เหนียวแน่นหนึบหนับ ไม่อยากแยกจากกันและกัน
ตกกลางคืนโจวเฉิงนอนไม่หลับพลิกตัวกลับไปกลับมา
กว่าเขาจะหลับใหลได้ ความคิดฟุ้งซ่านในสมองก็โผล่ออกมารบกวนเขาตลอดเวลา ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานหยอกล้อในความฝันของเขาทั้งคืน ผ้าห่มยับยู่ยี่ หลังจากเขาตื่นนอนก็พบกับความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับร่างกายตนเอง ยามเช้าตรู่ โจวเฉิงอาบน้ำเย็น อีกทั้งยังซักกางเกงที่ทำสกปรกไว้ เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านย่าอวี๋ โจวเฉิงรู้สึกประหม่ามากทีเดียว... จะโทษเขาก็ไม่ได้นี่นา คนหนุ่มเปี่ยมด้วยกำลังวังชา ได้ยินว่านั่นเป็เื่ปกติ
แต่เมื่อไรเขาจะได้แต่งงานกับภรรยาเสียทีนะ?
ถ้าเป็ดั่งเซี่ยเสี่ยวหลานพูดจริงๆ รอเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย แบบนั้นอย่างน้อยยังเหลืออีกตั้งสี่ปีกว่า โจวเฉิงคิดว่าเขาคงอดทนจนเป็บ้าแน่นอน
เมื่อว่าที่ลูกเขยอยู่ หลิวเฟินจึงรีดแป้งห่อเกี๊ยวั้แ่เช้าตรู่ ไส้เนื้อหมูล้วนใส่ต้นหอมเล็กน้อย เกี๊ยวแต่ละตัวอ้วนกลม ไส้แน่นเสียแป้งเกี๊ยวแทบปริแตก หลิวเฟินต้มให้โจวเฉิงหนึ่งจานใหญ่ เกี๊ยวต้มที่แม่ภรรยาทำให้จะไม่รับประทานจนหมดได้หรือ? แถมโจวเฉิงกำลังอยู่ในวัยระบบเผาเผลาญทำงานเต็มที่ เกี๊ยวสิบกว่าตัวไม่ได้มากมายอะไรเลย รับประทานหมดอย่างสบายๆ
โจวเฉิงวางตะเกียบลง จากนั้นก็เริ่มเกริ่นถึงฝานเจิ้นชวน
“คุณน้าหลิว ผมมาซางตูก็เพื่อแก้ไขเื่นี้ วันนี้ผมจะไปจัดการให้เอง คุณน้าวางใจได้ พอถึงคืนนี้เื่ราวจะมีผลลัพธ์เบื้องต้นแน่นอนครับ”
หลิวเฟินจะวางใจได้ที่ไหนกัน เธอกังวลยิ่งกว่าอะไรดี
“ฝานเจิ้นชวนมีอำนาจมากในเขตเหอตง โจวเฉิงเธอ...”
โจวเฉิงเธอเป็เพียงคนต่างถิ่นเท่านั้น จะจัดการได้จริงหรือ?
หลิวเฟินอยากโน้มน้าวโจวเฉิงว่าอย่าปะทะโดยใช้ความรุนแรง กำลังอ้าปาก แต่เธอกลับไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร เพื่อทำลายความกังวลของเธอ โจวเฉิงจึงล้วงบัตรประจำตัวของตนเองออกมาให้เธอดู
หลิวเฟินไม่เข้าใจความแตกต่างจำเพาะของหน่วยงาน เธอแค่เห็นตำแหน่งของโจวเฉิงเท่านั้น
ขนาดโจวเฉิงส่งเซี่ยเสี่ยวหลานไปซางต้าแล้ว หลิวเฟินยังคงงุนงงอยู่ เธอจึงถามย่าอวี๋
“...เด็กคนนั้นทำตำแหน่งอะไรนะคะ?”
“ถือเป็ผู้บังคับบัญชาระดับย่อยน่ะ ไม่ได้ใหญ่โตเป็พิเศษ แต่สำหรับวัยอย่างโจวเฉิงนี้ สุดยอดมากแล้วล่ะ”
อายุ 21 ปีก็มีตำแหน่งเช่นนี้แล้ว... ย่าอวี๋ขบคิด หลิวเฟินซื่อสัตย์และใจเสาะมามากกว่าครึ่งชีวิต ยังจะมีชะตาแบบนี้ได้อีกหรือ? เซี่ยเสี่ยวหลานฉลาดเป็กรดอย่างที่คิดจริงๆ ตอนคบหากับโจวเฉิงอาจไม่ทราบหน้าที่การงานของเขาชัดเจน ทว่าสายตาช่างแหลมคมยิ่งนัก พอเลือกแล้วก็ได้ัท่ามกลางมนุษย์เลยทีเดียว!
ย่าอวี๋ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับตำแหน่งงานแก่หลิวเฟินโดยคร่าว
หลิวเฟินไม่แน่ใจว่าระหว่างโจวเฉิงกับฝานเจิ้นชวนใครเหนือกว่ากัน แต่เธอรู้เพียงว่าโจวเฉิงไม่ได้อ่อนด้อยแน่นอน ในขณะที่ฝานเจิ้นชวนอายุไม่ต่างกับเธอมาก โจวเฉิงอายุเพิ่ง 21 ปีเท่านั้น!
ย่าอวี๋พูดว่าเป็ ‘ัท่ามกลางมนุษย์’ สองสามทศวรรษก่อนคือบุตรเขยในอุดมคติที่ตระกูลข้าราชการชั้นสูงและพ่อค้าวาณิชย์ต่างพากันแย่งชิง
หลิวเฟินคิดถึงสภาพครอบครัวตนเองแล้ว ก็ไม่เข้าใจว่าหนุ่มสาวที่แตกต่างกันมากขนาดนั้นมาคบหากันเช่นนี้ได้อย่างไร
ย่าอวี๋สรุปคำสุดท้าย “เธอมัวพะวงกับการได้รับและการสูญเสียไปก็ไม่เกิดประโยชน์หรอก ทุกอย่างล้วนคือโชคชะตา โชคชะตากำหนดไว้ นั่นแปลว่าเลี่ยงไม่ได้”
และเช่นเดียวกัน ถ้าชะตาไม่อำนวย ใช้ทุกวิถีทางก็ร้องขอไม่ได้ ตอนนี้แค่คบหาดูใจ จะลงเอยกันหรือไม่ยังไม่อาจฟันธงได้ในตอนนี้ แม้ว่าท่าทีที่โจวเฉิงมีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นใส่ใจมาก แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า
หลิวเฟินไม่ได้ปลาบปลื้ม เธอวิตกกังวลต่างหาก ย่าอวี๋ตัดสินใจว่าไม่พูดครึ่งหลังออกมาสะกิดใจเธอดีกว่า
----------------------------------------
“วันนี้เธอกลับตอน 6 โมงเย็นเถอะ กลางวันกินข้าวที่โรงอาหารซางต้าสินะ? ตอนเย็นฉันจะมารับเธอ ถ้าตอนเที่ยงมีเวลาฉันจะมาหานะ”
โจวเฉิงอยากติดหนึบกับเซี่ยเสี่ยวหลานตลอด 24 ชั่วโมงเหลือเกิน แต่เขาลางานมาเพื่อจัดการธุระสำคัญนี้ เวลาวันหยุดก็ไม่ยาวเสียด้วย เขาต้องรีบเร่งจัดการ มิเช่นนั้นพวกคนน่ารำคาญนั่นจะรบกวนจิตใจของภรรยาเขา และทำให้ว่าที่แม่ยายเขาหวาดหวั่นขวัญผวาตามไปด้วย
“เธอไปจัดการเถอะ ฉันรู้ว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไร”
โจวเฉิงอาจไม่สะดวกที่จะพาเธอไปจัดการธุระด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานมิใช่พวกสาวน้อยไร้เหตุผล การดึงดันติดสอยห้อยตามไปด้วยจะมีความหมายอะไร? ตั้งใจทบทวนในตอนนี้ แสดงความสามารถให้เต็มที่ในตอนสอบเกาเข่า สอบให้ติดคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของหัวชิง เวลาพบปะสานสัมพันธ์กับโจวเฉิงจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก อดทนระยะหนึ่ง เพื่อโอกาสพบหน้าในอนาคตที่มากขึ้น เซี่ยเสี่ยวหลานแยกแยะความสำคัญได้อย่างแจ่มแจ้ง
และนี่คือเหตุผลที่เธอขอให้โจวเฉิงมาจัดการเื่นี้ด้วย ตอนนี้เธอจำเป็ต้องทุ่มเทความคิดจิตใจให้กับการเรียน แม้ผลการเรียนปัจจุบันจะดูไม่เลวทีเดียว สอบเข้าเรียนปริญญาตรีมหาวิทยาลัยชั้นนำได้โดยไม่กดดัน ทว่ามหาวิทยาลัยอย่างชิงหัวนั้น จะเหมือนระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วไปได้หรือ? ชิงหัวนั้นถือว่าเป็สถานศึกษาที่โด่งดังอันดับต้นของประเทศ ชาติก่อนไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ ชาตินี้ได้เปรียบกว่าเดิม แค่วิชาภาษาอังกฤษ ผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนจากการทำงานอย่างหนักมาหลายปี ระดับความรู้ของเธอในเวลานี้ล้ำหน้ากว่าตอนสอบเกาเข่าของเมื่อชาติก่อนไปไกลโขแล้ว
หลังจากที่โจวเฉิงจากไป เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็กำลังจะเดินเข้าห้องสมุด ทันใดนั้นก็มีคนโผล่ออกมาจากด้านข้าง ตั้งใจมองแล้วเป็จั๋วน่านั่นเอง
“เซี่ยเสี่ยวหลาน คนที่คุยกับเธอเมื่อครู่คือใครกันน่ะ?”
“แฟนของฉันน่ะสิ จะเป็ใครได้อีก”
เป็แฟนจริงๆ ด้วย?!
เซี่ยเสี่ยวหลานหาแบบนี้จากที่ไหนกัน จั๋วน่ายัง้าที่จะโต้แย้ง “แล้วรุ่นพี่กงหยาง...”
“ตอนนี้กงหยางกำลังช่วยลุงฉันวาดรูปนิดหน่อยน่ะ ฉันไม่ได้สนิทกับเขามากนัก”
จั๋วน่าคิดจับเธอและกงหยางเชื่อมโยงเข้าด้วยกันเสมอ และเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ได้โกหก แรกเริ่มเดิมทีคนที่ติดต่อกับกงหยางคือเธอ แต่กงหยางอยู่ปักกิ่งได้หนึ่งเดือนแถมยังไม่กลับมา ทำงานพร้อมกับหลิวหย่ง ต้องติดต่อเจอหน้ากันทุกวัน ตอนนี้ย่อมเป็หลิวหย่งที่สนิทกับเขามากกว่าเธอแน่นอน
ข้อมูลนี้เพียงพอที่จะทำให้จั๋วน่าและเหล่าเพื่อนร่วมหอคร่ำครวญหวนไห้
จั๋วน่าคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีดีเพียงรูปลักษณ์ บอกว่าปีนี้จะสอบเข้าหาวิทยาลัย สุดท้ายจะสอบได้อย่างไรก็ยังไม่รู้นี่นา สอบติดมหาวิทยาลัยหรือไม่เป็เื่ที่ไม่แน่นอน แต่คนรักของเธอเป็ที่ประจักษ์อยู่ตรงนั้น มาซางต้าสองหนแล้ว ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไรก็โดดเด่นเหลือเกิน
เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ห้องสมุดในวันนี้ เธอรู้สึกว่าสายตาที่จับจ้องสนใจเธอน้อยลงแล้ว
เมื่อวานหลายๆ คนถูกโจวเฉิงโจมตีเสียจนสลดหดหู่ พวกเขายังไม่ทันได้สนิทกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ไม่สามารถมาถามให้ชัดเจนเหมือนจั๋วน่าได้ ส่วนพวกที่วันนี้ยังปรากฏตัวในห้องสมุดอย่างสดชื่นแจ่มใสได้ ล้วนเตรียมสภาพจิตใจมาเป็เวลานานยิ่งนัก แม้พวกเราหน้าตาไม่ได้หล่อเหลาขนาดนั้น แต่มีความรู้และความสุขุมนะ จะต้องปรับมุมมองการเลือกคู่ครองของน้องสาวให้ได้!
โจวเฉิงไม่ได้รับรู้เลยว่าในห้องสมุดยังมีคนอีกกลุ่มที่้าแงะตีนกำแพงของเขาอยู่
ทว่าคนเ่าั้แงะตีนกำแพงไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาต้องเอาเื่ฝานเจิ้นชวนก่อน โจวเฉิงจะไม่ไปตามเ้าตัวที่เขตเหอตง เขาจะทำให้ฝานเจิ้นชวนมาพบเขาที่ซางตู ไม่ว่าอย่างไรเขตเหอตงก็คือฐานหลักของฝานเจิ้นชวน โจวเฉิงไม่ได้กลัวอีกฝ่าย แต่เขากลัวจะทำเื่ราวใหญ่โตเกินจำเป็โดยไม่ตั้งใจ ผู้บังคับบัญชาที่อนุญาตวันหยุดให้เขาจะรับผลกระทบไม่ไหว
โทษครั้งก่อนถูกยกเลิกแล้ว จะโดนอีกครั้งทั้งที่เพิ่งเว้นระยะเวลาสั้นแค่นี้หรือ?
ไม่คุ้มค่าสำหรับการต่อกรกับฝานเจิ้นชวนสักนิด
โจวเฉิงไม่ได้ไปพบลุงของเส้ากวงหรง ถ้าขอให้เส้าลี่หมินช่วย จะไม่ใช่การแก้ปัญหาด้วยสถานะของโจวเฉิงเอง ทว่าอาศัยเกียรติของครอบครัว พอเส้าลี่หมินช่วยเหลือธุระนี้ เื่ราวก็จะแพร่จากซางตูไปถึงปักกิ่ง เมื่อตระกูลโจวทราบ มารดาของเขาจะไม่ทราบได้หรือ? โจวเฉิงรู้ดีว่าคนในครอบครัวยังมีอคติต่อเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ เขาจะปล่อยให้คนในตระกูลโจวเข้าใจผิดต่อไปได้เสียที่ไหน
อีกทั้งยังต้องขอสุนัขฝึกหนึ่งตัวจากคนอื่น โจวเฉิงจะเดินทางไปหน่วยงานพี่น้องในพื้นที่สักรอบ
ควรหาคนมาทำกำแพงบ้านย่าอวี๋อีกดีกว่า เพิ่มเศษกระจกอีกหน่อย หากขึงตาข่ายลวดไฟฟ้าจะเกินไปหรือไม่?
ของพวกนี้คือของตายทั้งสิ้น ตื่นตัวและยืดหยุ่นสู้คนเป็ๆ ไม่ได้
ทว่าเขาคงไม่อาจส่งคนสองคนไปยืนเฝ้ายามบ้านย่าอวี๋ได้หรือเปล่า? กระทั่งเขายังไม่ถึงระดับที่ต้องมีคนคอยเฝ้ายาม นับประสาอะไรกับสวัสดิการของสมาชิกครอบครัว นอกเสียจากไม่ใช้วิธีที่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ โจวเฉิงกำลังลังเล
ขณะโจวเฉิงเริ่มปฏิบัติหน้าที่ หลี่ต้งเหลียงและเก่อเจี้ยนที่รีบมาจากหยางเฉิง ก็หา ‘หลานเฟิ่งหวง’ ตามที่อยู่จนพบด้วยความเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าจากการเดินทางเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้