เหอเจียกับกู้ซือเหยียนเป็เพื่อนร่วมชั้นเรียน อีกทั้งแม่ของเหอเจียก็รู้จักกับอาเล็กโจว เนื่องจากพ่อของเหอเจียเป็เพื่อนร่วมงานกับกู้เจิ้งชิง
ทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการเหมือนกัน ไม่ว่าตำแหน่งเล็กหรือใหญ่ ตอนนี้แม่เหอเจียก็ไม่คิดที่จะปล่อยชั้นเรียนกวดวิชาไปแน่นอน เธอคิดว่าการส่งเหอเจียไปเรียนกวดวิชา ‘อาจารย์’ ของชั้นเรียนกวดวิชาย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเหอเจีย!
แม่เหอเจียเป็คนไร้เหตุผล แต่เื่นี้ไม่ได้มากเกินไปแต่อย่างใด อย่างน้อยโรงเรียนมัธยมที่เหอเจียเรียนอยู่ เหล่าอาจารย์ก็มีความรับผิดชอบเป็อย่างมาก
เวลาเหอเจียและกู้ซือเหยียนอยู่ที่โรงเรียน ทั้งสองเป็เด็กเรียบร้อยเชื่อฟัง เื่รักชอบพอใครคงมีอยู่บ้าง แต่แค่เผลอสบตาก็รีบเบือนสายตาหนี ไม่กล้าแม้แต่จับมือกัน เื่ก้าวล้ำเส้นลับหลังมีหรือจะเกิดขึ้นได้?
ที่โรงเรียนมีครูคอยจับตาดู กลับบ้านมาก็มีผู้ปกครองคอยดูแล มีเพียงชั้นเรียนกวดวิชาเท่านั้นที่รอดพ้นสายตาของพ่อแม่
ขณะนี้บ้านตระกูลเหอตกอยู่ในสภาวะอลหม่าน
—----------------------------------------------
จี้เจียงหยวนอยากแสดงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างเพื่อนนักศึกษา เซี่ยเสี่ยวหลานควรปฏิเสธอย่างไร?
เซี่ยเสี่ยวหลานสงสัยว่าบางทีจี้เจียงหยวนอาจไปรู้อะไรมาหรือเปล่า
แต่ท่าทางของจี้เจียงหยวนก็ดูปกติดีนี่นา
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่้าทำให้เขาสงสัย จึงบอกว่าตนจะไปโรงพยาบาล จี้เจียงหยวนตามไปด้วยคงไม่ค่อยสะดวกนัก
การโกหกที่ดีที่สุดคือการสอดแทรกความจริงเข้าไปด้วย หากพูดโกหกทั้งหมดจะถูกจับได้โดยง่าย และต้องใช้คำโกหกอื่นๆ คอยอุดรอยรั่วต่อไปเรื่อยๆ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงบอกว่าเธอต้องไปโรงพยาบาล เวลาแบบนี้เธออยากให้จี้เจียงหยวนใช้อุปนิสัยแบบชาวอเมริกาที่รู้จักกาลเทศะเหลือเกิน เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และให้พื้นที่ส่วนตัวกับเธอ... แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจี้เจียงหยวนจะทำสีหน้าเป็ห่วงเป็ใยเช่นนี้
“สหายเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอไม่สบายตรงไหนหรือ ฉันขี่รถพาไปส่งที่โรงพยาบาลก็แล้วกัน!”
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสีหน้าท่าทางสดใสดี ไม่มีตรงไหนที่ไม่สบายแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เธอชักรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วน่ะสิ
จักรยานของจี้เจียงหยวนคือจักรยานเสือูเาที่ดูดีมากในปี 1984 มันคือจักรยานเสือูเาของแบรนด์เสื้อผ้ากีฬายี่ห้อหนึ่ง จี้เจียงหยวนเหมือนนักศึกษาในอีกสามสิบปีข้างหน้ามากกว่าคนยุคนี้เสียอีก ทั้งนำแฟชั่น ทั้งหน้าหนา!
จักรยานเสือูเาไม่มีเบาะนั่งด้านหลัง แล้วจะพาเธอไปโรงพยาบาลอย่างไร?
เซี่ยเสี่ยวหลานจ้องหน้าจี้เจียงหยวนอยู่นาน ก่อนจะต้องยอมแพ้ให้กับความยืนหยัดอันหนักแน่นของจี้เจียงหยวน “ได้ เธอจะตามมาก็ได้!”
ถ้าเธอปฏิเสธซ้ำๆ จี้เจียงหยวนจะต้องเกิดความสงสัยอย่างแน่นอน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กล้าดูถูกนักศึกษาของหัวชิงแม้แต่คนเดียว พวกเขาช่างสังเกตมาก แถมยังฉลาดเป็กรด!
จี้เจียงหยวนไม่ได้แค่ตามมาเฉยๆ
เขาทำไปเพราะความปรารถนาดีที่มีต่อเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย ต่อให้อีกฝ่ายไม่ใช่เซี่ยเสี่ยวหลาน หากเมื่อวานเขาเห็นนักศึกษาหญิงคนอื่นถูกคุกคาม จี้เจียงหยวนก็จะทำแบบเดียวกันนี้!
ระหว่างทาง เขาเล่าสิ่งที่สืบรู้มาให้เซี่ยเสี่ยวหลานฟัง
“ครอบครัวเขาเกี่ยวข้องกับฝ่ายอุดมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ถ้าเขามาตอแยเธออีก ฉันจะร้องเรียนเขาเอง”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ควรเป็ฝ่ายร้องเรียนเอง ฝ่ายอุดมศึกษามีอิทธิพลต่ออนาคตของนักศึกษามหาวิทยาลัยมาก แต่จี้เจียงหยวนไม่สนใจเื่พวกนี้แม้แต่น้อย เขายังไม่รู้เลยว่าตนจะสามารถเรียนที่หัวชิงได้อีกนานเท่าไร เนื่องจากเขาอาจกลับไปอเมริกาได้ทุกเมื่อ
จากอาการ่นี้ของผู้เป็แม่ เขาอาจจะต้องกลับไปั้แ่ยังเรียนชั้นปีที่หนึ่งไม่จบด้วยซ้ำ
เพราะกรณีพิเศษเช่นนี้ ฝ่ายอุดมศึกษาจึงทำอะไรเขาไม่ได้แน่นอน จี้เจียงหยวนจึงไม่กลัวที่จะเผลอไปเหยียบเท้าใคร
“ไม่เป็ไร เขาอาจจะต้องยุ่งอยู่กับการจัดการเื่ตัวเอง ไม่มีเวลามาหาเื่ฉันหรอก”
เธอขอรับแค่น้ำใจของจี้เจียงหยวนเท่านั้น แต่เื่ร้องเรียนหวังเจี้ยนหัวคงไม่จำเป็ แม้หวังเจี้ยนหัวจะเป็าาแมงดาเกาะผู้หญิง แต่ก็รักศักดิ์ศรีแบบพิลึกพิลั่น ในใจคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่ภายนอกกลับดูเป็คนรักเกียรติของตนมาก ครอบครัวของเซี่ยจื่ออวี้เก่งเื่วางแผนร้ายแล้วอย่างไร คนรักแค่ตัวเองอย่างหวังเจี้ยนหัวคงอยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานนึกเสียดาย และอยากให้เธอมองเขาใหม่ก็เท่านั้น... หรือพูดให้ไม่น่าฟังหน่อยก็คือ เขาเป็เพียงพวกขี้ขลาดน่ะสิ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เล่าเื่ความบาดหมางของตนกับหวังเจี้ยนหัวให้จี้เจียงหยวนฟัง เพราะประธานเซี่ยก็รักศักดิ์ศรีเหมือนกัน
แม้คนที่คิดเอาหัวโขกกำแพงเพื่อฆ่าตัวตายจะเป็ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ แต่ทุกอย่างตกทอดมาสู่ประธานเซี่ย ดังนั้นเื่นี้จึงไม่จำเป็ต้องหยิบเอาออกมาพูด!
ระหว่างพูดคุยกับจี้เจียงหยวน ทั้งสองคนก็มาถึงโรงพยาบาลพอดี
เซี่ยเสี่ยวหลานจอดรถจักรยานของตนเสร็จเรียบร้อย “ช่วยเฝ้ารถของฉันที ฉันจะขึ้นไปข้างบนหน่อย อีกไม่นานก็ลงมา ได้หรือเปล่า?”
ทังหงเอินต้องนั่งรถเข็นออกจากโรงพยาบาล หากจี้เจียงหยวนยืนอยู่ที่ลานจอดจักรยาน โอกาสที่จะเจอกับทังหงเอินจึงมีน้อยมาก
“เธอคนเดียวไหวใช่ไหม”
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสีหน้ามั่นอกมั่นใจ “ฉันไม่เป็ไร เวลาแบบนี้ฉันสามารถไปคนเดียวได้ อย่างไรที่โรงพยาบาลก็ปลอดภัยมาก”
หลังเธอเดินจากไปแล้ว จี้เจียงหยวนก็ยืนนิ่งคิดอยู่ที่เดิม
เขาดูออกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากให้เขาตามไป เื่ทำให้คนอื่นอึดอัดใจเป็สิ่งที่จี้เจียงหยวนไม่ชอบทำที่สุด ทว่าเมื่อคืนเขาเกิดความคิดชั่ววูบ จึงทำให้จี้เจียงหยวนไม่สามารควบคุมตัวเองได้ จะเสียมารยาทหรือไม่มันไม่สำคัญอีกแล้ว หากเขาไม่ได้คลายข้อข้องใจนี้ จิตใจของเขาคงไม่อาจเป็สุขอย่างแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เหมือนคนไม่สบาย แล้วเธอมาทำอะไรที่โรงพยาบาล?
จี้เจียงหยวนไม่อยากถามเื่ส่วนตัวของเพื่อนผู้หญิง เขาจึงตัดสินใจล็อคจักรยานอย่างดี ก่อนจะเดินไปยังทางเข้าโรงพยาบาล
—--------------------------------------------
“เสี่ยวหลาน มาแล้วหรือ!”
เสี่ยวหวังที่กำลังทำเื่ออกจากโรงพยาบาลเอ่ยถามทันทีที่เห็นเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยเสี่ยวหลานถามว่า้าให้ช่วยไหม เสี่ยวหวังส่ายหน้าปฏิเสธ
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปดูคุณอาทังก่อนว่าเขาเก็บของถึงไหนแล้ว”
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินมาที่ห้องพักผู้ป่วย ทังหงเอินกำลังเก็บข้าวของอยู่ ร่างกายของเขาผอมกว่าตอนก่อนเข้าผ่าตัด แต่ดูมีเรี่ยวแรงมากขึ้น พอเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานมาหา ทังหงเอินก็รู้สึกดีใจมาก “วันนี้หลังจากฉันออกจากโรงพยาบาลแล้วก็จะกลับเผิงเฉิงเลย จะได้ไม่รบกวนการเรียนของสาวน้อยอย่างเธออีก”
หนึ่งวันมาเยี่ยมสองรอบ ดังนั้นไม่กี่วันมานี้เซี่ยเสี่ยวหลานมาที่โรงพยาบาลถี่มากเหลือเกิน
ทังหงเอินมีหรือจะไม่รู้ ว่าใครจริงใจหรือไม่จริงใจกับตัวเอง
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็เด็กเฉลียวฉลาด ทังหงเอินรู้นานแล้วว่าเธอเป็คนรู้จักบุญคุณคน ใครดีกับเซี่ยเสี่ยวหลานจากใจจริง เธอก็จะให้ความเอาใจใส่เป็เท่าตัว
“คุณอาทัง จี้เจียงหยวนตามฉันมาด้วย คุณอาว่าเขารู้อะไรมาหรือเปล่าคะ”
ทังหงเอินกำลังหยิบหนังสือบนหัวเตียงใส่กระเป๋าเดินทาง ได้ยินดังนั้นเขาก็หันกลับไปมองที่ประตู เซี่ยเสี่ยวหลานจึงรีบอธิบายทันที “ฉันไม่ได้ให้เขาขึ้นมาค่ะ แต่ฉันว่าคงถ่วงเวลาได้อีกไม่นาน ที่ฉันถามก็เพราะอยากรู้ว่าฉันควรทำอย่างไรดี”
ทังหงเอินอยากเจอจี้เจียงหยวนหรือเปล่า?
คนเราเวลาป่วยความคิดมักจะต่างจากเวลาปกติ การผ่าตัดของทังหงเอินแม้จะไม่นับว่าร้ายแรงมาก แต่ความคิดของเขาอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้!
ชั่วขณะหนึ่ง สมองของทังหงเอินมีความคิดต่างๆ อยู่มากมาย
เมื่อก่อนเขามีหลายเื่ให้ต้องกังวล ความเด็ดขาดและไร้เหตุผลของจี้หย่าทำให้ทังหงเอินตัดสินใจอย่างปลงตก อะไรที่เลวร้ายก็ปล่อยให้เป็ไปตามยถากรรม
“เขามาก็ไม่เป็ไรหรอก ช้าเร็วก็ต้องรู้เข้าสักวัน ก่อนหน้านี้เป็ฉันคิดไม่ตกเอง”
แอ๊ด ประตูห้องผู้ป่วยถูกผลักเปิดออก จี้เจียงหยวนหิ้วแอปเปิลถุงหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู
เขากับทังหงเอินประสานตากัน
ที่นี่ไม่ใช่สนามกีฬาอันมืดมิดของหัวชิง ที่ทังหงเอินจะทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ความจริงแล้วเขากับจี้เจียงหยวนหน้าตาไม่ค่อยคล้ายกันนัก จี้เจียงหยวนมีใบหน้าเหมือนจี้หย่าผู้เป็แม่เสียมากกว่า นี่คือสาเหตุว่าทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานถึงไม่รู้สึกคุ้นหน้าจี้เจียงหยวนแม้แต่น้อย
แต่สองพ่อลูกมีความสัมพันธ์กันทางสายเื หากบอกว่าไม่เหมือนกันเลยสักนิดก็คงเป็ไปไม่ได้ ทังหงเอินมีกลิ่นอายของชายวัยกลางคน จี้เจียงหยวนสดใสมีพลังของวัยรุ่น สองพ่อลูกมีบรรยากาศรอบกายที่แตกต่างกัน แต่ยามที่ประสานสายตา กลับไม่อาจปิดบังความเกี่ยวข้องทางสายเืได้เลย
“หมายความว่าคุณคือ...”
“ถ้ายังจำเื่สมัยเด็กได้ ฉันก็คือพ่อบังเกิดเกล้าที่ไม่ได้เจอหน้าลูกมานานถึงสิบสองปี... เจียงหยวน พ่อขอโทษ”
ขอโทษอะไรน่ะหรือ? ขอโทษที่เขาไม่มีส่วนร่วมใน่วัย 7 ถึง 19 ปีของเจียงหยวน ขอโทษที่ใน่เวลาที่เจียงหยวนอาจจะ้าพ่อมากที่สุด แต่กลับไม่ได้รับมันน่ะสิ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้