“องค์หญิง เป็อะไรหรือเพคะ?” เสียงเถาเซียงดังจากด้านนอก เหตุใดนางถึงได้ยินเสียงแปลกๆ ในรถม้ากันนะ
“ข้าไม่เป็ไร”
ชิงอีชิงปิดปากเ้าแมวอ้วน ิญญาแมวตนนี้คงอยากถูกโยนลงตะแกรงแล้วย่างใช่หรือไม่?
กลับกันเ้าแมวอ้วนในยามนี้ไม่ได้สนใจสักนิดว่าจะโดนตีหรือไม่ มันรีบพุ่งตรงมาหานาง กดน้ำเสียงลงต่ำแล้วพูดอย่างกังวลใจ “ท่านบอกว่าพลังของท่านอ่อนแอลง นั่นหมายความว่าอย่างไร?”
ชิงอีกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ก็อย่างที่บอกไป ข้าไม่อาจรวบรวมพลังได้ ยามที่หนุ่มน้อยผู้นั้นลงมือเดิมทีข้าคิดว่าพลังของข้าถูกหยุดไว้ชั่วคราวเท่านั้น แต่กลายเป็ว่าข้าไม่อาจรวบรวมพลังกลับมาได้อีกเลยราวกับว่าถูกกลืนไปแล้ว”
ดวงตาเ้าแมวอ้วนจ้องจนแทบหลุดออกจากเบ้า มันเดินอย่างกระวนกระวายใจไปรอบๆ
“ชิงอี เป็ไปได้หรือไม่ว่าิญญาในร่างเซียวเจวี๋ยจะเป็ผู้เฒ่าผี? หรืออาจเป็ิญญาแห่งภูผาที่ฝึกตนจนกลายร่างเป็มนุษย์ ไม่เช่นนั้นเขาจะกลืนกินพลังของท่านได้อย่างไร?”
“เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่ปีศาจ หากไม่มีของวิเศษซ่อนอยู่ในร่าง เช่นนั้นปัญหาคงอยู่ที่จิติญญา” ชิงอีพูดอย่างลังเล
“หรือเด็กนั่นจะเป็ต้าลัวจินเซียน[1]กลับชาติมาเกิด?”
“ิญญาชั่วร้ายของต้าลัวจินเซียนบ้านเ้าสิ?” ชิงอีกลอกตาใส่ ช่างเป็แมวที่โง่งมเสียจริง
“ก็ใช่น่ะสิท่าน การกลับชาติมาเกิดของตระกูลเซียนล้วนมีจิติญญาสง่างามและชอบธรรม เป็ไปไม่ได้ที่จะเป็พวกิญญาร้ายบริสุทธิ์ หากเป็เช่นนี้คงต้องเป็คนของปรโลกของเราเท่านั้นแล้ว! แต่มันก็ไม่ถูกต้องอยู่ดี หลายปีมานี้ก็ไม่มีาาผีชั้นสูงลงมาจุติเลย ถึงจะมีก็ไม่สามารถกลืนกินพลังของท่านได้อยู่ดี”
ไม่ต้องพูดถึงเ้าแมวอ้วนที่ไม่เข้าใจเลย แม้กระทั่งชิงอีเองก็ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
“ไม่แปลกเลยหลังจากที่ท่านใช้พลังกลับง่วงขึ้นมาทันใด เกรงว่านี่คงไม่ใช่ว่าโดนวางกับดักั้แ่แรกเริ่มหรอกใช่ไหม” เ้าแมวอ้วนพูดพึมพำ
มุมปากชิงอีกระตุก อย่าบอกนะว่ามันจะเป็เช่นนั้นจริงๆ
หากได้หลับนอนกับราชินีแห่งภูตผีไปคราหนึ่งแล้วอย่างน้อยๆ อายุขัยจะต้องลงลดไปราวสิบปี ทว่า เซียวเจวี๋ยดูไม่คล้ายคนอายุสั้นเลยสักนิด กลับกันเสียอีกเป็ชิงอีที่่นี้ง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตลอดเวลา หากเป็ตอนที่อยู่วังหลวงอาจพูดได้ว่าเป็เพราะโดนผลกระทบจากพลังั ทว่าตอนนี้อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมากเพียงนี้แล้ว
สรุปแล้วชิงอีง่วงนอนจริงๆ หรือเพราะเหตุใดกัน พอคิดๆ ดูก็ยิ่งหาที่มาที่ไปไม่ได้อยู่ดี?
“เ้าหนุ่มน้อยนั่นสมควรตาย!” ชิงอีทุบพื้นอย่างโกรธเคืองะเืไปถึงสะโพกที่เจ็บอยู่ นางสูดปากด้วยความเ็ปและนอนคว่ำลงไปอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยฉายแววโกรธเกรี้ยว “รอให้ข้าผู้นี้กลับไปปรโลกก่อนเถอะ ข้าจะโยนมันลงนรกอเวจีแน่!”
เ้าแมวอ้วนที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจและคิดว่าหนุ่มน้อยนั่นเป็ผู้มากความสามารถเก่งกล้า ครานี้นางมารร้ายคงเรือล่มในคลองระบายน้ำ[2]เสียแล้ว
“ดูเหมือนว่าที่สาวน้อยเถาเซียงพูดมาก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว ่นี้ท่านไม่ควรไปต่อกรกับหนุ่มน้อยนั่นจะดีกว่า” เ้าแมวอ้วนพูด “สิ่งที่ต้องทำในยามนี้คือท่านควรฟื้นฟูพลังเสียก่อน เดี๋ยวพอถึงวัดตงหวาคงไม่มีเวลาว่างแล้ว”
“ยุ่งกะผีน่ะสิ” นานๆ ทีชิงอีจะพูดจาหยาบคายออกมา
กินพลังของนางไปแล้วยังมีหน้ามาสั่งให้นางออกแรงอีก บนโลกนี้มีแต่สิ่งสวยงามเสียที่ไหน? ปล่อยให้หนุ่มน้อยนั่นออกไปเสี่ยงตายแล้วตายๆ ไปเสียเป็ดีที่สุด!
เ้าแมวอ้วนคงรู้ว่านางมารร้ายถูกทำให้ขายหน้าและเอาเปรียบมากมายเช่นนี้ ความโกรเคืองสุมอกและคงกัดไม่ปล่อยเช่นกัน อย่างไรเสียหลังจากขึ้นเขาไปแล้วเ้าแมวอ้วนคงต้องเป็กระสอบทรายให้นางระบายอารมณ์ มันจึงสงบปากสงบคำไม่ดิ้นรนหาที่ตายอีกต่อไป
บนูเาปกคลุมไปด้วยหมอก ยิ่งขึ้นสูงเท่าไรก็ยิ่งหนาจนมองเห็นผู้อื่นมากสุดคงเพียงสองสามเมตรเท่านั้น
กึก
รถม้าตกหลุมและล้อติดอยู่ในนั้น
“องค์หญิง ทรงไม่เป็อะไรใช่ไหมเพคะ” เถาเซียงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
น้ำเสียงของชิงอีคล้ายไม่สบายใจเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น?”
“ล้อรถม้าติดอยู่ในหลุมเพคะ องค์หญิงทรงทนรอครู่หนึ่งหัวหน้าองครักษ์ชิวกำลังไปจัดการเพคะ”
อีกด้านหนึ่ง ฉู่สือกลับมาจากการสำรวจเส้นทาง
“ท่านอ๋องขอรับ ทางข้างหน้าไม่เรียบซ้ำยังแคบและมีหมอกหนาเกินไป เกรงว่าเราคงต้องเดินเท้าขึ้นเขาขอรับ”
เซียวเจวี๋ยมองด้วยความเงียบงัน
ฉู่สือรับรู้ถึงความยากลำบากนี้เพราะพวกเขานอนกลางดินกินกลางทรายกันอยู่แล้ว แต่องค์หญิงคงทรงไม่ยอมให้พระบาทต้องเปื้อนโคลนแน่ ยิ่งกว่านั้นนางในยามนี้ยังาเ็อีกด้วย
นอกจากฝั่งนี้กำลังมีปัญหา ด้านชิวอวี่เองก็พบปัญหาไม่แพ้กัน แกนกลางล้อรถม้าหักเสียและแม้ว่าทางข้างหน้ายังสามารถไปต่อได้แต่รถม้าคันนี้คงไม่อาจใช้งานต่อได้แล้ว
เถาเซียงรายงานสถานการณ์ต่อชิงอี เสียงแห่งความเงียบงันปกคลุมอาณาบริเวณในรถม้า
สีหน้าของชิวอวี่และคนอื่นๆ ต่างเต็มไปด้วยความลำบากใจ องค์หญิงท่านนี้ช่างเอาพระทัยยากเสียจริงๆ
“ข้ากับต้านเสวี่ยเคยฝึกฝนร่างกายมาก่อน แบกองค์หญิงขึ้นเขาได้สบายอยู่แล้วเพคะ” เถาเซียงกำหมัดเล็กๆ ของนาง พร้อมกับต้านเสวี่ยที่พยักหน้าอยู่ใกล้ๆ
“ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ข้าหาใช่คนไร้ประโยชน์เสียหน่อย” ม่านถูกเปิดออก ชิงอีเดินออกมาพร้อมกับคิ้วขมวดอย่างเห็นได้ชัดว่ายังขยับตัวลำบากนิดหน่อย “นำม้ามาให้ข้า”
เถาเซียงกำลังจะช่วยนางลงจากรถม้า พลันชิงอีก็เงยหน้ามองคนที่กำลังมาถึง
เซียวเจวี๋ยควบอยู่บนหลังม้ามองนางแล้วกล่าวว่า “ทางข้างหน้าคับแคบ ขี่ม้าดูจะเป็อันตรายเกินไปทำได้เพียงเดินเท้าเท่านั้น”
เดินเท้า...
ใบหน้าชิวอวี่ฉายความกังวลอย่างเห็นได้ชัด องค์หญิงร่างกายบอบบางเพียงนี้ซ้ำยังาเ็ เกรงว่าจะเดินไม่ได้น่ะสิ
“ข้าเห็นว่าสีหน้าองค์หญิงดีขึ้นแล้วเดาว่าร่างกายคงดีขึ้นแล้วเช่นกัน คงไม่น่ามีปัญหาอะไรที่จะเดิน”
สิ้นคำพูดของเซียวเจวี๋ยบรรยากาศก็เย็นะเือีกครา
ชิงอีที่ยืนอยู่บนรถม้าทอดสายตา...มองในระดับเดียวกับอีกฝ่าย ก่อนจะะเิเสียงหัวเราะออกมาอย่างดูถูกดูแคลน นางกุมหน้าผากเอนกายราวกับดอกไม้ไหวตามสายลม “โอ๊ย ข้าเวียนหัวจนหน้ามืดไปหมดแล้ว ให้เดินเท้าคงเดินไม่ไหวหรอก คงต้องให้คนแบกขึ้นไปบนเขาเสียแล้วล่ะ”
“องค์หญิงเพคะ หม่อมฉัน...”
ชิงอีส่งสายตาอันเชือดเฉือนไปให้เถาเซียงจนต้องหุบปากสนิท ยายโง่เง่า ใช่เวลาแสดงความจงรักภักดีต่อข้าหรือไง?
เซียวเจวี๋ยมองนางอย่างเฉยเมย ทำไมเขาจะไม่เห็นตอนที่นางขึงตาใส่เถาเซียงล่ะ
แสนซนเสียจริง
มุมปากของเขายกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและเมื่อรู้สึกตัวก็กลับมาขมวดคิ้วและหุบยิ้มทันที
“เซ่อเจิ้งอ๋อง ข้าว่าแผ่นหลังกว้างใหญ่ของท่านเหมาะที่จะแบกคนยิ่งนัก”
“ไม่ได้หรอก” เซียวเจวี๋ยส่ายหน้า “ชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน ข้าไม่อาจทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงได้”
เ้าบอกว่าหญิงชายไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน? เหตุใดตอนที่ตีก้นข้าถึงไม่พูดเช่นนี้ออกมาเล่า?!
ดวงตาทั้งคู่ของชิงอีราวกับมีไฟลุกโชนส่งสายตาประณามว่าหน้าไม่อาย
เซ่อเจิ้งอ๋องทำทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรและส่งสายตาตอบกลับไปว่าเหมือนกันนั่นแหละ
ส่วนบรรดาคนอื่นในที่นั้นได้แค่คิดว่าชื่อเสียงแลเกียรติยศ สิ่งเ่าั้...ไม่ใช่ว่าท่านทั้งสองเสียไปั้แ่เมื่อเช้าแล้วหรือ?
พลันสายลมเย็นก็พัดผ่านเสริมให้ความหนาวเย็นของที่แห่งนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ชิงอีขมวดคิ้วเหลือบมองยอดเขา ทำไมพลังิญญาบนเขาลูกนี้ถึงแกร่งกล้าขึ้นล่ะ?
เซียวเจวี๋ยลงจากม้าและเดินไปที่หน้ารถม้า “เราล่าช้ามามากแล้ว องค์หญิงทรงอภัยให้ข้าด้วย”
นี่ก็เป็อีกเื่ที่ไม่มีใครเชื่อ
ชิงอีรับรู้สถานการณ์บนนี้เป็อย่างดี แต่ไม่ได้คิดที่จะสืบหาความจริง แต่ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนใจ นางเบะปากเอนกายลงไปที่หลังของเขา
เซียวเจวี๋ยเอาแขนเกี่ยวเข่าของนางและออกเดิน ชิงอีรู้สึกไม่มั่นคงนักจึงรีบคว้าคออีกฝ่ายมากอดไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นถึงได้ตระหนักได้ว่าเขาจงใจจึงยื่นมือไปบิดไหล่เขา
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของเซียวเจวี๋ยดังขึ้นมาจากข้างหน้าพร้อมคำขู่ “หากยังซนอีกละก็อย่าโทษข้าที่โยนท่านลงพื้นก็แล้วกัน”
************************
[1] ต้าลัวจินเซียน คือ เซียนที่อยู่ในระดับสูงสุดและเป็ะ
[2] เรือล่มในคลองระบายน้ำ (阴沟里翻船) หมายถึง ควบคุมได้ไม่ดีจนเกิดปัญหา