“แต่ว่า...” ติงข่ายเสวียนร้อนรน
“ถ้าเ้าไม่ไป ข้าก็ทำได้แค่ลงมือพาเ้าออกไปด้วยตัวเอง” เ่ิูแบตราทองเหลืองของวีรบุรุษในมือให้เห็นแก่สายตา เด็กหนุ่มกวาดตามองอย่างถี่ถ้วนพลางบอก “ถึงเ้าจะมีฐานะเป็ชนชั้นสูง ทว่าแอบอ้างสิทธิ์โดยพลการต่อเ้าของคฤหาสน์ผู้ตราทหารผู้ทำความดีความชอบ ก็เป็โทษหนัก ข้าเหยียบเ้ามิดได้ถ้าอยากทำ!”
ติงข่ายเสวียนนิ่งอึ้งไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เหมือนตื่นจากความฝัน กัดฟันพลางจ้องเ่ิูตาวาว ยังอุตส่าห์ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง “เ้าแซ่เย่ เ้าดุร้ายยิ่งนัก ไว้เจอกันคราวหน้า” ชายแซ่ติงหันหลังจะจากไป
เ่ิูเพียงหัวเราะเบาๆ ส่งแขก
“คราวนี้ข้าไว้หน้าเ้า แต่ความอดทนของข้ามันก็มีขีดจำกัด คราวหน้าถ้าเ้ากล้ามาแหยมกับครอบครัวหรือสหายของข้าอีก แม้แต่ความคิดใคร่จะทำก็ตาม ข้าก็จะสงเคราะห์ลบเ้าออกจากโลกใบนี้ให้เอง ไม่เชื่อก็ลองดูได้นะ!”
คำของเ่ิูสะท้อนกึกก้องทั่วคฤหาสน์รโหฐาน
ติงข่ายเสวียนหยุดเดินลง ท้ายสุดสีหน้าก็ครึ้มนัก ก่อนเดินจากไปไม่แม้จะหันกลับมามอง
ในเวลาอันว่องไว เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านนอกอีกครา
เด็กรับใช้ตระกูลติงคนนั้นพาหมอชราผมขาวรีบร้อนมาถึง หลังร่างหมอชราก็ยังมีเด็กหญิงตัวเล็กผมเปียสองแกละคนหนึ่งแบกกล่องยามาพลางหอบฮั่ก หน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดอยู่เต็ม
“คุณชายหยู ข้าเชิญหมอมาแล้วขอรับ” เด็กรับใช้วัยรุ่นตาคิ้วสดใสรายงานอย่างนอบน้อม
เ่ิูพยักหน้ารับรู้ หลังจากนั้นก็ปราศรัยกับหมอสักสองประโยคได้ แล้วเชิญเขาไปรักษาฉินหลัน
ครู่ต่อมา
“คุณชายหยูโปรดวางใจ แม่นางหลันเพียงเนื้อหนังเป็แผลเท่านั้น อวัยวะภายในไม่เสียหาย แค่ดื่มยาต้มนี้เสียหน่อย พักผ่อน่หนึ่งจักหายเอง” แพทย์ชรามีความชำนาญมาก เพียงตรวจาแง่ายๆ ก็บอกคำวินิจฉัยหมดเปลือก
เ่ิูเองก็พบว่าใบหน้าของฉินหลันดีขึ้นมากแล้ว
“ลำบากท่านหมอหลี่แล้ว” เด็กหนุ่มขอบคุณอย่างรีบร้อน
ตอนแพทย์ชราตรวจรักษาอยู่นั้นเอง เด็กรับใช้คนเดิมก็ลอบเข้ามาเงียบๆ ร่ายประวัติความเป็มาตลอดจนชาติตระกูลของหมอท่านนี้ให้เ่ิูฟังโดยละเอียด
หมอชราท่านนี้แซ่หลี่ นามว่าหลี่ฉือเจิน เป็หนึ่งในหมอเทวดาของเขตเหนือ ตระกูลนี้เป็หมอมารุ่นสู่รุ่น ไม่เพียงมีความรู้ในศาสตร์การแพทย์สูงเฉียบเท่านั้น จรรยาบรรณแพทย์ยังน่าเลื่อมใส ในทุกเดือนจะใช้เวลาสามวันรักษาเหล่าคนจนในเขตทรุดโทรมอย่างไม่มีค่าใช้จ่าย
ทว่าชะตากรรมของเฒ่าชราผู้นี้อาภัพนัก ทั้งภรรยาและบุตรชายต่างก็ตายจากไปนานแล้ว เหลือไว้เพียงหลานสาวคนเดียว อยู่พึ่งพากันเพียงสอง
เมื่อจ่ายค่ารักษาแล้ว เ่ิูก็ให้คนส่งท่านหมอหลี่ฉือเจินเดินทางกลับ
เห็นเด็กหญิงแบกกล่องยาหนักๆ นั้นอย่างกระหืดกระหอบแล้ว เ่ิูก็ไม่อาจหักห้ามความเวทนา รู้ดีถึงความเ็ปเมื่อต้องสูญเสียครอบครัว ดังนั้นถึงได้ใส่ใจรักษาสายสัมพันธ์ยิ่งนัก เด็กหญิงสูญเสียบิดามารดาแต่ยังเล็ก เหลือเพียงปู่เท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ สำหรับนางแล้วย่อมเป็เื่โชคร้ายแน่ ทว่าก็ยังมีครอบครัวคนสุดท้ายอยู่ข้างกาย แล้วเขาเล่า?
เ่ิูถอนใจอย่างหดหู่
“เ้าชื่ออะไรหรือ?” เขาหันหน้ากลับไปมองเด็กรับใช้ผู้นั้น
“ข้าผู้น้อยมีนามว่าถังซาน มารับใช้ที่นี่เมื่อสี่ปีก่อนขอรับ” ข้ารับใช้นามถังซานตอบอย่างนอบน้อม
เ่ิูพยักหน้ารับ
เช่นนั้นก็เป็คนในตระกูลเย่แล้ว
สี่ปีก่อนเด็กหนุ่มอายุได้สิบปี คนรับใช้ในบ้านมิใช่น้อยๆ ไม่อาจจดจำเด็กรับใช้ผู้นี้ได้ก็นับว่าไม่แปลก ทว่าในเมื่อเป็คนเก่าคนแก่ของบ้านนี้ เช่นนั้นก็สามารถไว้วางใจได้ และท่าทีของเขาในวันนี้ก็ดูคล่องแคล่วปราดเปรียว อาจลองใช้ดูสักระยะหนึ่งไปก่อนได้
ออกจากสำนักมาครานี้ เ่ิูขอลาพักผ่อนสามวันเต็ม เขาไม่อยากรีบร้อนกลับไปเลย
ยึดคฤหาสน์ของตระกูลเย่คืนมาเป็ก้าวแรก ต่อจากนี้ยังมีเื่สำคัญอีกมากมายที่ต้องกระทำ เช่นจัดการคฤหาสน์ ด้วยยังมีบริวารตระกูลติงหลงเหลืออยู่ มีคนจิตใจไม่สู้จะดีอยู่บ้าง และยังคนสนิทที่ติงข่ายเสวียนพาเข้ามาอีก เขาต้องจัดการชะล้างออกให้หมด
เ่ิูไม่มีเวลาและไร้ความสนใจจะไปจัดการเื่ส่วนนี้
น้าหลันเดิมทีก็เป็คนคัดเลือกได้ดีมากอยู่แล้ว ทว่ายามนี้กำลังพักฟื้นอยู่ เช่นนั้นก็ได้ฤกษ์ใช้เ้าถังซานคนนี้แล้ว เื่จัดการวางแผนยกให้น้าหลันควบคุมดูแล เื่ที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายข้าวของหรือผู้คนก็ให้ถังซานทำไปเสีย
เ่ิูโบกมือปล่อยเหล่าบริวารให้สลายตัว เด็กหนุ่มเดินกลับมากลางห้องโถง บอกความคิดเหล่านี้ให้ฉินหลันฟัง
“เื่...เื่พวกนี้มันสำคัญเหลือเกิน บ่าว...บ่าว...กลัวจะทำไม่ได้...” ฉินหลันขยับเนื้อตัวไม่สู้เหมาะทิศทาง นางตอบติดๆ ขัดๆ
เ่ิูเพียงเผยยิ้มแล้วตอบกลับ “น้าหลันเป็คนเก่าคนแก่ของบ้านนี้แล้ว ท่านรู้สภาพการณ์ทั้งหมดดีที่สุด และมีสิทธิ์ออกคำสั่งมากที่สุดด้วย ข้าดื่มน้ำนมท่านในยามเด็กถึงได้เติบใหญ่ขึ้นได้ บัดนี้พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว น้าหลันท่านคือญาติใกล้ชิดที่สุดของข้า ทุกอย่างในบ้านนี้เป็ไปตามวาจาของท่านนะ...”
“เป็อย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน...” ฉินหลันผลุนผลันลุกขึ้นนั่งด้วยใ
เ่ิูรีบช่วยนางอย่างรวดเร็ว เขายังยืนกราน “ต้องได้สิขอรับ จากวันนี้ต่อไป ท่านคือผู้ตัดสินใจของตระกูลเย่แล้ว จะเื่ใดก็ตามจักเป็ไปตามที่ท่านบอก เฮอะๆ ข้าจำได้ว่าตอนข้ายังเล็กๆ น้าหลันท่านเก่งมากเลยนะ แม่ข้ายังเคยพูดเลยว่า นางกับพ่อไม่สันทัดการดูแลจัดการบ้าน แต่เป็น้าหลันที่คุมไว้อยู่หมัดเลย!”
ฉินหลันราวจิตใจกลับคืนมาบ้างแล้ว สีหน้าค่อยๆ มีสีเืขึ้นมาทีละน้อย นางมองเสี่ยวฉ่าวที่นั่งอยู่ข้างกาย เอื้อนเอ่ยอย่างพะวักพะวง “ข้า...ข้า...”
เ่ิูเพียงยิ้มแล้วลูบหัวเสียวฉ่าว เขาว่า “น้าหลัน ท่านอย่าปฏิเสธข้าเลย ข้าน่ะ ยังต้องกลับไปเรียนที่สำนักอยู่ ต้องใช้เวลาและพลังกายพลังใจส่วนมากกับการฝึกวิชา ไม่มีเวลามาดูแลจัดการบ้านตระกูลเย่หรอก บางทีต่อจากนี้ ข้าอาจจะต้องลาจากเมืองนี้ไป ท่านกับน้องเสี่ยวฉ่าวเป็ญาติเดียวของข้าที่เหลืออยู่บนโลกนี้แล้ว ข้าคิดว่าภายหลังจะเก็บไว้เป็สินเดิมของน้องเสี่ยวฉ่าวล่ะนะ!”
“อย่า พี่เสียวหยู พี่...” เสี่ยวฉ่าวอุทาน พลันขวยเขินจนหน้าแดงประหนึ่งไฟลุก นางก้มหน้างุดไม่กล้าเงยขึ้นมา
“ไม่ได้นะ” ฉินหลันส่ายหน้าอย่างหนักแน่น นางกล่าวอย่างตรงจุด “คฤหาสน์นี้สืบทอดมาจากนายท่านและนายหญิง ข้าฉินหลันยินดีจะจัดการกงการให้แทนคุณชาย แต่ไม่ว่าอย่างไร คฤหาสน์นี้จะแซ่เย่เสมอ”
เ่ิูคลี่ยิ้ม
เขารู้ดีว่านิสัยฉินหลันนั้นหัวแข็ง เื่ใดที่นางตั้งใจไว้แล้วไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้เด็ดขาด เด็กหนุ่มก็ไม่ได้คาดคั้นต่อเพียงแต่ตอบไป “เช่นนั้นข้าก็รบกวนน้าหลันแล้ว เื่หลังจากนี้ค่อยคุยกันหลังจากนี้เถอะ”
การลงมือเพื่อทวงคืนคฤหาสน์คืนมานี้ เ่ิูเพียงทำสิ่งที่พึงกระทำเท่านั้น มิได้เป็เพราะเขาให้ความสำคัญกับคฤหาสน์มากนัก เหตุผลทางอารมณ์และจิตใจชนะทรัพย์สินเงินทองทั้งหลายมากโข
เ่ิูรู้ใจตนดี ต้องมีสักวันที่เมื่อพลังเพียงพอแล้ว เขาจักลาสำนักกวางขาว ลาจากนครลู่ิไปสู่ราชสำนักเสวี่ย สืบหาความลับที่บิดาสั่งเสียไว้ก่อนตาย และคฤหาสน์หลังนี้ก็เป็เพียงความคิดถึงในหัวใจเท่านั้น สำหรับเด็กหนุ่มแล้ว หาได้มีความสำคัญในทางปฏิบัติไม่
ฉินหลันฟื้นตัวรวดเร็วมาก
ความลำบากตลอดสี่ปีในที่สุดก็เลือนหาย คฤหาสน์กลับมาเป็ของตระกูลเย่อีกครา เื่นี้ทำให้สตรีกลางคนผู้รักในตระกูลเย่อย่างลึกล้ำราวกับพบพานความหวังและกำลังใจในการใช้ชีวิตอีกหน หลังการกำชับโดยง่ายของเ่ิูต่อหมู่ชนในบ้าน ฉินหลันก็กลายเป็บุคคลสำคัญหมายเลขสองของที่แห่งนี้ไปโดยปริยาย
ถังซานเองก็กลายเป็หัวเรือใหญ่ภายนอกคฤหาสน์ไปด้วย
ด้วยการจุดประกายจากเ่ิู ฉินหลันก็ได้ประกาศเพิ่มเงินให้คนรับใช้ทั้งชายและหญิงขึ้นเท่าตัว ได้เสียงกู่ร้องยินดีมากมาย เมื่อก่อนนั้นติงข่ายเสวียนทั้งขี้เหนียวและงกเงิน มักจะหักเงินผู้ใต้บังคับบัญชาเป็ประจำ วิธีของฉินหลันนี้ได้รับการสนับสนุนมากมายแทบจะทันที
หลายปีมานี้ฉินหลันประสบการณ์โชกโชน นางจึงอ่านความคิดจิตใจทุกคนทะลุปรุโปร่ง ไม่ช้าเหล่าบริวารที่จิตใจคิดคดหรือคนสนิทของตระกูลติงก็ถูกไล่ตะเพิดออกจากคฤหาสน์ไปอย่างว่องไวและเฉียบขาด สร้างความมั่นคงขึ้นมาได้
เ่ิูเพียงให้กำลังใจบริวารสองสามประโยคก็จูงมือเสี่ยวฉ่าวพลางยิ้ม สำหรับเด็กหญิงที่ดื่มน้ำนมแม่เดียวกันมาแต่เล็กนี้คือน้องสาวของเขา ในเมื่อเป็เช่นนี้ ตำแหน่งของเด็กหญิงจึงเลื่อนขึ้นเป็คุณหนูไป และหากนับตามตำแหน่งของฉินหลันด้วยแล้วก็พิเศษยิ่งขึ้นไปอีก อิทธิพลมั่นคงเหลือจะเอ่ยเลยทีเดียว
ข้าทาสหญิงมากมายก็ถอนใจเงียบๆ ในใจ ในที่สุดแม่ลูกฉินหลันก็ได้ผ่านพ้นความยากลำบาก เสี่ยวฉ่าวจากหญิงรับใช้ต้อยต่ำสุด วันๆ ต้องตกระกำกับชีวิตแสนเข็ญ ตอนนี้ได้กลายเป็นางหงส์บินเสียดยอดพฤกษา สวมเสื้อผ้าไหมหรูกินอาหารโอชารส เป็คุณหนูใหญ่ของบ้านตระกูลเย่
ทว่านายท่านคนใหม่นี้ ตอนปฏิบัติกับติงข่ายเสวียนและเหลยหงนั้น น่าครั่นคร้ามประหนึ่งเป็าามารหรือเทพสังหาร ใครจะคิดว่าจะโอบอ้อมอารีกับข้าทาสบริวารถึงเพียงนี้ คนในผู้รู้จักฉินหลันดีก็เข้าใจ หลังจากนี้เมื่อฉินหลันบริหารจัดการบ้าน พวกนางน่าจะมีวันคืนที่สุขสบายได้แล้ว
บัดนี้ มรสุมทั้งหมดในคฤหาสน์ตระกูลเย่ ในที่สุดก็สลายตนหมดสิ้น
บนโลกนี้ไม่มีกำแพงที่สายลมผ่านมิได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแพร่ไปทุกถนนหนทาง ล่องลอยเข้าหูของผู้คน และดึงดูดความตระหนกจากทุกสารทิศ
แน่นอนว่ามีคนมากมายเหลือเกินที่ไม่เคยรู้ถึงเื่ที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลเย่
ค่ำคืนนี้ เ่ิูนอนค้างที่บ้าน
หลังวิ่งผ่านน้ำอย่างงดงามมาแล้ว เขาก็นั่งอยู่ในส่วนลึกของ ‘สวนปณิธาน’
สวนปณิธานเป็ที่ประจำของเ่ิูสมัยยังเล็กๆ พื้นที่ไม่กว้างใหญ่ ตรงกลางมีต้นอู๋ถงสูงตระหง่านอยู่ อายุต้นไม้น่าจะอย่างน้อยสามสิบปี กิ่งใบไพศาลดกครึ้ม ดึงดูดหมู่นกที่ไม่อาจรู้นาม มาทำรังบนกิ่งนั้น ตอนนั้นเขาใช้่เวลาอันเปี่ยมสุขอยู่ที่สวนแห่งนี้
เมื่อได้มาอีกครั้ง นอกเหนือจากปลดปลงแล้ว เขาก็จิตใจนิ่งเสมือนบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น
เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นอู๋ถง หายใจเข้าออก กระตุ้นพลังภายในและฝึกฝนอย่างไม่คิดจะปล่อยผ่านแม้สักวินาที
เวลาเวียนวนเป็วัฏจักรรวดเร็วนัก
รัตติกาลนี้ คนมากมายไม่อาจนอนหลับได้ลง
ทั้งฉินหลันผู้เป็แม่และลูกสาวนอนอยู่บนเตียงกว้างขวางนุ่มหยุ่น ไม่อาจหลับใหลมาเนิ่นนานนัก เดิมทีนางคิดว่าชีวิตที่เหลือนี้คงต้องตกระกำอยู่กับความมืดดำและยากแค้น ลูกสาวของนางจะหลับใหลเอาตอนดึก น้ำตาไหลเผาะๆ นางทั้งเป็ห่วงตนเอง เป็ห่วงลูกสาวยิ่งกว่า และแน่นอนว่าเป็ห่วงเด็กหนุ่มที่เคยดื่มนมตนเมื่อยามเล็ก แต่กลับหายหน้าไปจากความคุ้มครองคนนั้นด้วย...
ฉินหลันกลัวนักว่าสักวันหนึ่ง หากตนตายจากไปแล้ว ลูกสาวคนเดียวของนางจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปในโลกอันโหดร้ายเยือกเย็นนี้ได้อย่างไร...
ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะกลับมาแล้ว
จุติลงมาราวกับเทพเ้า
“นายหญิงเคยพูดไว้ว่า สักวันคุณชายจะประกาศศักดากึกก้องดินฟ้า ดั่งราชันเสด็จลงมา นายท่านและนายหญิงเชื่อในตัวคุณชายขนาดนั้น...บางทีพวกท่านอาจคิดถูก!”
ฉินหลันนึกถึงเื่ราวเก่าก่อน
และเสี่ยวฉ่าวในที่สุดก็หลับใหลในอ้อมอกนางแล้ว สี่ปีมานี้ นี่เป็ครั้งแรกที่ลูกสาวเข้าสู่นิทราได้อย่างหวานหอม เงียบสงบ สบายอารมณ์และวาดฝันได้ แม้แต่มุมปากก็ค่อยๆ เชิดขึ้นมา