ร่างกายของหลินกู๋หยู่รู้สึกอึดอัดทรมาน ใบหน้าของนางซีดเซียวไร้ร่องรอยของสีเื
แต่ถึงจะอึดอัดทรมานเพียงใด นางก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นแต่อย่างใด
นางนั่งอยู่ตรงหน้าหมอตู้ ก่อนจะยื่นมือออกไป
หมอตู้กลอกตามองหลินกู๋หยู่ วางมือบนแขนของนางและจับชีพจรอย่างระมัดระวัง
“ไม่มีอะไร ข้าเป็แค่ไข้ ทานยาก็ดีขึ้นแล้ว” หมอตู้จับชีพจร แล้วค่อยๆ ถอนมือออกโดยไม่แม้แต่จะมองหลินกู๋หยู่เพียงแวบหนึ่ง เขาพูดอย่างโกรธๆ ว่า “เ้าเองก็เป็หมอไม่ใช่หรือ ทำไมเ้าไม่รักษาตัวเอง?”
หลินกู๋หยู่ไม่ตอบ เพียงแต่ก้มหน้าลง
หลังจากรับยา ฉือหางก็พยุงหลินกู๋หยู่และเดินออกไปข้างนอก
ทันทีที่ออกจากโรงหมอ ฉือหางก็เห็นฉือเทาเดินตามคนสองไปที่ตรอกแห่งหนึ่ง
“เ้าพักผ่อนสักพักเถอะ ข้าจะไปดู”
ฉือหางมองไปที่ฉือเทาด้วยความสงสัย ฉือเทาติดตามสองคนนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็คนที่มาทวงหนี้เสียด้วย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉือหางก็ยิ่งกังวลมากขึ้น
“เ้าไปเถอะ” หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างเหนื่อยล้า เงยหน้าขึ้นมองและยื่นมือผลักฉือหางออกไป
ที่นี่คือโรงหมอสกุลลู่ ผู้คนที่นี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินกู๋หยู่ นางอยู่ที่นี่ เขาสามารถวางใจได้
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่เอื้อนเอ่ย ฉือหางก็ช่วยประคองหลินกู๋หยู่นั่งลงแล้วเดินออกไปอย่างกระวนกระวาย
หลินกู๋หยู่นั่งบนที่นั่งเดิมอย่างอ่อนแรง หลายคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับนางจึงเข้ามาถามอาการ และไม่ลืมที่จะยกน้ำชามาให้
ลู่จื่อยู่ยืนอยู่ในห้องหนังสือที่ลานด้านหลังโรงหมอ ยืนอยู่หน้าโต๊ะ กำลังฝึกคัดลายมือ
เสียงของคนเ่าั้พูดสนทนากันถึงประเด็นที่หลินกู๋หยู่ป่วยลอดดังมาจากข้างนอก หัวใจที่สงบนิ่งมาตลอดก็เริ่มกระเพื่อม
โดยไม่รู้ตัว ท้องฟ้าเริ่มโปรยปรายเกล็ดหิมะลงมา
หิมะสีขาวตกอยู่ตามท้องถนน บนหลังคาบ้าน และบนร่างของคนเดินสัญจรบนถนนก็เต็มไปด้วยเกล็ดสีขาว
ฉือหางลอบตามฉือเทาโดยเป็กังวลอยู่หลายส่วน เพราะพวกเขาไม่ได้คืนเงินทั้งหมดให้กับคนเ่าั้
“ครอบครัวของเรามีเงินมากเท่านี้” เสียงกังวลของฉือเทาลอดดังมาจากข้างใน
ฟังคำพูดของฉือเทา ฉือหางลอบมองสถานการณ์ข้างใน เดิมทีเขาอยากจะเข้าไปหาคนเ่าั้โดยตรง แต่กระนั้นเขาคิดว่าเขาต้องดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร
“เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ซุนข่ายกลอกตาไปที่ฉือเทาและพูดอย่างจนปัญญา “เดิมทีข้าคิดว่าจะมีเงินมากกว่านี้ด้วยซ้ำ”
"เ้าคิดว่าครอบครัวของเรามีเงินเท่าไรกัน?" ฉือเทาเอื้อมมือไปหยิบถุงเงินในมือของซุนข่ายพลิกคว่ำ เปิดดูแล้วพูดต่อว่า "พวกเ้าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าจะให้เงินพวกเ้าห้าสิบตำลึง พวกเรามีเงินเพียงสองร้อยสิบตำลึงเท่านั้น งานนี้คุ้มค่ามาก”
อะไรนะ?
หลังจากได้ยินสิ่งที่ฉือเทาพูด ใบหน้าของฉือหางก็น่าเกลียด คิ้วของเขาก็ขมวดแน่น
นั่นเป็ละครปาหี่ที่พวกเขาร่วมกันแสดงกันงั้นหรือ?
"ก็ใช่" ซุนข่ายเหลือบมองฉือเทาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ชี้ไปที่ถุงเงินในมือของฉือเทา "เ้านับเงินประเดี๋ยวนี้ อย่ามาตามหาข้าทีหลังล่ะ!"
ฉือเทาพลิกเงินนับจำนวนและพูดด้วยความพึงพอใจ "เอาละ เพียงพอแล้ว"
หลังจากที่ฉือเทาพูดจบ เขาก็หันหลังกลับ กำลังจะจากไป จู่ๆ ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะถูกจับไหล่
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉือเทามองดูซุนข่ายอย่างสงสัย
ซุนข่ายมองฉือเทาด้วยรอยยิ้ม ตบไหล่ของฉือเทาสองครั้ง ก่อนที่จะพูดว่า "คราวหน้าหากยังมีงานเช่นนี้อีก เ้าก็เรียกใช้งานข้าโดยตรงได้"
“เตรียมรอได้เลย คราวหน้าถ้ามีอีก ข้าจะบอกเ้า พวกเราร่วมมือกันทำงานต่อไป!” ฉือเทาพูด หันหลังกลับและกำลังจะจากไป
ใบหน้าของฉือหางดูน่าเกลียดเล็กน้อย และเดิมทีเขา้าที่จะพุ่งเข้าไปกระทืบฉือเทาโดยตรง แต่หลังจากคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับเื่นี้ เขาก็หันหลังจากไป
เมื่อฉือหางกลับมาที่โรงหมอ เขาเห็นหลินกู๋หยู่นอนคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะ ดูเหมือนนางกำลังหลับอยู่
ก่อนที่ฉือหางจะเดินไปถึง เขาก็เห็นว่าหลินกู๋หยู่นั่งตัวตรงแล้ว
“กลับมาแล้วหรือ?” หลินกู๋หยู่ซีดเซียว แม้กระทั่งเสียงของนางก็ไร้เรี่ยวแรง
“อืม” ฉือหางกล่าวขอบคุณคนรอบข้าง จากนั้นช่วยประคองหลินกู๋หยู่เดินออกไปข้างนอก
ทันทีที่เดินออกไป หลินกู๋หยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง ถามอย่างฉงน "เขากำลังทำอะไร?"
เมื่อได้ยินเสียงของหลินกู๋หยู่ สีหน้าของฉือหางก็แข็งเกร็งชั่วคราว
เบี่ยงศีรษะไปมองที่หลินกู๋หยู่ ฉือหางรู้สึกจนปัญญาเป็ครั้งแรก
ถ้าเขาไม่บังเอิญเจอฉือเทาทำสิ่งนั้นในวันนี้ เขาอาจจะรู้สึกว่าฉือเทาเป็เพียงลูกที่ล้างผลาญพ่อแม่
แต่ว่าตอนนี้
ฉือหางเริ่มจะเข้าใจสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูดในวันนั้นแล้ว
สมาชิกในครอบครัวเดียวกัน บางคนก็อาจจะไม่ใช่คนดี
หลังจากเล่าสิ่งที่ฉือเทาได้ทำลงไป ใบหน้าของฉือหางก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น
“ปรากฏว่าเป็เช่นนี้นี่เอง” หลินกู๋หยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในตอนแรกข้าก็รู้สึกงงงวย แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจอย่างสมบูรณ์แล้ว”
หญิงสาวกลืนน้ำลายด้วยความเ็ป เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง เมื่อหลินกู๋หยู่พูดมีควันหมอกสีขาวถูกพ่นออกมาจากปาก
“หนาวไหม?” ฉือหางถามเสียงเบา เอื้อมมือไปจับมือของหลินกู๋หยู่ แล้วลูบเบาๆ “ยังหนาวอยู่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลินกู๋หยู่ยังคงไม่น่าดูนัก ฉือหางจึงแตะมือของหลินกู๋หยู่ที่ปากของเขา แล้วทอดถอนหายใจ
ความร้อนจากฝ่ามือทำให้หัวใจของหลินกู๋หยู่เต้นแรงไปชั่วขณะ
“ดีขึ้นมากแล้ว” หลินกู๋หยู่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุใด การป่วยคราวนี้ถึงยังไม่หายดี แววตาจับจ้องไปที่ฉือหาง
“ข้าจะแบกเ้ากลับบ้าน!” หลังจากออกจากเมือง ฉือหางเอ่ยด้วยเสียงต่ำ
"ไม่เป็ไรแล้ว ข้ายังสามารถเดินไปได้” หลินกู๋หยู่รู้ดีว่า แม้ว่าน้ำหนักร่างกายของนางจะไม่หนักมาก แต่ฉือหางก็คงจะเหนื่อยมาก หากเขาต้องแบกนางเป็เวลานาน
"ข้าแบกเ้า!” ฉือหางกล่าว เดินไปด้านหน้าของหลินกู๋หยู่และย่อตัวลง
ชายหนุ่มย่อตัวอยู่ข้างหน้านาง แผ่นหลังของคนเบื้องหน้าทำให้นางรู้สึกอบอุ่น
“ขึ้นมาสิ” ฉือหางกล่าว หันศีรษะไปมองหลินกู๋หยู่ แล้วพูดเสียงเบา “ข้าไม่เหนื่อย”
เมื่อหลินกู๋หยู่มองฉือหางเช่นนี้ นางยัง้าที่จะปฏิเสธ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าฉือหางแบกนางขึ้นโดยตรง
หญิงสาวกอดคอของฉือหางแน่นโดยไม่ทันได้เตรียมตัว หลินกู๋หยู่นอนอยู่บนแผ่นหลังของฉือหาง และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมไม่เย็นนัก
หิมะโปรยตกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
หลินกู๋หยู่พูดด้วยความประหลาดใจ "หิมะตกแล้ว เมื่อก่อนข้าไม่ค่อยได้เห็นหิมะ!"
“หิมะตกทุกปีไม่ใช่หรือ?” ฉือหางยกหลินกู๋หยู่ขึ้นมา แล้วพูดเบาๆ
“ใช่แล้ว” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองหิมะตกหนักที่โปรยปรายไปทั่วท้องฟ้า และหัวใจของนางก็ค่อยๆ อบอุ่นขึ้น
หลินกู๋หยู่พบผู้คนตามท้องถนนบ้างประปราย แต่หลินกู๋หยู่แสร้งทำเป็ไม่เห็นพวกเขา
แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่สำหรับคนแปลกหน้าแล้ว พฤติกรรมของพวกเขาทั้งสองนั้นอุกอาจเกินไป
เปลือกตาหนักอึ้งมาก ใบหน้าของหลินกู๋หยู่นอนคว่ำอยู่บนไหล่ของฉือหาง ร่างกายของนางร้อนผะผ่าวราวกับถูกไฟไหม้อย่างรุนแรง
“เ้าเป็ไข้เมื่อก่อนก็ทรมานเช่นนี้ด้วยหรือไม่?” สุขภาพของหลินกู๋หยู่ดีมาโดยตลอด นางไม่ได้ป่วยบ่อยนัก
"ก็พอทนได้” ฉือหางพูดออกมาขณะหายใจหอบ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหมอกควันสีขาว
หลินกู๋หยู่ยกมือขึ้นเพื่อปัดเกล็ดหิมะบนร่างของฉือหางอย่างแ่เบา
หิมะตกหนักมาก กิ่งก้านปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะ บนใบหญ้าก็เต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
หลินกู๋หยู่มองย้อนกลับไป เห็นรอยเท้าลึกที่ทิ้งไว้บนถนน
หลินกู๋หยู่กอดฉือหางแน่นยิ่งขึ้น นางนอนบนแผ่นหลังของฉือหาง "คงจะดีถ้ามีกล้องถ่ายรูป ข้าอยากถ่ายรูปเก็บไว้จริงๆ"
“กล้อง…ถ่ายรูปคืออะไร?” ฉือหางถามขึ้นด้วยความงุนงง
"มันเป็สิ่งที่สามารถถ่ายภาพ่เวลาที่ดีที่สุดได้” หลินกู๋หยู่หรี่ตาด้วยความสะลึมสะลือและเปิดริมฝีปากเล็กน้อย
“จะถ่ายภาพอะไร?”
"ถ่ายภาพเ้า"
คำพูดของหลินกู๋หยู่ฟังดูเหมือนจริงน้อยลงเรื่อยๆ ฉือหางเบี่ยงศีรษะไปมอง เห็นแต่เพียงศีรษะหลินกู๋หยู่ที่นอนซมอยู่บนหลังของเขา
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางรู้สึกสับสนเล็กน้อย เมื่อใดก็ตามที่หลินกู๋หยู่พูดเื่เพ้อเจ้อ ทำให้ฉือหางรู้สึกไม่สบายใจหลายส่วนเสมอ
“กู๋หยู่”
ฉือหางเรียกด้วยเสียงต่ำ
"อืม?"
หลินกู๋หยู่เบิกดวงตาของนางเล็กน้อย พยายามอย่างมากที่จะมองคนตรงหน้านางให้ชัดเจน ทว่าจู่ๆ จิตใจที่ร้อนระอุของนางก็หวนจำอะไรบางอย่างได้
ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ ให้ฉือหางมารับยาโดยตรงก็ได้แล้ว ด้วยอาการของนางเช่นนี้ ไม่แน่ว่านางอาจจะป่วยหนักกว่านี้ก็ได้
นางทำอะไรโง่ๆ ไปแล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เป็เช่นนี้อย่างแน่นอน
“เ้าอย่าหลับ ข้างนอกอากาศหนาว ถ้าเ้าป่วยขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร?” ฉือหางพูดอย่างเป็ห่วง
“ข้าจะไม่นอนหลับ” หลินกู๋หยู่พูดด้วยความสะลึมสะลือ พยายามลืมตา “เ้าก็อย่ากังวลไปเลย”
"มาคุยกันเถอะ" ขณะที่ฉือหางพูด เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อยกหลินกู๋หยู่ขึ้นมา จากนั้นเขาก็พูดขึ้น
หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ทับถมกันจนยามนี้สูงเลยข้อเท้าของฉือหางแล้ว
หลินกู๋หยู่ตะคอกอย่างอ่อนแรง “ตกลง”
เมื่อมองจากระยะไกล ร่างของทั้งคู่กลายเป็สีขาวโพลน
เดิมทีหลินกู๋หยู่ก็มีน้ำหนักไม่เบา แต่ตอนนี้มีเกล็ดหิมะมากมายบนร่างของนาง
ทุกย่างก้าว เกล็ดหิมะบนร่างของฉือหางและหลินกู๋หยู่ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา
“เ้าคิดว่าในอนาคตเราต้องให้โต้ซาไปเรียนหนังสือจริงๆ หรือ?”
"ไป” หลินกู๋หยู่พยายามลืมตาขึ้น ยกมือขึ้นปัดเกล็ดหิมะออกจากศีรษะและไหล่ของฉือหาง มือแดงก่ำจากความเหน็บหนาว
จมูกไม่สามารถระบายอากาศได้ นางหายใจได้ทางปากเท่านั้น
นอนบนไหล่ของฉือหาง เช่นนี้ดูเหมือนว่านางรู้สึกว่าร่างกายของตนเองจะดีขึ้นเล็กน้อย
“ต้องให้เขาเรียนหนังสือ ไม่ว่าเขา...” หลินกู๋หยู่ลืมตาขึ้น มองไปที่ใบหน้าด้านข้างของฉือหาง อากาศยามนี้หนาวมากจนใบหน้าของเขาแดงก่ำ “ไม่ว่าเขาจะสอบผ่านระดับท้องถิ่นหรือไม่ก็ตาม ข้าแค่หวังว่าเขาจะเข้าใจหลักการของการเป็มนุษย์ได้บ้าง”
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้านาง ดูเหมือนจะมีพลังเวทมนตร์แปลกๆ ซึ่งทำให้นางสงบจิตสงบใจ
"เชื่อฟังเ้า” ฉือหางหันหน้าไปมองหลินกู๋หยู่ พลางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย "ในอนาคต พวกเราจะมีอีกหนึ่งคน"
หลินกู๋หยู่หลับตาในสภาพเปลือกตาหนักอึ้งเต็มทน ฟังคำพูดของฉือหางและพูดว่า "อืม" อย่างมีสติ
ฉือหางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเดินไปข้างหน้าโดยมีหลินกู๋หยู่อยู่บนแผ่นหลังของเขา เม้มริมฝีปากแน่น
แม้ว่าจะเป็วันที่อากาศหนาวเหน็บ แต่เขากลับไม่รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าร่างกายของเขามีไฟอย่างไรอย่างนั้น
สวบสาบ
ทุกครั้งที่ฉือหางก้าวฝีเท้าไปข้างหน้า ก็จะได้ยินเสียงเหยียบหิมะดังสวบสาบขึ้นมาจากด้านหลัง
กลับบ้าน
ฉือหางเบี่ยงศีรษะไปมองที่หลินกู๋หยู่ นางไม่ได้พูดมาสักพักหนึ่งแล้ว
จู่ๆ ฉือหางก็รู้สึกไม่สบายใจ และเขาะโเรียกอย่างเป็ห่วง "กู๋หยู่!"
คนที่อยู่ด้านหลังไม่ขยับเขยื้อน
หัวใจของฉือหางสั่นไหวอยู่หลายส่วน เขายืนนิ่งก่อนจะเขย่าตัวหญิงสาวอย่างแรง "กู๋หยู่!"
“อยู่” เสียงแ่เบาแว่วดังมาจากคนบนร่างกาย
ใน่เวลานี้ หัวใจของฉือหางก็ผ่อนคลายลงในที่สุด
"เ้า...” ฉือหางเบี่ยงศีรษะไปมองด้านที่หลินกู๋หยู่นอนคว่ำอยู่ แล้วเอ่ยถามเสียงต่ำว่า "เ้าคือใคร?"