คนที่เรียกหาเขาไม่ใช่ใต้เท้าิ แต่เป็คุณชายสามิเยี่ย
บ่าวเฝ้าประตูจวนพาเขาเข้ามารอด้านในประตูหน้า แม้มีที่นั่งรอ แต่ิหยวนรู้ฐานะตนดีจึงยืนรอนิ่งๆ สักพักก็มีบ่าวรับใช้เดินออกมารับเขาเข้าไป ิหยวนเคยมาเหยียบจวนตระกูลิเพียงสองครั้ง ครั้งแรกตอนเขายังเป็เด็ก เขาได้รับอนุญาตให้ไปเล่าเรียนที่สำนักศึกษา ท่านพ่อจึงพาเขามาที่นี่เพื่อแสดงความขอบคุณ ครั้งที่สองคือตอนที่เขามาขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าแทนคุณชายตงเลี่ยงตอนเทศกาลเรือั แต่เขาได้พบเพียงพ่อบ้านที่ประตูชั้นใน
ปีใหม่ของทุกปี เหล่าคนงานจะมาที่นี่เพื่อขอบคุณนายจ้าง พวกเขาก็ได้แต่รวมตัวกันที่ลานด้านนอก ไม่สามารถผ่านประตูจวนเข้ามาข้างในได้ นี่จึงเป็ครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาเหยียบจวนใหญ่โตโอ่อ่าขนาดนี้แบบจริงๆ จังๆ
ระหว่างทางเดิน ิหยวนตื่นตาตื่นใจมาก แต่เขาก็ยังสำรวมกิริยาได้เป็อย่างดี แน่นอนว่าทางที่พวกเขาเดินไม่ใช่ทางเดินหลัก บ่าวรับใช้พาเขาเดินลัดเลาะไปตามทางเดินเล็กๆ ในสวน เขาลอบใช้สายตากวาดมองรอบๆ พบว่าด้านในมีตัวเรือนเรียงราย แบ่งสัดส่วนไว้อย่างเป็ระเบียบ ล้วนถูกสร้างขึ้นด้วยความประณีต ห้องหับมีมากมายจนไม่อาจนับได้ด้วยตาเปล่า เทียบกันแล้วจวนขุนนางเมื่อห้าร้อยปีก่อนยังไม่ใหญ่โตเท่านี้
บ่าวรับใช้และสาวใช้ทุกคนทำงานเงียบๆ เดินเร็ว แต่ไม่รีบร้อนและไม่ส่งเสียงดัง แสดงให้เห็นว่าจวนมีกฎระเบียบที่เคร่งครัด ิหยวนอดนึกเปรียบกับบ้านฟางที่ตนอาศัยอยู่ไม่ได้ เฝ้าบอกตัวเองในใจว่าทุกคนต่างมีโชคชะตาของตัวเอง แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจฝืนลิขิตฟ้าบัญชา์
เขาเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ผ่านซุ้มประตูบานแล้วบานเล่าจนมาถึงห้องโถงใหญ่ บ่าวรับใช้ผู้นั้นก้มหัวให้เขาก่อนส่งเขาให้แม่นมผู้หนึ่งรับ่ต่อ เป็สตรีวัยกลางคน สวมชุดผ้าไหมสีอ่อน เรียบง่ายไม่มีลวดลาย ทว่าดูมีสง่าราศีไม่น้อย หากบังเอิญพบกันข้างนอก เขาคงคิดว่าเป็ฮูหยินจากตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
“มิทราบว่าแม่นมสกุลใดขอรับ?”
“เรียกข้าว่าแม่นมจางเถิด ที่นี่เป็สวนของเ้านาย เ้าอย่าได้เดินไปสุ่มสี่สุ่มห้า” แม่นมเห็นว่าเขาเป็เด็กสุภาพ รู้กาลเทศะ จึงให้คำแนะนำแก่เขา
ิหยวนจึงเอ่ยขอบคุณนาง เดินตามนางมาได้สักพักก็ถึงสวนเล็กๆ สาวใช้คนหนึ่งเข้ามาทักทายนาง แม่นมจางจึงฝากเขาไว้กับสาวใช้ผู้นั้นก่อนหมุนตัวเดินจากไป
ิหยวนคำนับขอบคุณอีกหนึ่งครั้งก่อนที่นางจะจากไป
“เ้าคือิหยวนใช่หรือไม่?”
“เป็ผู้น้อยเองขอรับ”
“คุณชายของเราไม่ค่อยชวนผู้ใดมาที่จวน ข้าไม่รู้ว่าเ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด แต่โปรดสำรวมกิริยา อย่าเสียมารยาท แต่ก็ไม่ต้องเป็กังวลจนเกินไป คุณชายของเราเป็คนจิตใจดี…”
ระหว่างที่สาวใช้กำลังอธิบาย ผู้เป็นายออกมาพอดี ทันทีที่คนผู้นั้นเห็นิหยวน ดวงตาพลันเป็ประกาย เขารีบเดินมาคว้าตัวิหยวนเข้ามาที่ห้องตำรา “หยวนเก้อเอ๋อร์เ้ามาแล้ว วันนี้เ้าต้องช่วยข้า”
สาวใช้ตะลึงงัน ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมองผู้เป็นายลากคนที่กำลังคุยด้วยออกไปจนลับตา
ิหยวนก่นด่าในใจ เพราะเขาจำเป็ต้องสำรวมและรักษามารยาท อยู่ที่สำนักศึกษาพวกเขาคือสหายร่วมสำนัก ไม่ผิดที่จะล้อเล่นหรือถกเถียงกัน แต่ยามอยู่ในจวนแห่งนี้ ฐานะของพวกเขาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
พอสาวใช้ยกชามาให้ ิเยี่ยก็รีบไล่นางออกไป
“ดื่มชาๆ” ิเยี่ยนั่งลงใกล้ๆ เขา “เมื่อวานเ้าได้เอาชุดน้ำชาไปส่งท่านอาจารย์หรือไม่?”
“ย่อมต้องเป็เช่นนั้นอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นตอนนี้มันอยู่ที่ใด?”
“ตู้ลิ้นชัก” ิหยวนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาจับผิด “เหตุใดท่านจึงถามถึงเื่นี้?”
“โธ่เอ๊ย! เอ่อ... คืออย่างนี้ ไม่ใช่เื่ใหญ่อันใดหรอก” ิเยี่ยลังเล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกความจริง
“ชุดน้ำชานี้พึ่งออกมาจากโรงดินเผาตระกูลข้าได้ไม่นาน ช่างฝีมือต้องลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจะทำชุดน้ำชาสี่ชุดนี้ออกมาได้ ไม่กี่วันก่อนข้ารู้สึกเบื่อๆ ก็เลยเอาชุดน้ำชาที่ท่านพ่อเก็บสะสมไว้มาเล่น แต่ข้าบังเอิญทำตกแตก โชคดียังไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น”
“ฝู่จวิน [1] เป็คนใจดีมีเมตตา แค่จอกชาจอกเดียว คงไม่ลงโทษท่านหรอกกระมัง”
“เ้าจะไปรู้อะไร ท่านพ่อของข้าไม่มีงานอดิเรกอื่นเลย นอกจากสะสมเครื่องลายคราม เพียงเขาได้ข่าวคราวของเครื่องลายครามเลื่องชื่อในใต้หล้า เขาก็ยอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อซื้อมัน ไม่เช่นนั้นโรงดินเผาตระกูลข้าจะผลิตของดีๆ พวกนี้ได้อย่างไร?”
พอเห็นว่าิหยวนยังคงมีสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ จึงพยายามอธิบายต่อ “ก่อนหน้านี้ไม่นานข้าพึ่งก่อเื่งามหน้าไว้ หากเื่นี้ถึงหูท่านอาจารย์ มีหรือคนที่จวนข้าจะไม่รู้ วันๆ ข้าต้องคอยลุ้นระทึกว่าจะถูกเรียกพบเมื่อใด เหมือนมีดาบจ่อที่คอข้าตลอดเวลา หากรู้ว่าข้าก่อเื่อีก ท่านพ่อยังทำใจเย็นไม่ไล่ตีหัวข้าก็แปลกแล้ว”
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้” ิหยวนพยักหน้าพลางแบมือ “แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร ข้าเองก็ไม่รู้วิธีทำเครื่องลายคราม”
“โธ่เอ๊ย! เหตุใดเ้าถึงไม่เข้าใจ ชุดน้ำชาทั้งสี่ชุดนี้เหมือนกันทุกประการ ผู้ใดจะดูออกเล่า?” ิเยี่ยทุบโต๊ะด้วยความร้อนใจ “ปกติแล้วเ้าต้องทำความสะอาดสำนักศึกษา เ้าช่วยคิดหาวิธีเอาจอกชาของท่านอาจารย์มาให้ข้าได้หรือไม่?”
ิหยวนหันขวับมองอีกฝ่าย “ท่านบ้าไปแล้วหรือถึงได้คิดจะขโมยของของท่านอาจารย์?”
“เื่นี้มันหมายถึงชีวิตข้าเลยนะ” ิเยี่ยสะบัดชายแขนเสื้อ ตำลึงเงินจำนวนหนึ่งจึงหล่นลงข้างจอกชา
ิหยวนเอ่ยหน้านิ่ง “บุญคุณของคุณชายตงเลี่ยงที่มีต่อข้าสูงส่งดั่งขุนเขา”
ิเยี่ยกลอกตาพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าให้เ้าเพิ่มอีกหนึ่งก้วน [2]”
ิหยวนยกยิ้มพลางเก็บเงินใส่แขนเสื้อ “เช่นนั้นผู้น้อยจะลองคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้คุณชายสามดู”
“แล้วก็... ห้ามให้ผู้ใดรู้เื่นี้เด็ดขาด”
“ข้ารู้หรอกน่า”
“จริงสิ ยังมีอีกเื่หนึ่ง” ิเยี่ยให้ชวนเขาดื่มชาอีกถ้วย แล้วเริ่มเข้าประเด็นใหม่ “สาวใช้เมื่อครู่เ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่?”
ิหยวนพยักหน้า
“นางมีนามว่าปี้อวี้”
อืม... ก็ดูเป็สาวงามอ่อนหวานมีเสน่ห์เหมาะกับชื่อดี
“เ้ารู้วิธีทำแท้งหรือไม่?”
พรวด!!!
ิหยวนถึงกับพ่นน้ำชาใส่หน้าิเยี่ย
-----------------------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ฝู่จวิน (府君) หมายถึง เป็คำเรียกประมุขตระกูลนั้นๆ แบบให้เกียรติ
[2] ก้วน (吊) หมายถึง ค่าเงิน 1 ก้วนเท่ากับ 1000 เหวิน (อีแปะ) ซึ่ง 1000 เหวินเ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้