“เ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำของเ้ามันโง่เง่ามากเพียงใด?” วาจาของฟู่หยิงเริ่มเปลี่ยนเป็เ็า นางแอบใเล็กน้อยเมื่อเห็นรัศมีชะตาของเย่เฟิง รัศมีชะตาเช่นนี้ แม้แต่สุดยอดอัจฉริยะอย่างพี่ชายนางก็ยังเทียบมิได้ ไม่รู้ว่าเ้าหมอนี่ใช้วิธีการอะไรจึงสามารถรวบรวมรัศมีชะตาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้?
“ขัดจังหวะการเรียนรู้ข้า อภัยให้ไม่ได้ ไม่ว่าใครจะปกป้องเ้าอยู่ หรือต่อให้เซี่ยจวิ้นหลงมาอ้อนวอน วันนี้เ้าก็ไม่มีทางรอดไปได้!” ฟู่หยิงกล่าวเสียงเย็น ใบหน้าอันงดงามแสดงความเย่อหยิ่งและเยือกเย็นอย่างสุดขีดราวกับองค์หญิงก็ไม่ปาน ไม่ว่าเย่เฟิงจะมาที่นี่ได้อย่างไร หรือใช้วิธีการไหนรวบรวมชะตาอันแข็งแกร่ง แต่ในเมื่อเย่เฟิงเป็ฝ่ายยั่วยุนางก่อน เช่นนั้นก็เตรียมตัวจ่ายค่าชดเชยแสนสาหัส!
“รีบคุกเข่าขอโทษข้าซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้าหลังจากทำลายวรยุทธ์ของเ้าแล้ว! มิฉะนั้นก็เตรียมตัวตายได้เลย!” ฟู่หยิงกล่าววาจาคมกริบอย่างเ็า ทว่าั้แ่เย่เฟิงพยักหน้ายอมรับกับฟู่หยิง เขาก็ไม่ปริปากพูดออกมาแม้แต่คำเดียว เพียงยิ้มเย้ยหยันเงียบ ๆ ขณะฟังอีกฝ่ายพูด
“เ้ายิ้มอะไร? ยังไม่รีบคุกเข่าอีก!” ฟู่หยิงเห็นเย่เฟิงไม่สนใจคำพูดของนาง หัวคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่น คำด่าทออันเ็าแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งราวกับฟู่หยิงสูงส่ง คำพูดที่กล่าวออกมาจึงเปรียบเสมือนวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่เย่เฟิงจะต้องเชื่อฟัง
เย่เฟิงคิ้วกระตุกและมองฟู่หยิงด้วยแววตาเหยียดหยาม ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าสตรีที่ชอบคิดไปเองเช่นเ้าจะต้องโง่มากแค่ไหน? เอาสิ ข้าก็อยากจะรู้เช่นกัน ว่าเ้าจะฆ่าข้าเยี่ยงไร!”
น้ำเสียงที่ทรงพลังของเย่เฟิงแฝงไปด้วยความดูถูก ฟู่หยิงและฟู่เจินสมแล้วที่เป็พี่น้องกัน โง่เง่าเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งยังคิดเองเออเองเก่งนัก
“หยิงเอ๋อร์ ไม่ต้องพูดไร้สาระกับเ้าสวะนั่นหรอก ฆ่ามันซะ!” ฟู่เจินที่อยู่แดนมรดกใกล้ ๆ กล่าวเสียงเย็น คล้ายกับทนดูต่อไปไม่ไหว เขาเข้าใจความแข็งแกร่งของน้องสาวดี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ทั่วไปนั้นไม่อาจเป็คู่ต่อสู้ของฟู่หยิงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายา ฟู่หยิงพยักหน้าตอบรับ ก่อนเข้ามาในแดนลับ เย่เฟิงเคยกังขานางต่อหน้าผู้คนมากมาย สร้างความอับอายให้กับนางเป็อย่างมาก
“ในเมื่อเ้าดื้อดึงไม่ยอมรับ และเรียกร้องหาความตาย เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้าสมปรารถนาเอง!” ฟู่หยิงกล่าวอย่างเ็า ก่อนจะปลดปล่อยจิตสังหารออกมา จากนั้นฟู่หยิงสะบัดมือหยกอันงดงามขึ้นกลางอากาศ แล้ววาดท่าทางอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงเงาภาพติดตา จากนั้นพลังแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือของนาง วินาทีต่อมา ฝ่ามือของฟู่หยิงก็สะบัดไปทางเย่เฟิง ท่าทางที่เรียบง่ายกลับแฝงไปด้วยพลังอันน่าตื่นตะลึง!
ดวงตาเย่เฟิงฉายแววเ็า เขามองเห็นจิตสังหารในดวงตาของฟู่หยิง ในเมื่ออีกฝ่ายคิดจะฆ่าเขา เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็ที่จะต้องเกรงใจอะไร เย่เฟิงก้าวเท้าออกไปเผชิญหน้ากับฝ่ามือของฟู่หยิง ร่างกายของเขาเหมือนอัดแน่นไปด้วยอำนาจฟ้าดิน ทำให้ทุกย่างก้าวล้วนสั่นะเืไปทั่วผืนดิน ก่อนจะปล่อยหมัดอันน่าสะพรึงกลัวออกไป เมื่อหมัดอันทรงพลังปะทะกับฝ่ามือของฟู่หยิงจึงเกิดการะเิขึ้นมา
“ตูม!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วพื้นดิน คลื่นพลังทำลายล้างพัดกระจายไปในอากาศ ฟู่หยิงเป็ฝ่ายถอยร่น พร้อมร่างสั่นระริก ใบหน้าอันขาวซีดแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
“เป็ไปได้อย่างไร? เหตุใดเ้าถึงแข็งแกร่งเช่นนี้?” ฟู่หยิงกล่าวอย่างใ สายตาที่จ้องมองเย่เฟิงจึงเปลี่ยนไป สวะขั้นบ่มเพาะกายาที่นางเคยดูแคลนก่อนหน้านี้ เหตุใดจึงมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้นางผู้เป็อัจฉริยะของวังเทพโอสถถึงกับถอยร่นออกมา
“พลังของเย่เฟิงผู้นั้นแข็งแกร่งมาก แค่ปะทะกันครั้งเดียวก็ทำให้ฟู่หยิงถอยออกมาได้ แต่การที่เขาทำเช่นนี้ ก็ยิ่งสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับสองพี่น้องตระกูลฟู่ แม้จะเอาชนะฟู่หยิงได้ แต่ฟู่เจินไม่ปล่อยเขาไปแน่!”
ฉากนี้ทำให้ฝูงชนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ในใจเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา เย่เฟิงผู้นี้ไม่เพียงแต่หยิ่งผยองเท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขาเหมือนในข่าวลือไม่มีผิด เพื่อสหายแล้ว เขาถึงกับลุกขึ้นมาต่อกรกับสองพี่น้องตระกูลฟู่ นี่เขาไม่กลัวว่าฟู่เจินจะฆ่าเขาหรือ?
ทุกคนต่างคิดในใจว่า การตั้งตัวเป็ศัตรูกับอัจฉริยะวังเทพโอสถ ในถิ่นของวังเทพโอสถเป็เื่ที่โง่เขลามาก จุดจบของเย่เฟิงคงไม่ดีเท่าไร
“กระทั่งพลังยังเทียบกับสวะเช่นข้ามิได้ ยังคิดว่าจะฆ่าข้าได้อยู่หรือไม่? ไม่รู้จริง ๆ ว่าหนังหน้าของเ้าจะต้องหนาแค่ไหนกัน” เย่เฟิงยิ้มเยาะแล้วกล่าวเสียดสีฟู่หยิง พร้อมดวงตาคู่นั้นฉายแววเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด ในระหว่างที่พูด เย่เฟิงยังคงเดินหน้าต่อไปและเข้าใกล้ฟู่หยิงขึ้นเรื่อย ๆ พลังฝ่ามืออันน่ากลัวได้ปรากฏขึ้น สายลมในอากาศพลันปั่นป่วน พร้อมพลังทำลายล้างที่เริ่มควบแน่น
“ไอ้สวะ เ้ากล้าหรือ!” ฟู่เจินที่อยู่ไม่ไกลตวาดออกมาเมื่อได้เห็นฉากนี้ เขารู้ว่าถ้าหากเย่เฟิงปล่อยการโจมตีนั้น ฟู่หยิงคงรับไม่ไหวแน่ แต่เย่เฟิงก็ไม่สนใจอีกฝ่าย สองพี่น้องคู่นี้คิดจะเอาชีวิตเขา แล้วเขายังต้องสนใจอะไรอีก?
ทันใดนั้น พลังฝ่ามืออันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งไปหาฟู่หยิง ฟู่หยิงต้องสีหน้าซีดเผือด พลังฝ่ามือของเย่เฟิงนั้นรวดเร็วมากจนไม่มีเวลาให้คิด จึงทำได้เพียงยกมือขึ้นมาต้านรับ ตามมาด้วยเสียงะเิดังกึกก้อง พลังฝ่ามือของทั้งสองคนเข้าปะทะกันอีกครั้ง ครั้งนี้ได้ยินเสียงกรีดร้องของฟู่หยิงอย่างชัดเจน ก่อนที่ร่างอรชรจะปลิวออกมากระแทกพื้นอย่างจังและกระอักเืออกมา
“ชายผู้นั้นโอหังเกินไปแล้ว ทำร้ายฟู่หยิงจนกระเด็นออกมาจากแดนมรดก สาวงามอย่างฟู่หยิง เป็หญิงงามแห่งเมืองหลวงของอาณาจักรจ้าวเชียวนะ ช่างไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเอาเสียเลย ถึงได้กล้าทำเื่ต่ำทรามเช่นนี้ได้ นึกอยากทำอะไรก็ทำ หยิ่งผยองเกินไปแล้ว!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่น่าในี้ สีหน้าของฝูงชนจึงเปลี่ยนไป หลายคนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง พวกเขาไม่เคยเห็นชายที่หยิ่งผยองเช่นนี้มาก่อน ไม่ว่าเ้าจะเป็ใครหรือมีสถานะอะไร ตราบใดที่ล่วงเกินเขา เขาก็ไม่ลังเลที่จะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับคนผู้นั้น
ฟู่หยิงจ้องมองเย่เฟิงด้วยแววตาเคียดแค้นระคนสับสน ก่อนเข้าสู่แดนลับ นางเคยวางท่าใส่เย่เฟิงแล้วบอกให้เขาถอนตัว ทั้งยังกล่าวด้วยว่าแดนลับของวังเทพโอสถนั้นไม่ใช่ที่ที่เย่เฟิงควรจะมา แต่เย่เฟิงปฏิเสธอย่างสุภาพ ฟู่หยิงจึงคิดว่าเย่เฟิงเป็พวกมองข้ามความหวังดีของคนอื่น จึงรวมตัวกับศิษย์ของวังเทพโอสถกล่าววาจาดูแคลนเย่เฟิง เพราะคิดว่าเย่เฟิงด้อยกว่าตัวเอง เมื่อเข้าสู่แดนลับก็เท่ากับรนหาที่ตาย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่หรือตายไปแล้ว!
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ นางซึ่งเป็สตรีอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิใจของวังเทพโอสถ กลับไม่อาจต่อกรกับเย่เฟิงได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว เมื่อนึกถึงคำพูดที่หยิ่งผยองของนางก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่ามันน่าสมเพชมากเพียงใด บางทีที่เย่เฟิงไม่โต้แย้งนางในตอนนั้น ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเกรงกลัวนาง แต่เป็เพราะดูถูกนาง ดูถูกที่นางเป็ผู้หญิงไม่รู้เื่รู้ราวอะไร จึงคร้านที่จะโต้แย้งด้วย ในสายตาของเย่เฟิงนั้น คนอย่างฟู่หยิงอาจไม่มีค่าพอให้เขาลดตัวลงมาโต้เถียงด้วย
ที่โลกภายนอก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนตกอยู่ในสายตาของบุคคลระดับสูงแห่งวังเทพโอสถ หลายคนจ้องมองเย่เฟิงด้วยแววตาโกรธเคือง ฟู่หยิงเป็เด็กสาวที่วังเทพโอสถต่างก็ภาคภูมิใจ แต่ตอนนี้กลับถูกคนนอกสร้างความอับอายในแดนลับของตน นี่เท่ากับเป็การตบหน้าวังเทพโอสถ
“ไอ้สารเลว ข้าจะฆ่าเ้า!” เสียงะโอย่างเกรี้ยวกราดพลันดังขึ้น เสียงนี้มาจากฟู่หยาง บิดาของสองพี่น้องนั่นเอง ตอนที่เห็นบุตรสาวของตนกระเด็นออกมาจากแดนมรดกอย่างไร้ความปรานี ฟู่หยางก็เดือดดาลขึ้นมา ในใจเขานั้นแทบอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกเย่เฟิงเป็ชิ้น ๆ
“เ้าเด็กชั่วนั่นกล้าดียังไงมาทำกับหยิงเอ๋อร์เช่นนี้ สมควรตาย!” จี๋เหยียนกล่าวเสียงเ็า ในดวงตาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
ในแดนลับ ฟู่เจินถลึงตาใส่เย่เฟิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะขณะพูดเสียงลอดไรฟันว่า “สุนัขชั้นต่ำ เ้ากล้าทำร้ายน้องสาวข้า ข้าฟู่เจินจะฆ่าเ้าด้วยมือของข้าเอง!”
“ฆ่าคนชดใช้ด้วยชีวิต มีหนี้ต้องใช้หนี้ พวกเ้าสองพี่น้องเป็หนี้ข้ามากมาย การที่ข้าไม่สังหารนาง ก็นับว่าเมตตาต่อนางมากแล้ว ฟู่เจินเ้าช่างหน้าใหญ่นัก ถึงได้พูดจาน่าหัวร่อเช่นนี้ออกมาได้ ข้าจะทำให้เ้ารู้สึกเสียใจไปจนวันตาย!”
เย่เฟิงยกมือขึ้น สายลมพัดผ่านเสื้อคลุมจนโบกสะบัด หลังจากรับชะตาของฟู่หยิงมา รัศมีชะตาของเขาก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากขึ้น แสงห้าสีสว่างเจิดจ้าเป็พิเศษราวกับจะปกคลุมไปทั่วอากาศประหนึ่งกลายร่างเป็เทพเซียน ที่ซึ่งแฝงด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์
ฝูงชนจ้องมองไปยังเงาร่างสง่างามเป็ตาเดียว ในใจจึงเกิดความเลื่อมใสขึ้นมา รัศมีชะตาแข็งแกร่งเช่นนี้ ต่อให้ชิงชะตาของเหล่ายอดฝีมือทั้งหมดได้ ก็ยังเทียบกับเย่เฟิงคนเดียวไม่ได้
เมื่อฟู่เจินได้ยินที่เย่เฟิงพูดก็กัดฟันแน่น สีหน้าของเขาเ็าถึงสุดขีด เขาสาบานในใจว่าจะต้องแยกร่างของเย่เฟิงเป็ชิ้น ๆ ให้ได้!
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงไม่สนใจฟู่เจิน เขาค่อย ๆ หลับตาลงและรู้สึกได้ถึงพลังแปลก ๆ ที่มาจากแดนมรดก
“ท่านพี่ อย่าเสียเวลาทะเลาะกับคนโง่เขลาเช่นนี้เลย สิ่งสำคัญที่สุดที่พี่ควรทำคือได้รับมรดกสูงสุด อย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจ!” ขณะนั้นฟู่หยิงได้ะโเตือนสติของฟู่เจินที่อยู่ในแดนมรดก ฟู่เจินหันมามองฟู่หยิงที่ตอนนี้ดูอ่อนแอลง ความเกลียดชังในใจที่เขามีต่อเย่เฟิงนั้นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น แต่คำพูดของฟู่หยิงก็ได้เตือนสติเขา ฟู่หยิงพูดถูก เื่เร่งด่วนในตอนนี้คือการได้รับมรดกสูงสุด เขาไม่อาจล่าช้าเพียงเพราะสวะขั้นบ่มเพาะกายาคนเดียวได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น ฟู่เจินจึงระงับความโกรธแค้นลงชั่วคราว ก่อนจะย้ายไปยังแดนมรดกส่วนสามของแถวที่สอง ฉากนี้ทำให้คนจำนวนไม่น้อยพากันใจสั่นระรัว
“สมแล้วที่เป็อัจฉริยะขั้นรวมชี่ของวังเทพโอสถ หลังจากโค่นล้มผู้ฝึกยุทธ์เสร็จก็เริ่มแย่งชิงมรดกสูงสุด มรดกเหล่านี้เหมือนถูกกำหนดมาเพื่อเขา ไม่มีใครแย่งชิงกับเขาได้!” ผู้คนคิดในใจขณะมองฟู่เจินเดินไปยังแดนมรดกส่วนสาม
พลันร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยพลังอันแกร่งกล้า พร้อมแสงประหลาดสว่างเจิดจ้า ก่อนจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายและไขกระดูกของเขา
ฟู่เจินกัดฟันแน่น พยายามยกเท้าขึ้นอีกครั้งเพื่อก้าวเดิน พลังประหลาดก็ไม่อาจขัดขวางเขา รอบกายเต็มไปด้วยลมปราณอันลึกลับ ดูเหมือนพลังประหลาดที่แดนมรดกปล่อยออกมา
ในที่สุด ฟู่เจินก็ก้าวออกไปได้อีกครั้ง ร่างกายของเขาก็เข้าสู่แดนมรดกลำดับที่สามเป็ที่เรียบร้อย