“สมน้ำหน้าตระกูลเ้า!”
“ชื่อเสียงตระกูลล่มสลายไร้ผู้คนนับถือก็เพราะความเชื่อมั่นในพลังของตัวเองมากเกินไป คิดว่าตระกูลตัวเองยิ่งใหญ่ เป็เ้าภพ สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ จนกระทั่งพลาดพลั้งเผลอให้ศัตรู ท้ายสุดมันก็เลือกเอาตัวมันรอดคนเดียวคิดว่าเพื่อรักษาหน้าตระกูล ไม่คิดถึงชีวิตผู้คน ะเิเคียวสู่ภพ ศาตราที่ทรงพลังที่สุดในโลก จนการะเิครั้งนั้นยิ่งใหญ่กินวงกว้าง ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลาย เกิดรอยร้าวระหว่างภพ”
“พูดถึงเหตุการครานั้นถือเป็เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในทุกภพ การะเิครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนั้นทำให้ประตูระหว่างภพที่ถูกผนึกและกั้นระหว่างภพต่างๆแตกออกทั้งเก้าภพซ้อนทับยากแยกแยะสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว สิ่งใดขาวสิ่งใดดำ การสิงสู่การครอบงำการกลืนกินิญญา การยึดร่าง การแฝงร่าง การแปลงกาย ความดีความชั่วทับซ้อนปนเปื้อนยากที่จะแยกแยะ พื้นที่ที่เคยสงบสุขกลายเป็ดินแดนต้องสาป ไร้เดือนไร้ตะวันมีแต่ความมืดมิดอนธการ
“ใช่สิ! ก็เพราะความอวดดีของ เ้าวั่งซูในชาติก่อน ทายาทคนเดียวแห่งสกุลเ้า ที่มีทิฐิถือว่าตนเกิดมาสูงส่งมีความสามารถเก่งกล้าจะเป็ผู้นำตระกูลคนต่อไปทำอะไรนอกลู่นอกทาง ไม่ฟังคำทัดทานจากผู้คน
“คนแบบนั้นอย่าเรียกว่าผู้สูงส่ง มันแค่เกิดมาในตระกูลที่สูงส่ง แต่มันทำลายทุกสิ่งหมดด้วยความเอาแต่ใจของมัน”
“ใช่! คนอย่างมันสมควรตายและิญญาโดนกลืนกิน ไร้การเวียนว่าย ชั่วกัปชั่วกัลป์ ไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิด”
“แต่ตอนนั้น เื่ราวมันเกิดขึ้นไวและจบลงแบบลวกๆ ดั่งไฟไหม้ฟาง เคียวสู่ภพของรุ่นที่1 และ กระจกบานที่สิบในตำนาน ก็ได้ข่าวว่าปรากฏ แต่ หายสาบสูญไป หลังเกิดเื่ และก็กลายเป็ เ้าวั่งซูรุ่นต่อๆมา ที่ผลัดกันมาทำหน้าที่รักษาความสมดุลแห่งภพ แต่เ้าวั่งซูแต่ละคนก็ล้วนเก่งไม่ครบในทุกด้าน หมู่บ้านชุนเทียนเอง ก็เป็สถานที่เดียวที่ตรึงและเป็ทางผ่านระหว่างภพ ซึ่งก็ไม่มีทางเข้าออกที่แน่ชัด และ ที่หมู่บ้านต้องสาปนั่น ก็ไม่สามารถแยกแยะได้อีกแล้วว่าใครคือคนเป็หรือคนตาย”
เมื่อ ชื่อเ้าวั่งซู ถูกเอ่ยขึ้น ทุกคนต่างพากันเงียบไปกึ่งหนึ่ง เหลือเพียงเสียงสายลมพัดพริ้วกระทบหน้า กระทบมือ
“เออใช่! ทุกสิ่งทุกอย่างกลับหัวกลับหางกลับตาลปัตร ที่หมู่บ้านชุนเทียน ไร้ซึ่งฤดูกาล มีเพียงใบไม้ล่วงปกคลุม เวลาหยุดเดิน เสมือนทุกอย่างถูกตรึงหยุดเวลาตลอดกาล”
“เออสิ! เพราะความหลงระเริงเถลิงอำนาจของมัน ทำให้คนต้องสละชีวิตมากมาย คนอย่างมันตกนรกหมกไม้ ไปอยู่กับพวกผีปีศาจที่มันปลดปล่อยไปนั่นแหล่ะดี ฮ่าๆๆ!”
เสียงเฮ! อื้ออึงจากคนรอบข้าง ดังขึ้น คล้ายแสดงความเห็นด้วยเต็มเสียเต็มประชด
“คนอย่างมันแม้ตายไปแล้ว ก็ยังทิ้ง ปัญหาให้คนอื่นแก้ไข! ชีวิตบริสุทธิ์มากมายต้องมาตายเพราะมัน และคนใน หมู่บ้านต้องสาปนั้นก้จะไม่มีวันเหมือนเดิม กลายเป็ดินแดนระหว่างภพ คน ปรภพ ปีศาจ ุ์ สิ่งวิปริตอาศัยปนเป เวลาของผู้คนที่หมุ่บ้านนั้นถูกขโมย ทุกอย่างมืดมนและหยุดนิ่ง”
“แต่เหมือน ข้าเคยเดินทางไปที่ หมู่บ้านนั้น แม้จะเห็นทางเข้าอยู่ด้านหน้า แต่เมื่อเดินจะถึง ปากทางเข้ากลับไกลขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะถึง บรรยากาศถมึง ข้าเห็นดอกไม้บานเต็มหมู่บ้าน ถ้ามองจากยอดเขา แต่ใบไม้ทั้งหมดกลับร่วงหล่นพื้น คล้ายสองสิ่งที่แยกจากมิอาจร่วมอยู่กันได้”
“จริง! ข้าก็เคยไป ที่หมู่บ้านนั่น ข้าเดินทางค้าขายหวังเพียงหาที่ค้างคืนที่นั้น เพื่อไปต่อ ยามไปถึงเป็ยามค่ำมืดบรรยากาศรอบๆพล่ามัวเบลอ มีเพียงหมอกควัน และ ใบไม้ร่วงเต็มพื้น เมื่อข้ามองไกลๆ นึกว่าคนจักใคร่ถามทาง แต่พอพ้นม่านหมอกหนาไปได้เปราะหนึ่ง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ากลับเป็สิ่งที่มีรูปร่างประหลาด หน้าตาคล้ายมนุษย์แต่ผสมผสานสิ่งประหลาด”
“หือ! แล้วท่านทำอย่างไรต่อ” ชายหนุ่มท่าทางผอมขลาดกลัวขนลุกถามขึ้น
“ข้าก้ ใกลัวทำอะไรไม่ถูก และพูดไปว่าข้าไม่มี ข้ามีแต่เงิน ทันใดที่ร่างนั้นได้ยิน ก็ขยายร่างออกเป็เงาตะคุ่มขึ้น้าใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นซ้อนทับกันดั่งมีร่างเพิ่มมาเป็สิบๆร่างและพูดซ้ำกันว่าป้ายิญญา! ป้ายวิญาณ! ข้ากลัวมากไร้สิ้นสติถอยหลังกรูรีบออกมาจากตรงนั้น วิ่งทะลุผ่านมานหมอกมาสักพัก ก็หารู้ตัวไม่ ตื่นมากทีข้าก็มาโผล่นอก หมู่บ้าน”
ถึงแม้การะเิในครั้งนั้น สร้างความเสียหายครั้งใหญ่ไปทั่วทุกภพ แต่เหล่าบรรดาเทพเซียนจาก์ และรวมถึง มนุษย์ที่มีพลังจักราหลงเหลืออยู่ และคนจากสำนักเก้าจักยุตกรา ต่างพากันรวมพลังต้านความมืดและผลักพลังแห่งความชั่วร้ายทั้งหมดที่แตกกระจายออกเป็วงกว้างความมืดที่แผ่ทั่วกระจายปกคลุมโลกดั่งพลุที่แตกโพล๊ะครอบคลุมทุกอณูมืดมนอนธการดั่งหมอกและราตรีที่คล้ายว่าจะไม่มีวันหายไปตลอดกาล
พลังของเหล่าเทพและเซียนที่รวมพลังเพื่อทำให้อำนาจความชั่วนั้นสาบสูญสูญสลายไปหรือกลับสู่ดินแดที่มืดมิดที่มันจากมา แต่กลับไม่เป็ผล ด้วยเหตุที่พลังอำนาจนั้นมากเกินไป มากเกินกว่าที่จะรวมทุกอย่างและผลักกลับคืน การรวมศูนย์พลังแห่งความชั่วร้ายไว้เพียงจุดเดียว และในวงแคบที่สุด และจำต้องสร้างประตูใหม่เพื่อผนึกทางเข้าออกและกักกันกัลปวสานความมืดไม่ให้ข้ามมายังแดนมนุษย์อีกนั้น คือทางเดียวและที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะทำได้ แต่เหมือนประตูนั่นไม่ได้ถูกสร้างสำเร็จตามนั้นยังมรอยรั่วอะไรสักอย่าง เห้อ! ก็เป็เวรกรรมของหมู่บ้านนั่นอีก เพราะมันตั้งอยู่ที่นั่น!”
“นั่นสิข้าถึงว่า คนใน หมู่บ้านนั้นดูแปลกๆ คล้ายไม่มีชีวิต เวลาเหมือนหยุดเดิน ทั้งๆที่ฤดูกาลที่ไม่ผันแปร ใบไม้ร่วงยืนพื้น”
“เห้ย! แม้มันจะดี แต่ให้ข้าไปอยู่ใน หมู่บ้านแบบนั้น ข้าก็ไม่เอา ผู้คนทั้งภพมนุษย์ เรียกที่นั่นว่า หมู่บ้านต้องสาป ข้าว่ามันต้องมีเหตุผล ถึงแม้ผู้คนบางทีจะดูยิ้มแย้มแต่ปากฉีกถึงหูหรือบางทีกลับนิ่งเฉยสงบไร้ใบหน้า และอีกมากมายที่เป็เงาตะคุ่มและรุปร่างบิดเบี้ยวผิดแผก คนหรือสัตว์ประหลาดรวมร่าง รูปร่างผิดเพี้ยนแยกแยะไม่ออกว่าคือตัวอะไร หรือที่คนเค้าลือกันว่าปีศาจและิญญาจากปรภพ สิงร่าง ที่นั่นคือดินแดนปีศาจ ดินแดนที่คนเป็คนตายอยู่ร่วมกันมิอาจแบ่งแยก”
“ใช่! เื่ชิปหายวายวอดทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นมันเป็คนแซ่เ้านั่น! เพราะมัน ถ้าคิดว่าการตายของมันจะไถ่บาปได้หมดก็คิดผิด คนอย่างมันและตระกูลมันต้องตายตกนรกไปตามกันไม่ได้ผุดได้เกิดไปอยู่รวมกับพวก ุ์ หรือ ปีศาจที่มันปล่อยมาทำลายคร่าชีวิตคนในโลกนี้”
“ก็จริง แต่เหมือนข้าได้ยินคนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า วันนึงเคียวสู่ภพนั่นอาจจะหายไปพร้อมกับมันและตระกูลมันเพื่อที่วันหนึ่งมันจะเปิดประตูจากปรภพกลับมาทำลายที่นี่อีก”
“แต่หลายร้อยปีมานี้ ไม่มีข่าวเสียๆหายๆใหญ่หลวงลอยมาตามสายลม เกี่ยวกับเื่ชั่วร้ายของหมู่บ้านชุนเทียนกลางหุบเขา ถึงแม้เ้าวั่งซูยังถือกำเนิดแต่ก็ทำหน้าที่ตนปกติ มีบ้างทีพลาด แต่ก็ดูน่าเป็เื่ไม่ใหญ่ หรือพวกเรารู้ไม่หมด แต่นั่นอาจเป็เพราะมีสำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา ที่ควบคุมทางเข้าออกระหว่างสองภพ รักษาสมดุล ทำให้โลกนี้ยังสงบสุขตามวิถีที่มันควรจะเป็มาได้อย่างยาวนาน”
“นั่นมันก็จริง! แต่ถ้าได้อยู่ในที่ที่มีแต่ไอหมอกพิษ และ คนตายคนเป็ปะปนแบบนั้น ความบ้ามันก็ต้องกลืนกินเข้าสักวันหล่ะวะ ข้าว่า!”
“เฮ้ย! ท่านจะพูดอะไรทางร้ายขนาดนั้น ถ้าหมู่บ้านนั้นแตก ทุกอย่างจะไหลทะลักออกมา และภพมนุษย์และพวกเราทุกคนจะถูกกลืนหาไปในแดนคนตายอย่างไม่ต้องสงสัย และครานี้จะไม่มีใครมาอยู่ช่วยกำจัดพลังความชั่วนั้นออกไป เพราะเหล่าบรรพาจารย์ของแต่ละสำนักเซียน สำนักฝึกตน สำนักคุ้มภัย ก็ล้วนล้มตาย และ สิ้นพลังจักราั้แ่ศึกที่จัตุรัสเฟิงสุ่ยครานั้นทั้งหมด”
“งั้น ที่เดียวที่พึ่งพาได้ในโลกยุทธภพตอนนี้ก็คือสำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา ที่หลบเร้นอยู่ในหุบเขาเก้ากระจก (จินลู่ซี) “
“เออ! ก็ดี ก็อย่างที่ท่านพูดไป ขอให้เป็สำนักคุณธรรมที่เป็ที่พึ่งพาให้แก่เราๆ สืบไป ไม่ใช่ดีแตก บ้าอำนาจ และกลืนกินทุกอย่าง เพราะถ้ากาลนั้นมีจริง โลกนี้คงดับสูญ สิ้นหวังกันทุกหย่อมหญ้า จะไม่มีเรา ไม่มีโลก ในวันพรุ่งนี้ อย่างแน่นอน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้