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ นางไม่เชื่อหรอกว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่ออวี้ฉู่จาว
ติงหร่วน หลานจื่อและเหม่ยจื่อร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว
ติงหร่วนพยายามหาโอกาสไปหาหลิวถ่งหลิงที่ประจำอยู่ที่ประตูซวนอู่ตามที่อวี้ฉู่จาวบอกไว้
ตอนนี้พระชายาต่างนำพาความกลัวมาให้ทุกคน บ้างก็เยาะเย้ยและรอดูเื่สนุกอยู่เงียบๆ
่เวลานี้เอง หลินหร่านเงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีสงบ
ในเมื่อฮองเฮาให้เขาพูด เขาก็จำเป็จะต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่าเลี่ยงไม่ได้
สีหน้าของหลินหร่านนั้นเรียบเฉย ท่าทางดูไม่แยแสราวกับท่าทีของอวี้ฉู่จาวไม่มีผิด
ถ้อยคำที่กล่าวออกมานั้นดูเอาจริงเอาจัง เขาอธิบายและตอบคำถามทั้งหมดอย่างชัดเจน
“เื่ที่ลูกสามารถให้กำเนิดทายาทได้นั้นเป็เื่จริงพ่ะย่ะค่ะ ในตอนนั้น ลูกได้กราบทูลกับเสด็จพ่อแล้ว เสด็จแม่ก็อยู่ด้วยมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? ลูกเป็คนของเผ่าจือเม่ย ร่างกายมีเส้นเืดำสองเส้น ถึงเป็ชายก็ให้กำเนิดทายาทได้ ตอนนั้นเสด็จแม่ไม่คิดสงสัย แล้วเหตุใดเวลานี้ถึงมาสงสัยล่ะพ่ะย่ะคะ?”
หลินหร่านพูดออกมาเป็ชุด ฮองเฮาจึงรู้ได้ทันทีว่านางประเมินพระชายาของอวี้ฉู่จาวต่ำไป
ถึงแม้หลินหร่านจะดูไม่มีพิษสงและยังเด็ก แต่ก็เอ่ยออกมาได้อย่างเหมาะสมไม่ติดขัด น้ำเสียงมั่นคงชัดเจน ไม่มีท่าทีของความกลัวแม้แต่น้อย กระทั่งติงหร่วน หลานจื่อและคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงไปตามกัน
คนผู้นี้คือพระชายาผู้อ่อนโยนและขี้กลัวของพวกเขาหรือ?
หลินหร่านผู้นี้มองออกได้ง่าย ตัวเขาไม่ได้มีการวางแผนอะไรแอบแฝง
หรือบางที เขาอาจไม่รู้ตัวว่าจริงๆ ในก้นบึ้งของหัวใจนั้นเกลียดคนพวกนี้อย่างที่ตนเองไม่เคยเป็มาก่อน มิเช่นนั้นคงไม่สามารถเสแสร้งทำเื่เช่นนี้ได้
หลินหร่านอาจยังไม่มีสติปัญญาที่เฉียบแหลมนัก ยังขาดความรู้สึกบางด้านไป ตัวอย่างเช่น ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเกลียดและความชั่วร้าย
ความรู้สึกเหล่านี้ สำหรับเขาแล้วยังรู้จักได้ตื้นเขินนัก เขามีเพียงความรู้สึกขอบคุณผู้ที่มอบความเป็มิตร รู้สึกรักคนที่เขาชมชอบ แม้แต่คนแปลกหน้าเขาก็ปฏิบัติต่อกันด้วยท่าทีสุภาพ
แต่ในครั้งนี้ หลังจากที่หลินหร่านถูกอวี้ฉู่จาวเลี้ยงดูและทะนุถนอมด้วยความรักมา่เวลาหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝูงจิ้งจอก หมาป่า เสือโคร่ง และเสือดาวเหล่านี้ตามลำพัง เขาจึงเรียนรู้ที่จะแสดงท่าทีและการสนทนาเฉกเช่นท่านอ๋อง
เขาเรียนรู้ที่จะเสแสร้งพร้อมแสดงท่าทีต่อต้าน
ฮองเฮาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเมื่อไม่มีอวี้ฉู่จาวอยู่ข้างกาย หลินหร่านจะยังคงสามารถพูดออกมาด้วยท่าทีมั่นคงและใจเย็น ทำให้พระองค์รู้สึกประหลาดใจไปชั่วขณะเลยทีเดียว
“...ข้าไม่ได้สงสัย แต่ทั่วเมืองอวี้อันมีข่าวลือเช่นนี้กระจายไปทั่ว ฟูเหรินน้อยใหญ่เหล่านี้ต่างเต็มไปด้วยความสงสัย…ข้าก็กลัวว่าพวกเขาจะเข้าใจสถานะของเ้าผิด กลัวจะกระทบไปถึงจาวเอ๋อร์ ถึงได้ให้เ้ามาพูดเื่นี้”
ช่างเป็แม่ที่แสนประเสริฐ
หลินหร่านคิดในใจ
เมื่อครู่ตอนที่พวกนางเ่าั้เอ่ยถึงท่านอ๋องว่าเป็ผู้มีโชคชะตาเลวร้ายและมีดวงฆ่าพระชายา เหตุใดนางถึงไม่เป็เดือดเป็ร้อนแทนจาวเอ๋อร์ดังเช่นที่ปากเอ่ยออกมา
“หากเป็เช่นนั้น ลูกขอขอบพระทัยเสด็จแม่ที่เป็ห่วงพ่ะย่ะค่ะ นอกจากนี้ เสด็จแม่ยังให้โอกาสลูกได้อธิบายเื่นี้อีก หากเป็เช่นนั้นลูกก็ขอเพิ่มพูนความรู้ให้กับเหล่าฟูเหรินก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้น
“เผ่าจือเม่ยเป็เผ่าที่รู้จักกันดีมาั้แ่เมื่อสองร้อยปีก่อน…”
ต่อจากนั้น หลินหร่านก็ได้กล่าวถึงความเป็มาของเผ่าจือเม่ยอย่างละเอียดให้ทุกคนฟัง
“เื่เหล่านี้หากอ่านตำราเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็จะสามารถรู้ถึงรายละเอียดต่างๆ ได้ไม่ยาก เหล่าฟูเหรินทั้งหลาย ต่อไปหากมีเวลาว่างก็ควรอ่านหนังสือให้มากนะขอรับ มิเช่นนั้น...หากเอ่ยบิดเบือนความจริงเช่นนี้อีก เกรงว่าการเคี้ยวโคนลิ้นมากเกินไปอาจส่งผลไม่ดีต่อบรรยากาศในเมืองหลวง”
หลินหร่านยังคงเอ่ยออกมาด้วยท่าทีจริงใจ ทุกคำพูดทุกประโยคเต็มไปความจริงจังและแสดงความนับถือ
“เ้า…”
เมื่อถูกหลินหร่านเอ่ยเช่นนั้นใส่ หลายต่อหลายคนพากันหน้าแดง มีเพียงไม่กี่คนที่จะมีความสำนึกและคิดว่าตนเองไม่ควรงมงายเชื่ออะไรง่ายๆ
และแน่นอนว่า บางคนต่อให้ตายไปก็คงสำนึกไม่เป็เช่นกัน ต่างคนต่างยิ่งแสดงท่าทีโกรธเคืองไปกันใหญ่
--------------------------------------------
