“ดูที่ปลายของลิ่มโลหะนี้ ว่ามันชี้ไปที่ใด แล้วก็ะโเข้าไปยังจุดที่มันหายไป แค่นั้นเอง”
พูดจบ ก็โยนลิ่มโลหะลงในกระดานหมากแห่งความตาย
หลงหว่านชิงและองครักษ์ทั้งสอง ต่างมองเห็นตำแหน่งนั้นกันแล้ว จึงะโลงไปทันที พริบตา พวกเขาก็เข้าสู่โลกของหมากล้อม จากนั้นร่างแยกของคนทั้งสาม ก็ปรากฏเป็หมากล้อมสีดำสามเม็ด ที่ลอยอยู่เหนือกระดานหมาก
พวกเขาะโเข้าสู่โลกของหมากล้อมแห่งความตาย ที่มีผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในนั้น ใบหน้าของคนเหล่านี้ช่างว่างเปล่า ไร้ซึ่งความหวัง
...
“พวกกู่ไห่กำลังทำอะไร? เหตุใดถึงต้องเข้าไปในหมากล้อมแห่งความตาย”
“นั่นสิ! หมากล้อมแห่งความตาย ก็ผูกไว้กับความตายเท่านั้น! เหตุใดถังจู่แห่งหออี้ผินถึงได้ะโเข้าไปล่ะ?”
“ไม่เดินหมากล้อมแห่งชีวิตต่อแล้วหรือ?”
เหล่าผู้ฝึกตนมองไปยังกลหมากตรงหน้า ด้วยความไม่เข้าใจ
ในบรรดาผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วน ใต้ต้นไม้ใหญ่บนยอดเขา มีร่างของใครบางคนในชุดคลุมสีดำและสีขาวยืนอยู่...
เว่ยเซิงเหรินมาแล้ว!
เขามองดูกลหมากที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะครุ่นคิดชั่วครู่
“ทักษะหมากล้อมของกู่ไห่? เ้านี่คือผู้สืบทอดของท่านผู้เฒ่าหรือ? แต่น่าเสียดาย ที่เขาดูจะไม่กระตือรือร้นที่จะรับมรดกเท่าใดนัก... ฮ่าๆ!” เว่ยเซิงเหรินรำพึง พลางหัวเราะเยาะ
เมื่อเห็นหลงหว่านชิงเข้าสู่กลหมากแห่งความตายแล้ว เว่ยเซิงเหรินก็หาได้ร้อนใจไม่
“หลงหว่านชิง? บุตรสาวของเสี่ยวเยว่? ผู้เป็พ่อปล่อยให้ลูกถูกสังหารอย่างไม่ยุติธรรม โดยไม่คิดจะสนใจเลยอย่างนั้นหรือ? ฮึ่ม!” น้ำเสียงของเว่ยเซิงเหรินมีแต่ความเ็า
...
บนดอกโบตั๋นโปร่งใสขนาดั์ กู่ไห่ยืนอยู่ข้างกลหมากแห่งชีวิต พลางมองดูหมากล้อมแห่งความตายที่อยู่ไม่ไกลนัก ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย อย่างจับจ้องไปที่บางอย่าง
“พ่อบุญธรรม แม้ว่าท่านจะปล่อยให้ถังจู่เข้าไปช่วยหลี่ฮ่าวหราน แต่ข้ากลับรู้สึกว่านางอาจจะไม่ฟังในสิ่งที่ท่านร้องขอ?” กู่ฉินกล่าวด้วยความกังวล
กู่ไห่พยักหน้า พลางพูด “ข้ารู้! แม้นางจะฉลาด แต่บางครั้งก็ตาบอด ความฉลาดทางปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ไม่เหมือนกัน นางเป็แบบนี้ ก็หมายความว่าใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดให้มากความ... ให้นางรับรู้ด้วยตัวเองเถอะ!”
“แต่วิธีนี้...” กู่ฉินเอ่ยเสียงแ่ อดไม่ได้ที่จะเป็ห่วงหญิงสาว ที่เพิ่งะโเข้าไปในกลหมากเมื่อครู่
กู่ไห่มองหมากแห่งชีวิต สลับกับหมากแห่งความตายที่อยู่ไม่ไกลกันนัก “เ้าจงรออยู่ที่นี่ ข้าจะไปเอาหมากสีทองอีกเม็ด”
“ยังมีอีกเม็ดหนึ่งหรือ?” กู่ฉินถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็ของฟู่เสวี่ย ที่ใช้ควบคุมเม็ดหมากโปร่งใสอย่างไรล่ะ” กู่ไห่ตอบ
“อา… ไม่ใช่ว่ามันถูกเว่ยหยางบดขยี้ไปแล้วหรอกหรือ?” กู่ฉินถามอย่างไม่คาดคิด
“อดีต ปัจจุบัน และอนาคต... ตราบใดที่มี ‘ตอนนี้’ หมากเม็ดนั้นก็ย่อมมีอยู่เสมอ!” กู่ไห่เอ่ย
“หือ?” กู่ฉินกำลังสับสนกับคำพูดของผู้เป็บิดา
กู่ไห่ก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะะโข้ามไปยังอีกฝั่ง เพื่อไปเอาหมากสีทองอีกหนึ่งเม็ดที่เหลืออยู่
“ย๊าก!”
เสียงฮือฮาจากด้านนอก ดังขึ้นกว่าเดิม
“กู่ไห่บ้าไปแล้ว? หรือเขาจะไม่อยากชนะในหมากล้อมแห่งชีวิต? ทำไมเขาถึงะโลงไปในหมากล้อมแห่งความตายล่ะ?” ผู้ฝึกตนจำนวนมากที่อยู่ด้านนอกต่างก็ตกตะลึง ไม่เข้าใจความคิดของกู่ไห่
ผู้ฝึกตนบางคนที่พยายามะโเข้าไปด้านใน โดยหวังจะแย่งชิงมรดกที่กู่ไห่ได้รับ ทว่า แค่ะโขึ้นไปบนกลีบดอกโบตั๋นั์ พวกเขาก็ถูกดูดเข้าไปในโลกของหมากล้อมแห่งความตายทันที
ดังนั้นการกระทำของกู่ไห่ จึงดูโง่เขลานักในสายตาของคนอื่นๆ
“ไม่! ทำไม... ทำไม? ไม่ยุติธรรมเลย!” ทันใดนั้น เหล่าผู้ฝึกตนต่างก็พากันกู่ร้องด้วยความสิ้นหวัง
ทำไมพวกเขาถึงเดินไปยังหมากล้อมแห่งชีวิตไม่ได้ ทันทีที่ก้าวเข้าไป ก็ถูกดูดเข้าสู่กลหมากแห่งความตายทันที ซ้ำร้ายอาจจะถูกเิไท่สังหารอีกด้วย
กู่ฉินมองตามแผ่นหลังของกู่ไห่ ที่ะโหายเข้าไปในกลุ่มเม็ดหมากโปร่งใส ด้วยใจที่จดจ่อ ก่อนที่หมากไร้สีจะปรากฏขึ้นอีกหนึ่งเม็ด
“นายท่านไปทางฝั่งเม็ดหมากโปร่งใสใช่หรือไม่? ในนั้น มีเพียงฟู่เสวี่ยที่ได้รับาเ็ และเหล่าปีศาจมากกว่าสามหมื่นตนมิใช่หรือ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่เื้ักู่ฉิน เอ่ยถามเสียงเรียบ
...
“หึ!”
กู่ไห่ะโลงไปในกลหมากแห่งความตาย รู้สึกถึงแรงสั่นะเืรอบตัว อย่างกับว่ามีบางอย่างถูกแยกออก เมื่อเขาเงยมอง ก็พบว่ามีหมากโปร่งใสเม็ดหนึ่ง ซึ่งเป็ร่างแยกของเขาปรากฏขึ้น มันลอยอยู่บนกระดาน โดยมีด้ายสีทองพุ่งเข้ามาเชื่อมต่ออย่างแ่เบา
ตูม!
ทันใดนั้น กู่ไห่ก็ตกลงไปในหุบเขา
พื้นด้านล่างมีลักษณะโปร่งใสเช่นเดียวกับโลกภายนอก ใต้พื้นซึ่งมีรอยแตกร้าวเล็กน้อยนั้น เขาสามารถมองเห็นชีพจรัที่ถูกผนึกไว้ พร้อมกับดอกโบตั๋นแปดสี แต่บริเวณโดยรอบ กลับถูกรายล้อมไปด้วยูเาและแม่น้ำ
นี่เป็โลกที่เต็มไปด้วยป่าไม้ สถานที่ที่กู่ไห่หล่นลงมา เป็หุบเขาขนาดใหญ่ บนยอดเขาด้านนอก มีผู้ฝึกตนบางคนยืนอยู่ ราวกับจะปิดกั้น ไม่ให้ทุกคนออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ รอบๆ ตัวเขา มีคนที่กลายร่างเป็อสูรมากกว่าสามหมื่นคน โดยแต่ละคนก็มีลักษณะที่น่ากลัวแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะมีผมเป็งู หรือมีฟันและกรงเล็บอยู่บนศีรษะของพวกเขา
“หุบเขานี้เป็พื้นที่ของเม็ดหมากโปร่งใส ที่ถูกปิดล้อมด้วยเม็ดหมากสีขาวกับสีดำ?” กู่ไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย
“นั่นใครน่ะ?”
“กู่ไห่?”
“เหตุใดเ้าถึงได้เข้ามาที่นี่?”
“แม้แต่กู่ไห่ก็แพ้อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อกลุ่มคนที่กลายเป็อสูรพบกู่ไห่ พวกเขาก็เข้ามารุมล้อมทันที
“ข้ารู้สึกว่าหัวใจของกู่ไห่เต้นแรง มันจะต้องอร่อยมากแน่!” หนึ่งในกลุ่มคนครึ่งอสูรเอ่ย ใบหน้านั้นช่างน่าเกลียดนัก
“บัดซบ! เ้านี่ก็มีกลิ่นอายอสูรเหมือนกัน แต่ใครจะสนล่ะ? ไหนๆ ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกไปได้หรือเปล่า ข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น... กินมันเสีย!”
“กินเขา!”
ครึ่งปีศาจเข้าห้อมล้อมทุกทิศทาง หวังจะฉีกกินกู่ไห่
“ใครกินใครกันแน่!?” กู่ไห่ยิ้มเยาะ
พลางยื่นมือออกไปข้างลำตัว ก่อนจะปรากฏกระบี่โลหิตเล่มหนึ่งที่มือซ้าย ส่วนมือขวาก็ค่อยๆ ล้วงเข้าไปบริเวณซี่โครงของตน
ฉึก!
เขาดึงกระบี่เจวี๋ยเซิงออกมาจากร่าง พลันกลุ่มควันสีดำก็ปกคลุมรอบตัวกู่ไห่
ภาพที่เขาดึงซี่โครงออกมาเป็กระบี่นั้น ทำให้เท้าของเหล่าครึ่งปีศาจที่กำลังจะทะยานร่างเข้ามา ถึงกับหยุดชะงัก เ้าของใบหน้าตื่นตะลึงเ่าั้ พลันรู้สึกลังเล
“ซี่... ซี่โครง?” คนครึ่งอสูรเอ่ยอย่างพิศวง
กู่ไห่กวาดตามองกลุ่มครึ่งอสูรที่ยืนอยู่รอบบริเวณ ทุกคนล้วนเคยเป็ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ ก่อนกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “แทนที่จะตายในค่ายกลใหญ่ มิสู้สิ้นใจด้วยน้ำมือข้า!”
พูดพลาง ก้าวไปข้างหน้า และปราดเข้าใส่กลุ่มคนครึ่งอสูรที่ยืนล้อมตนทันที
กระบี่โลหิตที่มีพลังเทียบเท่ากับระดับหยวนอิงพุ่งออกไป ครึ่งปีศาจที่อยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด ล้วนมีพลังเพียงระดับแก่นทองคำและก่อ์เท่านั้น ด้วยระดับพลังที่ต่างกันมากเกินไป พวกเขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู่ไห่
ฉึกๆๆๆ!
ภายใต้ความเร็วและพลังอันมหาศาล ภาพที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏแก่สายตาของทุกคน ทันทีที่กระบี่ตัดผ่านิัของครึ่งอสูร ควันสีดำก็หมุนวน พลันเ้าหัวกะโหลกจิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วน ก็ปรี่เข้าหาร่างของอสูรเคราะห์ร้ายตนนั้น
“อ๊าก!”
“กระบี่ของเขากำลังกินคน!”
“ไม่! อย่ากินข้า… ช่วยด้วย!”
“ผู้าุโ... ช่วยด้วย!”
ไอสีดำปกคลุมไปทั่วร่างของกู่ไห่ เขาเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว เพื่อสังหารอสูรที่รุมล้อมตน
เพราะพวกเขาสนุกสนาน และมีความสุขกับการได้กินผู้คน กู่ไห่จึงไม่ได้ออมแรงหรือลังเลสักนิด ในการสังหารพวกเขา
บัดนี้ ครึ่งปีศาจทุกคนถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำ เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวชดังก้องไปทั่วบริเวณ ทันทีที่กลุ่มควันลอยผ่าน ร่างเ่าั้ก็เหลือแต่กองกระดูกสีขาว เมื่อเห็นเช่นนั้น อสูรกลุ่มหนึ่งที่ยังหลงเหลือ พลันหน้าถอดสีด้วยความหวาดหวั่น
ชั่วพริบตา ครึ่งอสูรมากมายก็ถูกสังหารไปง่ายดายเช่นนี้
เมื่อกลุ่มคนครึ่งอสูรเห็นหมอกสีดำ พวกเขาต่างก็หันหลัง วิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยากที่จะหันหลังกลับแล้ว และการที่จะหลบหนีจากกู่ไห่ ก็เป็ไปได้ยากเช่นเดียวกัน ไม่ช้าก็เร็ว อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องตายอยู่ดี
ฆ่าๆๆๆ!
กระบี่สังหารเคลื่อนผ่านกองกระดูกสีขาวหม่น หมอกสีดำลอยไปทั่วหุบเขาเพื่อสังหารเหล่าคนครึ่งอสูร เช่นนี้แล้ว กู่ไห่เพียงคนเดียว ก็สามารถไล่ฆ่าอสูรไปได้นับหมื่นตน
“ผู้าุโ ช่วยด้วย... ช่วยด้วย ผู้าุโ... อ๊าก!”
“นี่มันกู่ไห่... ช่วยด้วย มันคือกู่ไห่!”
“กู่ไห่! ข้าเป็ศิษย์หมู่ตาน พวกเราล้วนเป็ศิษย์ของสำนักหมู่ตาน ไม่มีความแค้นใดกับเ้า!"
“กู่ไห่... เ้ากล้าสังหารข้าอย่างนั้นหรือ?”
เสียงร้องโหยหวนดังก้องหุบเขา เกิดความวุ่นวายไปทั่วพื้นที่
...
ณ มุมหนึ่งของหุบเขา
กลุ่มคนครึ่งอสูรเข้าห้อมล้อมฟู่เสวี่ย ที่ตอนนี้ได้รับาเ็สาหัส
ฟู่เสวี่ยกำลังปรับลมหายใจ เหล่าผู้พิทักษ์ต่างก็ผลัดเปลี่ยนกันมาใช้พลังช่วยรักษาเขา ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากที่ไกลๆ
อสูรทะเลเจียวหลงจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“ผู้าุโ กู่ไห่บุกมาที่นี่แล้วขอรับ!” คนใต้อาณัติกล่าวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
เมื่อมองไป ก็เห็นบริเวณที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีดำอยู่ไกลๆ ซึ่งหมอกเ่าั้ได้พุ่งเข้าหาเหล่าคนครึ่งอสูรอย่างรวดเร็ว และทุกที่ที่กลุ่มควันเคลื่อนผ่าน ก็จะเหลือแค่กองกระดูก ความเร็วในการล่าสังหารนี้ ช่างน่าพรั่นพรึงยิ่ง จึงทำให้ฟู่เสวี่ยไม่พึงใจนัก
“กู่ไห่อีกแล้วหรือ?” สีหน้าของฟู่เสวี่ยมืดครึ้ม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามีเื่กับคนผู้นี้
“ฮึ่ม!” ฟู่เสวี่ยแค่นเสียง
เขาค่อยๆ ลุกขึ้น ก่อนย่างเท้าออกจากบริเวณนี้ พุ่งตรงไปหากู่ไห่
คราวนี้ ฟู่เสวี่ยเตรียมจะสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ไม่อยากจะเอ่ยถ้อยคำไร้สาระ เพื่อซื้อใจอีกฝ่ายเหมือนก่อน
ตูม!
ฟู่เสวี่ยมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำอย่างรวดเร็ว ราวกับะุปืนใหญ่ เพียงพริบตา กรงเล็บของเขาก็พุ่งไปยังร่างของกู่ไห่ ที่กำลังวุ่นอยู่กับการสังหารคนของเขา
“เอ๊ะ!”
กรงเล็บัที่พุ่งเข้ามา เหมือน้าจะฉีกร่างของกู่ไห่ให้เป็ชิ้นๆ ในคราเดียว
“ฟู่เสวี่ย? ข้ารอท่านมานานแล้ว!” กู่ไห่พูดกลั้วหัวเราะ
“ฮึ่ม!”
ทันใดนั้น แสงสีทองเจิดจ้าก็พุ่งออกมาจากควันหมุนวนสีดำ แหวนทองคำลอยออกมา ก่อนจะพุ่งกระแทกกรงเล็บั
ตูม!
เสียงะเิดังสนั่นไปทั่วบริเวณ กรงเล็บัแตกกระจาย แล้วแหวนทองคำก็หลอมรวมกับพลังของกรงเล็บัทันที
“นี่มัน?” ท่าทีของฟู่เสวี่ยพลันเปลี่ยนไป
“แหวนั อาวุธวิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อจัดการกับเผ่าั!” กู่ไห่กล่าว ก่อนหัวเราะเสียงต่ำ
“เป็ไปไม่ได้! พลังของเ้าอยู่ในระดับใดกัน จึงสามารถใช้แหวนันี่ได้?” ฟู่เสวี่ยร้องด้วยความประหลาดใจ
“ข้าส่งพลังชี่แท้ของตัวเองเข้าไปในแหวน พบว่ามันถูกบังคับด้วยกลหมากยี่สิบแปดเส้นเท่านั้น ค่ายกลแบบนี้ ข้าคุ้นเคยเป็อย่างดี ฉะนั้น แค่พลังชี่แท้ของข้าไหลเวียนเข้าไป ก็สามารถบังคับแหวนัได้ตามใจนึกแล้ว” กู่ไห่ตอบ พลางหัวเราะลั่น
ระหว่างที่เอ่ย วงแหวนัก็ขยายใหญ่ขึ้น พลันแสงสีทองเจิดจ้าเข้าครอบคลุมร่างของฟู่เสวี่ย
“ไม่! ไม่…! ทำไมกัน!?” ฟู่เสวี่ยพยายามสะบัดหนีอย่างหวาดผวา
แต่ก็ไร้ผล แหวนัพุ่งขึ้นมา ก่อนจะกระแทกเข้าใส่ฟู่เสวี่ย
ตูม!
“อ๊าก!”
ฟู่เสวี่ยร้องคำราม ขณะถูกพลังอันมหาศาลของแหวนัโจมตี จนกลายร่างกลับไปเป็เจียวหลงขนาดห้าร้อยจั้ง[1]
“ฮึ่ม!”
แหวนัวงนี้มีพลังมหาศาล ราวกับูเาที่กำลังเคลื่อนเข้าบดขยี้ฟู่เสวี่ยให้แหลกเป็จุณ
“ไม่! เ้า... เหตุใดถึงได้มีอาวุธวิเศษ ที่เอาไว้จัดการกับเผ่าัได้?” เจียวหลงคำราม พลางดิ้นรนจะลุกขึ้น ร่างของมันสั่นสะท้าน พยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากวงแหวนั
อย่างไรก็ตาม แหวนัเป็อาวุธวิเศษที่ท่านผู้เฒ่าหลอมสร้างขึ้นมา พลังของมันจึงมหาศาลนัก ทำให้ฟู่เสวี่ยเคลื่อนไหวได้ยากเหลือเกิน
“ฆ่ากู่ไห่ให้ข้า! ทุกคนจงสังหารกู่ไห่ให้ข้า... ข้า้าชีวิตมัน!” เจียวหลงคำรามลั่นอย่างดุร้าย
“โฮก...!”
ได้ยินเช่นนั้นกลุ่มคนครึ่งอสูรใต้อาณัติของฟู่เสวี่ย จึงกระโจนเข้าใส่กู่ไห่ทันที
---------------------------------------
[1] ห้าร้อยจั้ง เท่ากับประมาณ 1,665 เมตร หรือราวๆ 1.67กิโลเมตร