เห็นหลินฟู่อินวิ่งตามหลินซานหลางไป หลินเฟินและหลินฟางก็มองหน้ากัน ก่อนจะจับมือหลินต้าเหอกับเฟิงซื่อวิ่งตามไปติดๆ
“ไอ้หยา เ้าเด็กซานหลางจะทำอะไรกัน?” เฟิงซื่อใเสียจนลืมความเสียใจแล้ว
ครั้งนี้แม้แต่หลินฟู่อินก็เดาใจหลินซานหลางไม่ถูกว่าจะทำอะไรกันแน่ รู้แต่ว่าเขาโกรธมากจริงๆ
หลินเฟินไม่ได้คิดมาก กระซิบเสียงพร่า “หวังว่าซานหลางคนไม่ทำอะไรแปลกๆ นะ ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากแล้ว คงกลับไปคุยกับคนพวกนั้นที่บ้านเดิมกระมัง”
เฟิงซื่อกลัวยิ่งกว่า น้ำเสียงใไปหมด “โอย เด็กคนนั้น นั่นพ่อแม่เขา ปู่ย่าเขา หากพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด ทำสิ่งที่ไม่ควรทำจะแย่เอาได้! รีบเข้าหน่อย รีบหยุดเอาไว้…”
เมื่อหลินฟู่อินได้ยินที่พวกเฟิงซื่อคุยกันจากด้านหลังก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี
เมื่อกี้เฟิงซื่อยังเสียใจแทบตายอยู่เลย ตอนนี้กลับเปลี่ยนมาเป็ห่วงหลินซานหลางแทนแล้ว ชวนให้อบอุ่นหัวใจเหลือเกิน
แต่นางก็ชอบความใจดีเช่นนี้ของเฟิงซื่อนี่แหละ เพราะคนเช่นนี้จึงจะมีมนุษยธรรม
หลินซานหลางวิ่งไม่หยุดไปตลอดทางอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงบ้านเดิมสกุลหลินก็งอตัวเงยหน้ามองลานบ้านที่คุ้นเคยด้วยดวงตาเปียกชื้น ในนั้นมีทั้งความโกรธ ทั้งความโศกเศร้า
จ้าวซื่อออกมาเทน้ำล้างผักพอดี เมื่อเห็นหลินซานหลางยืนตัวงอหอบหายใจอยู่หน้าประตูก็เลิกคิ้วด่าทันที “ไอ้เด็กไร้ประโยชน์ ไม่ใช่พวกเ้าไปกินข้าวที่บ้านสามหรอกหรือ? ทำไม? ไปกินด้วยหลายวันหน่อยเลยโดนไล่กลับมาหรือยังไง?”
ทันทีที่หลินฟู่อินมาถึงก็ได้ยินเสียงเสียดหูของจ้าวซื่อ อีกฝ่ายอยู่ในวัยสี่สิบ หากหลินต้าหลางแต่งงานก็จะกลายเป็แม่สามี คำพูดและการกระทำของนางย่อมทำให้ผู้คนดูถูกแน่!
จ้าวซื่อหางตาชี้ขึ้นมาทันทีที่เห็นหลินฟู่อิน นางเกลียดเด็กคนนี้เป็ทุนเดิม จึงถือโอกาสด่าด้วยทันที “ตายจริงฟู่อิน ขี้งกปานนี้เชียว? มิใช่แค่อาหารมื้อเดียวหรอกหรือ? ข้ารู้ว่าบ้านรองนั่นก็ให้ลูกสาวสองคนไปกินข้าวที่บ้านเ้ามาหลายเดือนแล้ว เหตุใดพี่สามของเ้าไปกินข้าวด้วยไม่กี่วันก็ไล่กลับมาหน้าประตูบ้านแล้วล่ะ?”
หากไม่ใช่อีกฝ่ายคือมารดาแท้ๆ ของหลินซานหลาง หลินฟู่อินคงถ่มน้ำลายใส่หน้านางไปแล้ว!
เห็นคนบ้านสองวิ่งตามมาติดๆ จ้าวซื่อก็กลอกตารีบถอยกลับไปหลังประตูทันที คิดอยากจะปิดประตูใส่ ทว่ายังบ่น “วันนี้มันวันอะไรกัน? ที่บ้านไม่มีของกินกันหรือยังไง? บุกมาถึงนี่ตอนตะวันกลางหัว บ้านพวกข้าไม่ได้ทำกับข้าวให้พวกเ้านะ!”
เมื่อหลินซานหลางหายใจจนทั่วท้องแล้ว ในตอนที่มองจ้าวซื่อผู้เป็มารดาตัวเองดวงตาก็เย็นะเืลง ทว่าหัวใจกลับเย็นเยียบยิ่งกว่า
ไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดมารดาจึงเป็เช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะหาทางเอาเปรียบบ้านสองบ้านสามให้ได้ เช่นนี้น่าสนใจนักหรืออย่างไร?
เขากำหมัดแน่น ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลินซานหลางตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่ได้มาบ้านเดิมเพื่อกินข้าว! ต่อให้หิวจนตายก็ไม่กินข้าวของท่าน!” ดวงตาหลินซานหลางยามนี้สงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะอกตัญญู แต่เป็เพราะสิ้นหวังจนไม่เหลืออะไรแล้วต่างหาก
จ้าวซื่อไม่คิดว่าลูกชายคนเล็กที่ทำตัวไร้แก่นสารจะพูดกับตัวเองเช่นนี้ น่าใที่สุดคือถ้อยคำไม่น่าฟังที่พ่นออกมา
นางมองลูกชายคนเล็กที่ไม่เคยเอาจริงเอาจังผู้นั้นแล้วตวาด “ซานหลาง ไอ้เด็กนี่ พล่ามไร้สาระอะไรของเ้า? ไม่กินข้าวของข้า เช่นนั้นก็ใช้ความสามารถเ้าทำให้บ้านสามรับเลี้ยงไปเสีย!”
“ข้าจะทำตามที่ท่าน้า เื่นี้ท่านตัดสินใจไม่ได้ ข้าจะไปคุยกับท่านปู่!” ในที่สุดหลินซานหลางก็ยืดตัวตรง จากนั้นก็หันไปมองคนบ้านสองทั้งสี่ และมองหลินฟู่อินที่มุ่นคิ้วอยู่ “ท่านอาสอง ท่านอาสะใภ้สอง พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง ฟู่อิน เข้าไปคุยกับท่านปู่ข้างในกันเถอะ!”
หลินฟู่อินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเมื่อได้ยินหลินซานหลางพูดเื่ความปรารถนาของจ้าวซื่อนัก เพราะนางเคยพูดชัดเจนไปแล้วว่าบ้านสามไม่รับบุตรบุญธรรม
ไม่ต้องพูดว่าบ้านนางมีเ้าเสี่ยวเป่าอยู่แล้ว แค่วันนี้ได้ยินข่าวท่านพ่อก็มากพอจะป้องกันไม่ให้หลินซานหลางคิดเื่มาเป็ลูกบุญธรรมบ้านนาง!
แต่หากหลินซานหลาง้าจะเข้ามาอยู่ในบ้านนางจริงๆ ก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้ อย่างน้อยในตอนนี้นางก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านมากมายอะไรนัก
นางเฝ้ามองเขามาหลายวัน หลินซานหลางก็คือหลินซานหลาง บ้านใหญ่ก็คือบ้านใหญ่ นางพอใจนิสัยของหลินซานหลางมาก
โดยเฉพาะหลังจากที่เข้าไปขายไข่ในเมืองวันนี้ หลินซานหลางนับว่าเป็คนมีความรับผิดชอบทีเดียว…
หลินฟู่อินคิดคำนวณอยู่ในใจนับครั้งไม่ถ้วน จนหลินซานหลางต้องลากตัวนางเข้าไปในห้องหลักของบ้านหลิน
ปู่หลินกำลังนั่งแกะเปลือกถั่วปากอ้าอยู่ เมื่อเห็นพวกหลินฟู่อินเข้ามาก็นิ่วหน้า
“พวกเ้ามาที่นี่ทำไม?”
“ท่านปู่ ข้า้าไปเป็ลูกบุญธรรมขอรับ!” หลินซานหลางเข้าเื่ทันที มองหน้าปู่หลินตรงไปตรงมา
“อ้อ” ชายชรามองเขาด้วยสายตาที่ไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนจะมองหลินฟู่อินที่ยังคงโดนจับแขนอยู่ แล้วถามเขา “ความคิดของเ้าหรือซานหลาง หรือเป็ความคิดของฟู่อินเล่า?”
อย่ามองเพียงหน้านิ่งๆ ของปู่หลิน ที่แท้ยามนี้ในใจเขากำลังตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง
เพราะเป็เวลาอาหารกลางวัน หลินต้าซานจึงกลับจากทุ่งนาแล้ว ได้ยินว่าหลินซานหลางอยากไปเป็ลูกบุญธรรมก็เร่งร้อนวิ่งเข้ามาในห้องหลักทันที
แต่ไม่มีใครสนใจเขา ทุกคนต่างก็กำลังอึ้งกับคำพูดของเด็กหนุ่ม
รู้ว่าเป็ความคิดของหลินซานหลางเอง ปู่หลินก็เบะปากลงน้อยๆ ดวงตามีแววผิดหวัง ทว่ายังคงส่ายหน้าและตำหนิออกไป “เ้าคิดเองแล้วยังไง? ฟู่อินยังไม่ยอมตกลง เ้าจะโกนหัวประท้วงหรือ?”
“เื่นี้ฟู่อินไม่จำเป็ต้องตกลงขอรับ อีกอย่าง วันนี้พวกเราเข้าเมือง ได้ข่าวจากท่านลุงที่หมู่บ้านเหล่าชู่ว่ามีข่าวท่านอาสามแล้ว” หลินซานหลางมองหน้าปู่หลิน น้ำเสียงคล้ายจะมีการตำหนิเสียดสีอยู่บ้าง
“อาสามของเ้ามีข่าวอะไร?” จะบอกว่าไม่ยินดีก็ไม่ได้ อย่างไรคนก็เป็ลูกชายแท้ๆ ของชายชรา
ปู่หลินกลอกตา ในเมื่อเ้าสามมีข่าว ทั้งคนยังมีบุตรชายแล้ว จะเอาลูกบุญธรรมไปเพื่ออะไร?
หรือเ้าสามคิดอยากรับเลี้ยงซานหลาง? ซานหลางจึงบอกว่าเื่นี้ฟู่อินไม่จำเป็ต้องตกลง
ไม่ ไม่ใช่ ฟังจากความหมายของซานหลางแล้ว ใช่จะไปเป็ลูกเลี้ยงบ้านสามจริงๆ หรือ?
ปู่หลินตกตะลึงเมื่อคิดเช่นนี้ จากนั้นจึงมองหลินซานหลางด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
แต่หลินซานหลางกลับหันหน้าไปยังหลินต้าเหอช้าๆ “ท่านปู่ขอรับ ข้าอยากเป็ลูกบุญธรรมของท่านอาสอง ข้าอยากเป็ลูกชายของท่านอา ขอเพียงท่านอาสองและอาสะใภ้สอง พี่สาวใหญ่และพี่สาวรองเห็นด้วย!”
“ซาน… ซานหลาง เ้าหมายความว่า จะมาเป็ลูกบุญธรรมข้าหรือ?” หลินต้าเหอใจนอึ้งไป แทบจะเป็ลมเสียเดี๋ยวนั้น
เฟิงซื่อเองก็ใเช่นกัน
นางคิดเสมอว่าหลินซานหลางอยากเป็ลูกบุญธรรมบ้านสาม ตอนนี้ได้ยินว่าเขาอยากเข้ามาเป็ลูกเลี้ยงบ้านตัวเอง จะไม่ใได้อย่างไร?