กู่ซิ่วได้ยินเสียงพ่อของเธอด่าทออยู่ข้าง ๆ สีหน้าก็บูดบึ้งไม่แพ้กัน
คุณตากู่บ่นเป็ชุดราวกับเทศนาอยู่คาบเรียนหนึ่งเต็ม ๆ ก่อนจะวางสายไปด้วยความโมโห
กู่ซิ่วรีบบอกให้สวี่เยว่ออกไปซื้อหนังสือพิมพ์
เธออยากรู้ว่าหนังสือพิมพ์เขียนถึงพวกเธอสองแม่ลูกอย่างไร
สวี่เยว่ไม่อยากออกจากบ้านใน่หัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้เลยสักนิด
คราวก่อนที่เธอเป็ข่าว หลังออกจากโรงพยาบาล เพื่อนบ้านก็มองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ
ถ้าออกไปตอนนี้ ไม่รู้เพื่อนบ้านจะมองเธอยังไงบ้าง
แต่สวี่เยว่ขัดคำสั่งกู่ซิ่วไม่ได้ จึงต้องกัดฟันออกจากบ้านไป
เป็อย่างที่เธอคาดไว้ เมื่อเธอปรากฏตัว เพื่อนบ้านก็มองเธอด้วยสายตาประหลาด แววตาเต็มไปด้วยความดูแคลน
หลังจากเธอซื้อหนังสือพิมพ์กลับมา เพื่อนบ้านก็ถามแฝงความนัยว่า "ซื้อหนังสือพิมพ์ไปอ่านเหรอ?"
สวี่เยว่หน้าแดงก่ำ ตอบรับในลำคอ แล้วก้มหน้าเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
สองแม่ลูกสุมหัวอ่านข่าวเกี่ยวกับตัวเองเสร็จแล้วสีหน้าก็ถมึงทึงทั้งคู่
สวี่เยว่กัดฟันกรอด "ต้องเป็ฝีมือพี่สาวแน่ ๆ!"
กู่ซิ่วพูดอย่างหัวเสีย "ไม่ใช่มันแล้วจะเป็ใครได้?"
แม้ทั้งสองจะโกรธแทบตาย แต่ก็ทำอะไรสวี่ฮุ่ยไม่ได้
สวี่ฮุ่ยไปส่งปลาไหลให้ลุงจางที่ตัวอำเภอั้แ่เช้าตรู่ และถือโอกาสขายปลาช่อนด้วย
ปลาช่อนมีคนซื้อก็จริง แต่ราคาต่ำมาก ปลาช่อนสองตัวของเธอหนักสามสี่จินต่อตัว แต่ขายได้แค่จินละหนึ่งหยวนเท่านั้น
ปลาช่อนตัวใหญ่สองตัวนี้ขายได้ไม่ถึงสิบหยวนด้วยซ้ำ
ตอนที่สวี่ฮุ่ยไปขายตะพาบที่ตลาดค้าส่งสัตว์น้ำต้าตงเหมินในเมืองเอกมณฑล เธอได้ยินว่าปลาช่อนที่หนักมากกว่าสามจินขายได้จินละสามหยวน
ถึงจะหักค่าเดินทางแล้วก็ยังมีกำไรมากกว่าสิบหยวน
สวี่ฮุ่ยจึงตั้งใจจะเอาปลาช่อนกลับไปเลี้ยงไว้สองสามวัน รอจนกว่าจะตกปลาช่อนหรือเต่าได้อีกตัว ค่อยเอาไปขายที่เมืองเอกมณฑลพร้อมกันทีเดียว
เมื่อสวี่ฮุ่ยหิ้วปลาช่อนสองตัวกลับมาถึงบ้าน กู่ซิ่วก็ชี้ไปที่ข่าวเกี่ยวกับสามแม่ลูกในหนังสือพิมพ์แล้วถามด้วยน้ำเสียงเ็าว่า "นี่ฝีมือแกใช่ไหม?"
สวี่ฮุ่ยรู้นานแล้วว่าข่าวที่เธอแจ้งไปเมื่อวานได้ลงหนังสือพิมพ์แล้ว แต่เธอจะไม่ยอมรับเด็ดขาด
เธอแจ้งไปโดยไม่เปิดเผยชื่อ สำนักหนังสือพิมพ์ก็ไม่รู้ว่าเธอเป็ใคร กู่ซิ่วย่อมสืบหาตัวเธอไม่ได้ แล้วเธอจะกลัวอะไร!
ที่เธอไม่ยอมรับไม่ใช่เพราะกลัวกู่ซิ่ว แต่เป็เพราะ้าเลียนแบบกู่ซิ่วกับสวี่เยว่
พวกนั้นวางแผนลอบทำร้ายเธอ มีครั้งไหนที่พวกเธอยอมรับบ้าง?
งั้นเธอก็จะไม่ยอมรับเหมือนกัน ปล่อยให้กู่ซิ่วกับสวี่เยว่ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็เธอ แต่เพราะไม่มีหลักฐาน เลยได้แต่โมโหจนจ้องด้วยสายตาที่แทบจะกินเืกินเนื้อ
สวี่ฮุ่ยทำเป็อ่านข่าว แล้วปฏิเสธรัว ๆ "ไม่ใช่หนู หนูไม่ได้ทำ อย่าใส่ร้ายหนูนะ!"
ในบ้านมีแค่พวกเธอสามแม่ลูก สวี่เยว่จึงเผยธาตุแท้ออกมา ถามด้วยใบหน้าดุดัน "ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็ใคร?"
"คนในบ้านพักที่ไม่ชอบพวกเธอมีตั้งเยอะแยะ คนอื่นจะร้องเรียนไม่ได้หรือไง?"
สวี่ฮุ่ยมองสวี่เยว่ที่โมโหจนแทบคลั่งแล้วพูดประชดประชันว่า "ไม่มีใครบอกเธอหรือไงว่าใบหน้าที่แท้จริงของเธอดูร้ายกาจและน่าขยะแขยงมากแค่ไหน!"
สวี่เยว่โดนสวนกลับจนแทบบ้า "ใบหน้าของเธอต่างหากที่น่าขยะแขยง!"
สวี่ฮุ่ยยิ้มบาง ๆ "ฉันไม่ได้หน้าบานแบน แถมยังมีกระสักกะหน่อย"
สวี่เยว่โกรธจนโรคหัวใจเกือบกำเริบ ใบหน้าของเธอถึงจะใหญ่กว่าสวี่ฮุ่ย แต่ไม่ได้หน้าบานแบน และกระเยอะขนาดนั้นแน่ ๆ
แต่พอสวี่ฮุ่ยพูดกับปาก กลับดูแย่ขนาดนั้น
สวี่เยว่โกรธจนแสร้งทำเป็สาวน้อยใสซื่อแสนอ่อนโยนต่อไปไม่ไหว ลดเสียงลงแล้วด่ากราด
สวี่ฮุ่ยตบหน้าสวี่เยว่ดังเพี๊ยะ ๆ ๆ ฉาดใหญ่ทั้งสองข้าง แล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า "ฉันจะสั่งสอนเธอเอง!"
กู่ซิ่วโกรธขึ้นมาทันที เงื้อมมือจะตบสวี่ฮุ่ย พลางด่าว่า "กล้าตบน้อง แกตายแน่ยัยเด็กเวร!"
สวี่ฮุ่ยพุ่งทีเดียวไปถึงหน้าประตูแล้วเปิดออก
เพื่อนบ้านที่กำลังนั่งเด็ดผัก คุยเล่น หรือพักผ่อนอยู่หน้าบ้านเงยหน้าขึ้นมามอง ได้ยินกู่ซิ่วกำลังด่าว่า "แกตายแน่ยัยเด็กเวร!"
และสิ่งที่พวกเขาเห็นคือกู่ซิ่วทำหน้าถมึงทึง ตบหลังสวี่ฮุ่ยฉาดใหญ่
สวี่ฮุ่ยเซถลาออกจากบ้าน
ความจริงแล้วฝ่ามือนั้นไม่ได้ตบลงบนหลังสวี่ฮุ่ยจริง ๆ
แต่จากมุมมองของเพื่อนบ้าน ดูเหมือนว่าจะตบลงบนหลังเธอ
สวี่ฮุ่ย้าให้เพื่อนบ้านเข้าใจกู่ซิ่วผิด
สวี่ฮุ่ยโซเซเล็กน้อย กว่าจะทรงตัวได้ก็เล่นเอาเหนื่อย
เธอร้องไห้ด้วยความน้อยใจ “เพื่อนบ้านทุกคนโปรดตัดสินให้ฉันด้วย วันนี้หนังสือพิมพ์ลงข่าวเื่ที่แม่กับน้องสาววางแผนร้ายใส่ฉันเมื่อวาน พอแม่กับน้องสาวเห็นฉันก็ตรงดิ่งเข้ามาเอาเื่ บอกว่าเป็ฉันที่ไปฟ้องหนังสือพิมพ์ แล้วแม่ยังตบหน้าฉันอีก! ตอนนี้ฉันจะตายเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ พิสูจน์ว่าฉันไม่ได้ทำ!” สิ้นเสียง เธอก็เอาหัวพุ่งชนกำแพง
ผู้คนที่มุงดูอยู่รีบเข้าไปดึง แต่คว้าได้เพียงอากาศ
ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘โครม’ หัวของสวี่ฮุ่ยกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง
มีคนะโด้วยความตื่นตระหนก “บังคับขู่เข็ญกันจนเธอจะฆ่าตัวตายแล้ว! บังคับกันจนเธอจะฆ่าตัวตายแล้ว!”
กู่ซิ่วกับสวี่เยว่ต่างตกตะลึงตาค้าง เด็กเวรนี่กล้าชนกำแพงจริง ๆ!
ทุกคนช่วยกันพาตัวสวี่ฮุ่ยที่เืไหลอาบหน้าไปยังสถานีอนามัยประจำตำบล
มีคนไปตามสวี่ต้าซานที่โรงงานผลิตอาหาร บอกเขาว่าลูกสาวคนโตถูกเมียกับลูกสาวคนเล็กบีบคั้นจนต้องพุ่งชนกำแพงฆ่าตัวตาย
สวี่ต้าซานใถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เพื่อนบ้านที่ไปแจ้งข่าวก็ใส่สีตีไข่ให้เื่ราวรุนแรงขึ้น
พวกเขารังเกียจกู่ซิ่วกับสวี่เยว่ จึงพูดให้แม่ลูกคู่นี้ดูเลวร้ายมาก
เพื่อนบ้านต่างก็ออกโรงปกป้องสวี่ฮุ่ย “ฮุ่ยฮุ่ยบอกแล้วบอกอีกว่าเธอไม่ได้ไปฟ้องสำนักหนังสือพิมพ์ แต่เมียกับลูกสาวคนเล็กของคุณกลับพูดจาถากถาง ยืนกรานว่าเธอเป็คนปล่อยข่าว!”
“ถึงฮุ่ยฮุ่ยจะไปฟ้องหนังสือพิมพ์แล้วมันทำไม? สองแม่ลูกวางแผนร้าย ผลักไสเธอลงนรก แล้วเธอต่อต้านบ้างไม่ได้หรือไง?”
“ฮุ่ยฮุ่ยแค่ต่อต้านก็จะบีบคั้นให้เธอตายเลยหรือ? ทำไมบนโลกนี้มีแม่กับน้องสาวที่ใจคอโเี้แบบนี้ได้นะ?”
สวี่ต้าซานฟังเพื่อนบ้านพูดโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา สีหน้าเขียวคล้ำ
อาการาเ็ของสวี่ฮุ่ยค่อนข้างรุนแรง หมอที่สถานีอนามัยประจำตำบลตรวจดูแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า “แผลแบบนี้ต้องเย็บ ฉันทำไม่ได้”
หมอทำแผลให้สวี่ฮุ่ยแบบง่าย ๆ แล้วให้พวกเพื่อนบ้านที่พาเธอมารีบส่งตัวเธอไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ
อากาศร้อนจัด ถ้าแผลติดเชื้อคงไม่ใช่เื่เล่น ๆ
พอทุกคนได้ฟังก็รีบพาสวี่ฮุ่ยไปโรงพยาบาลประจำอำเภอทันที
ตอนนี้สวี่ต้าซานมาถึงแล้ว เมื่อเห็นผ้าพันแผลที่เพิ่งพันบนหัวของสวี่ฮุ่ยมีเืซึมจนแดงฉาน หัวใจของเขาก็เต้นรัวด้วยความใ
เขาขอยืมรถตู้ของโรงงานและพาพวกเขาสองพ่อลูกไปโรงพยาบาลประจำอำเภออย่างรวดเร็ว
มีเพื่อนบ้านไปด้วยอีกสองสามคน พวกเขาไม่วางใจให้สวี่ต้าซานพาสวี่ฮุ่ยไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำอำเภอเพียงลำพัง
หมอห้องฉุกเฉินเย็บแผลให้สวี่ฮุ่ยสองเข็ม จากนั้นก็พันผ้าพันแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ค่อยให้สวี่ฮุ่ยกลับบ้าน
สวี่ฮุ่ยคลำหัวที่มึน ๆ แล้วถาม “คุณหมอคะ ขอวิตามินอีสองขวด ทิงเจอร์ไอโอดีน สำลีก้านและผ้าก๊อซได้ไหมคะ?”
หมอห้องฉุกเฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่นึกเลยว่าเธอจะมีความรู้เื่แพทย์อยู่บ้าง!”