เซี่ยเสี่ยวหลานรอคังเหว่ยอยู่ที่เผิงเฉิง
ส่วนเส้ากวงหรงที่ ณ ตอนนี้กำลังขอร้องอ้อนวอนคังเหว่ยอยู่ที่ปักกิ่ง “น้องชาย ช่วยพี่หน่อย ถ้านายไม่ช่วยพี่ เงินที่ติดหนี้นายจะคืนได้เมื่อไรกัน?”
คังเหว่ยอยากเตะเ้าสหายหน้าด้านคนนี้ให้คว่ำเสียเต็มแก่
ตอนนี้คนติดหนี้ใช้ชีวิตประหนึ่งคุณชาย เขาคิดว่าตัวเองนั้นได้ติดกับดักเส้ากวงหรงเข้าแล้ว ยืมเงินของเขาไป ได้ทั้งเอาใจว่าที่พี่สะใภ้ ได้ทั้งตกแต่งบ้านของเส้ากวงหรงเอง ส่วนคังเหว่ยเป็คนควักเงิน ในขณะที่เส้ากวงหรงรับประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง ยิ่งกว่านั้นคือมาบอกเอาตอนนี้ว่าไม่มีปัญญาคืนเงินแล้ว ขอให้คังเหว่ยพาเขาไปสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกันอย่างหน้าไม่อาย พอร่ำรวยถึงจะมีเงินคืนให้เ้าหนี้ ถ้าเ้าหนี้ไม่ลงทุนให้ต่อ เงินที่ให้ยืมก่อนหน้านี้ก็จะกลายเป็หนี้สูญซึ่งจะไม่ได้คืน—คังเหว่ยจะทำอย่างไรได้ เขาเองก็สิ้นหวังมากเหมือนกัน!
“ฉันไม่เอาเงินคืนจากนายแล้วก็ได้ เงินนั่นถือว่าให้นายเป็ของขวัญแต่งงานล่วงหน้าแล้วกัน”
ใครเขาใส่ซองถึงหนึ่งหมื่นสองพันหยวนกัน? นี่คือความเอื้ออาทรที่กระทั่งระหว่างพี่น้องร่วมสายเืยังไม่มีให้อย่างไม่ต้องสงสัย
เส้ากวงหรงไม่เห็นด้วยน่ะสิ “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องเป็พวกติดหนี้แล้วไม่คืนรึ? ไม่ได้! เงินนี่ต้องคืนสิ!”
ไม่ว่าอย่างไรก็จะหน้าด้านตามไปให้ได้สินะ
คังเหว่ยพยายามดึงกอเอี๊ยะหนังสุนัข [1] ชิ้นนี้ออกสุดแรง “เรามาคุยกันอย่างจริงจังหน่อยเถอะ เื่ร่วมหุ้นทำธุรกิจน่ะ ใครมีเงินย่อมสมทบเงิน ไม่มีเงินก็สนับสนุนอย่างอื่นแทน ถ้าไม่ไหวยังควรที่จะออกแรงได้ ในสามอย่างนี้นายเป็พวกไหน? อย่างน้อยนายควรเห็นแก่หน้าพี่เฉิงจื่อ ทำไมพี่สะใภ้เขาต้องชวนฉันทำธุรกิจนี้ ทั้งที่หุ้นส่วนธุรกิจที่พร้อมควักเงินหลายหมื่นหยวนมาร่วมลงทุนได้มีอยู่มากมายทั่วหยางเฉิง จำเป็ต้องใช้เงินของฉันรึ? แน่นอนว่าแม้แต่ฉันก็ได้ประโยชน์จากเขา แล้วเราจะทำตัวหน้าไม่อายเกินควรโดยพานายไปเอาเปรียบอีกคนไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ?”
เงิน ทรัพยากรอื่นๆ รวมถึงกำลังกาย เส้ากวงหรงไม่เข้าพวกไหนเลยจริงๆ
ถ้าธุรกิจนี้อยู่ในเขตซางตู เขายังพอใช้ประโยชน์จากนามของเส้าลี่หมินได้ ทว่าธุรกิจอยู่ไกลถึงเผิงเฉิง เส้ากวงหรงนับจำนวนญาติสนิทมิตรสหายทั้งหมดของตนเองแล้ว ไม่มีสักคนที่สามารถช่วยได้เลย ตอนเผิงเฉิงยังไม่ถูกจัดเป็เขตเศรษฐกิจ ใครจะยินดีไปที่นั่นกัน?
ไม่ต้องพูดถึงลงแรงกาย งานของเส้ากวงหรงยังสุขกายสบายใจตนอยู่ด้วยซ้ำ นอกจากเงินเดือนน้อยไปนิดหน่อย ก็หาข้อเสียอื่นไม่เจอแม้แต่อย่างเดียว
จะให้เขาทิ้งงานและประจำการอยู่ที่ตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ดของเผิงเฉิงตลอดทั้งปี ครอบครัวเขาไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน
และเส้ากวงหรงเองก็ไม่เห็นด้วย เขาเห็นคังเหว่ยลงทุนมีเงินเป็กอบเป็กำจนตาร้อนเกิดความโลภ ทว่าเขาไม่้าจะปลดตนเองจากงานประจำเพื่อไปทำธุรกิจอิสระ มนุษย์เราไม่สามารถผลประโยชน์ทุกอย่างได้ ต้องมีได้มีเสียเสมอ ส่วนการทั้งทำธุรกิจและเป็บัณฑิตเกาเข่าเช่นเดียวกับพี่สะใภ้เสี่ยวหลานนั้น มีใครรู้บ้างว่าทำได้อย่างไร เอาเป็ว่าแม้แต่คังเหว่ยก็ทำไม่ได้
เดาว่าเส้ากวงหรงน่าจะทำไม่ได้เหมือนกัน
คำพูดไม่กี่ประโยคของคังเหว่ยทำให้เส้ากวงหรงรู้สึกละอายใจ
เส้ากวงหรงไม่รบเร้าต่อ เขาหงอยเงียบซึมเซา เมื่อเห็นดังนั้นคังเหว่ยก็เกิดความรู้สึกสงสารสหายคนนี้ขึ้นมาอีก
เส้ากวงหรงเสียเพียงปากสว่าง อย่างไรเสียก็เป็คนรักพวกพ้องมาก คังเหว่ยไม่กล้ารับปากอย่างเป็มั่นเป็เหมาะ แต่แค่หาเงินใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ คิดดูแล้วคงไม่ยากหรอกใช่หรือไม่? อย่างมากที่สุดเขาก็ให้เส้ากวงหรงยืมเงินอีกหน่อย... เอ๋ เหมือนมีตรงไหนผิดปกตินะ?
“พานายไปเผิงเฉิงน่ะก็พอได้ แต่นายอย่าพูดเื่ร่วมหุ้นเชียว แค่ตามฉันไปดูเท่านั้นพอ”
เส้ากวงหรงเผยใบหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาทันที อีกทั้งยังขยับเข้ามาใกล้ๆ อย่างน่ารำคาญ “เื่ที่พี่สะใภ้เป็ที่หนึ่งมณฑลของเกาเข่านี่ นายว่าตอนนี้บ้านโจวรู้หรือยัง?”
คังเหว่ยไม่แน่ใจเช่นกัน “พี่เฉิงจื่อถึงกับบอกพวกเราแล้ว ฉันว่าคงบอกแล้วล่ะ!”
เื่น่ายินดีปรีดาแบบนี้ ถ้าไม่บอกครอบครัวทันทีที่รู้ ยังจะรออะไรอีกล่ะ
ทว่าคังเหว่ยกลับไม่รู้ เป็ธรรมดามากที่จะอวดเื่บางเื่กับเพื่อนฝูง แต่ต้องเก็บสงวนต่อผู้ใหญ่ในครอบครัว
โจวเฉิงโทร.ไปที่บ้าน หากกวนฮุ่ยเอ๋อเป็คนรับ โจวเฉิงคงบอกไปตามตรงแล้ว สำหรับโจวกั๋วปิน โจวเฉิงมีวิธีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนั้นแตกต่างออกไป โจวเฉิงไม่จำเป็ต้องพูดอย่างชัดเจน โจวกั๋วปินก็เข้าใจอย่างถ่องแท้เอง
พอโจวกั๋วปินได้ยินว่าประกาศผลคะแนนเกาเข่าแล้ว เขาก็ทายว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบได้ดีแน่นอน โจวเฉิงถึงดีใจมากขนาดนั้น
โจวเฉิงอยากพาคนรักเข้าบ้านเหลือเกิน เพื่อจะได้รับการอนุมัติจากครอบครัว
เมื่อหญิงสาวคนรักไม่มีชาติตระกูลที่ดี จะสามารถพิชิตความโปรดปรานของผู้ใหญ่ฝ่ายชายได้อย่างไร? แน่นอนว่ามีแต่ต้องเป็เลิศด้วยความสามารถของตนเท่านั้น! ไม่ต้องพูดถึงจิตใจดีงามเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อะไรทั้งสิ้น คุณสมบัติด้านคุณธรรมเหล่านี้เป็เพียงสิ่งสมมติ เป็สิ่งที่เสแสร้งแกล้งทำได้ เป็สิ่งที่ต้องคบหาสมาคมระยะยาวถึงจะพิจารณาได้ ทว่าจะเป็เลิศหรือไม่ คือสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาคนนอกั้แ่แรกเห็น
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลโจวก็ไม่้าสะใภ้ที่ไร้จุดเด่นและทำได้แค่อาศัย ‘จิตใจดีงามเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่’ ในการนำเสนอตนเองเช่นกัน จิตใจดีงามเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่บวกด้วยหน้าตาสวยก็ไม่ได้หมายความว่า ‘จิตใจงาม’ คือลักษณะที่ดี ก่อนสิ่งอื่นใดคือต้องมีความสามารถในการควบคุม ‘จิตใจงาม’ นี้ บางครั้งความคิดโง่เง่าที่โผล่มาโดยไม่ทันตั้งตัวอาจลากทั้งครอบครัวลงนรกไปด้วยกันก็ได้!
นี่ก็คือสิ่งที่โจวกั๋วปิน้าจากลูกสะใภ้ อันดับแรกตัวโจวเฉิงเองต้องชอบ เสน่หาคือเสาหลักที่ทำให้การวิวาห์ยืนยง โจวเฉิง้าการแต่งงานที่มั่นคง อีกอย่างหนึ่งก็คือคนรักที่โจวเฉิงจะเลือกไม่ควรโง่เกินไป โจวกั๋วปินมิอาจยอมรับได้ถ้าโจวเฉิงจะเลือกแจกันดอกไม้... ถึงกระนั้นโจวกั๋วปินไม่กังวลเื่ที่กวนฮุ่ยเอ๋อกังวล โจวเฉิงจะชมชอบหญิงสาวที่มีดีเพียงรูปโฉมได้อย่างไร?
หญิงสาวต้องเป็เลิศอย่างแน่นอน ถึงทำให้โจวเฉิงปล่อยไปไม่ได้เช่นนี้
ทว่ายอดเยี่ยมถึงระดับไหนกันแน่ เ้าลูกชายโจวเฉิงคนนี้ยังจะเก็บเงียบไว้ให้ครอบครัวใคร่รู้อยู่อีกหรือ?
โจวกั๋วปินตักเตือนภรรยาตนสักหน่อย ทว่ากวนฮุ่ยเอ๋อกลับรั้นยิ่งนัก
“เธอจะสอบได้ดีเท่าไรกันเชียว? เก่งกล้าสามารถจริงรึ คราวก่อนไม่กล้าจะเจอฉันจนหนีไปด้วยซ้ำ ฉันว่าก็ได้แค่นั้นแหละ!”
คนคนหนึ่งกำหนดพื้นเพครอบครัวของตนไม่ได้ ชาติกระกูลอะไรทั้งหลายไม่ใช่สิ่งสำคัญจริงๆ แต่อย่างน้อยฝ่ายหญิงควรมั่นใจไม่หวั่นสิ? แค่ได้ยินว่าเธอ้าพบ ก็รีบร้อนนั่งรถไฟกลับบ้านเกิดเสียแล้ว กวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกโกรธเคืองถึงขีดสุด เธอมิใช่เสือร้ายกินคนเสียหน่อย จะหนีทำไมกัน!
“โจวเฉิงบอกว่าพอเกาเข่าจบแล้ว จะพาเ้าตัวเข้าบ้าน นี่คะแนนก็ออกแล้ว ทำไมไม่พูดถึงเื่นี้บ้างเลย? บ้านเราไม่ใช่ถ้ำเสือเสียหน่อย จะกินเธอได้ที่ไหน? ถ้าให้ฉันพูด เธอรู้อยู่แก่ใจดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับโจวเฉิงของพวกเรา ผัดผ่อนได้เท่าไรก็เท่านั้นล่ะสิ นึกว่าเดี๋ยวผ่านไปหลายปีพวกเราจะฝืนใจยอมรับเธอเองรึ? อย่าหวัง!”
กวนฮุ่ยเอ๋อฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด โจวกั๋วปินจึงค่อยๆ รินน้ำให้เธอ
“คุณพูดอย่างนี้ก็เกินไปนะ ไม่ใช่ทัศนคติของคนเป็ผู้หลักผู้ใหญ่เลยสักนิด ผมว่าคุณเป็คนใจกว้างกับคนที่ไม่รู้จักออกจะตาย”
กวนฮุ่ยเอ๋อถือน้ำแก้วนั้นไว้โดยไม่พูดไม่จา
เธอสามารถโอบอ้อมอารีต่อคนนอกได้อยู่แล้ว เพราะคนเ่าั้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย
เพียงแต่ในฐานะมารดาบังเกิดเกล้าของโจวเฉิง กวนฮุ่ยเอ๋อมีลูกชายเพียงคนเดียว พฤติกรรมที่โจวเฉิงปกป้องเซี่ยเสี่ยวหลานทำให้กวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกว่าความสำคัญของตนถูกรุกล้ำ มารดาทั่วหล้าใต้ฟ้าทุกคนล้วนจุกจิกกับการเลือกเฟ้นลูกสะใภ้ คนเป็แม่ล้วนคิดว่าลูกชายของตนนั้นดีเลิศที่สุด ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนไหนก็คู่ควรเคียงข้างเขา แม้โจวเฉิงจะค้นหาคู่หมายต่อไป หญิงสาวที่รอให้โจวเฉิงเลือกมีอยู่เยอะแยะขนาดนั้น จะต้องเลือกคนที่คุณสมบัติทุกด้านย่ำแย่มาท้าทายระดับความโอบอ้อมอารีของครอบครัวให้ได้เชียวหรือ?
เมื่อโจวกั๋วปินเห็นดังนั้น เขากล่าวจึงเสริมไปอีกหนึ่งประโยค
“ยังไม่ทันเจอตัวจริง คุณก็มีอคติหนักหนาขนาดนี้เสียแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่โจวเฉิงไม่กล้าพาผู้หญิงเขามาง่ายๆ”
ด้วยความคิดของกวนฮุ่ยเอ๋อที่ดื้อรั้นดันทุรังและตีตนก่อนไข้อุปาทานว่าคนรักโจวเฉิงไม่ดีนี้ ต่อให้พามาก็จะเลือกหาแต่ข้อผิดพลาดอยู่ดี นี่มันไม่ต่างจากการทำลายล้างอันแสนร้ายแรงต่อรักครั้งแรกของโจวเฉิง!
เชิงอรรถ
[1]狗皮膏药 กอเอี๊ยะหนังสุนัข หมายถึง ของปลอม สินค้าหลอกขาย ซึ่งมีที่มาจากยาชนิดหนึ่งในรูปแบบแผ่นแปะ และอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง บางครั้งจะใช้คำนี้ในการบรรยายว่าคนคนหนึ่งตามติดวอแวอย่างหนัก สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด