หรงหว่านซีรีบดึงกาสุรามาจากเขาพร้อมรอยยิ้ม “เอาล่ะ เตี้ยนเซี่ยอย่าโกรธหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันสู้ท่านไม่ได้ หม่อมฉันรู้ว่านักแสดงจากคณะละครแม่น้ำเจียงหวยนั้นยากจะพบในเมืองหลวงของเรา เอาเช่นนี้เถิดเพคะ หากเตี้ยนเซี่ยถูกใจนางใด ขอเพียงหัวหน้าคณะละครตกลง หม่อมฉันก็จะซื้อตัวกลับจวนให้เตี้ยนเซี่ย ดีหรือไม่เพคะ?”
ขณะกล่าวนั้นซ่อนมือไว้ใต้โต๊ะไปหยิกเฉินอ๋องหนหนึ่งเพื่อให้เขามีสติขึ้นบ้าง
เพราะอยู่ใต้โต๊ะ แน่นอนว่าการหยิกหนนี้ของหรงหว่านซีต้องยึดตามความสะดวก โดยการหยิกลงบนต้นขาเฉินอ๋อง
เมื่อถูกหรงหว่านซีหยิกและเห็นแววตาแฝงความนัยของนาง เฉินอ๋องถึงกับสะดุ้งโหยงและได้สติกลับมาทันที!
เขาส่ายหน้าพลางคิดว่า เหตุใดสุราวันนี้ถึงเมาขึ้นหัวขนาดนี้?
นอกจากจะไม่ได้เมาง่ายเพียงอย่างเดียว คล้ายกับหลังดื่มเข้าไป ความรู้สึกมากมายภายในใจก็ถูกกระตุ้นอย่างรู้สึกได้ชัด
“เตี้ยนเซี่ย...” หรงหว่านซีเขย่าแขนเขา เอ่ยด้วยท่าทางกระเง้ากระงอดเล็กน้อย “หม่อมฉันก็บอกแล้วว่ายอมให้เตี้ยนเซี่ยซื้อตัวนักแสดงกลับจวน เตี้ยนเซี่ยยังจะโกรธหม่อมฉันอีกหรือเพคะ?”
“จริงหรือ? ถ้าเช่นนั้นเื่นี้ถือเป็อันตกลงกันแล้ว หากเปิ่นหวางชอบพอนางใด พระชายาจะแย้งไม่ได้นะ” ในที่สุดเฉินอ๋องก็ได้สติกลับคืนและเอ่ยหยอกเย้า
“แน่นอนว่าเป็ความจริงเพคะ หม่อมฉันหรือจะกล้าหลอกเตี้ยนเซี่ย?” หรงหว่านซียกยิ้ม
“ฮ่าๆๆ... เ้าสาม นึกไม่ถึงว่าเ้าจะกลัวเมียขนาดนี้!” องค์รัชทายาทหยอกล้อ
เฉินอ๋องชำเลืองมองหรงหว่านซี จากนั้น...ทำท่าทางราวกับได้รับความไม่เป็ธรรมยิ่งนัก เอ่ยพลางส่ายหน้าว่า “ยากจะบรรยาย ยากจะบรรยายยิ่งนัก... หากแต่งผู้หญิงที่ตนไม่ได้ชอบเข้าจวน ใจคงรู้สึกไม่ยินดีอยู่เสมอ หากแต่งกับผู้หญิงที่ตนชอบพอ ย่อมต้องใส่ใจทั้งความคิดและความรู้สึกของนาง... รอให้พี่ใหญ่อภิเษกพระชายาเอกเสียก่อน หากท่านได้ลองลิ้มรสก็จะรู้เองพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินอิ่งเยว่กล่าวหยอกเย้า “แต่ก็เป็เพราะเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยเปี่ยมด้วยความรักเพคะ หากเป็ผู้ที่ไม่เข้าใจความคิดของสตรี ผู้ใดจะสนใจว่าชายาเอกคิดอะไร? คงจะใส่ใจแค่ความเ้าชู้ของตนกระมัง?”
เฉินอ๋องหัวเราะ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อเห็นใบหน้าประดับรอยยิ้มน่ารักของนาง คาดไม่ถึงว่าภายในใจจะสับสนอลหม่าน ในสมองไม่มีสติแจ่มแจ้งเช่นยามปกติ ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับคำพูดเยินยอของนางอย่างไร
องค์รัชทายาทไม่เห็นเฉินอ๋องพูดอะไร จึงรีบฉวยโอกาสเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “น้องสาม ข้าว่าเ้าจิตใจคับแคบไปสักหน่อย วันนี้พวกเรามาร่วมสังสรรค์กันก็ควรจะมีความสุขสนุกสนาน เหตุใดต้องหลีกเลี่ยงให้มากนัก? ข้ารู้ว่าเ้าจงใจหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย เมื่อก่อนตอนอยู่ในสำนักไท่เฉว เ้ากับเยว่เอ๋อร์สนิทสนมกันที่สุด หลังเปิ่นกงรับเยว่เอ๋อร์เข้าจวนถึงได้รู้เื่นี้ เดิมทีน้องสามรักมั่นต่อนางมาโดยตลอด จนกระทั่งมีคำเล่าลือว่าถึงตอนนี้เ้าก็ยังยากจะลืมเลือนเยว่เอ๋อร์”
“ทว่าน้องสามเป็คนเช่นไร เปิ่นกงรู้ดีอยู่แก่ใจมากที่สุด น้องสามน่ะหรือจะเป็ไม่อาจปล่อยวางเช่นนั้น? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังมีสายสัมพันธ์ฉันพี่น้อง มีหรือจะปล่อยให้ความเข้าใจผิดเล็กน้อยเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์? เ้าแค่พูดคุยกับฮุ้ยเหม่ยเหรินอย่างเป็กันเองก็พอ ไม่จำเป็ต้องหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด”
เมื่อได้ยินองค์รัชทายาทกล่าววาจาเช่นนี้ หรงหว่านซีจึงรู้สึกว่างานเลี้ยงฉลองในวันนี้ช่างไม่ปกติยิ่งนัก
สายตาของนางจับมองกาสุราตรงหน้า…
ตอนหญิงรับใช้นำสุรามาจัดวางบอกว่านี่คือสุรากลั่นที่เตรียมไว้ให้บรรดาองค์หญิง เหนียงเหนียง และเหม่ยเหรินโดยเฉพาะ สุรามีฤทธิ์ไม่แรงมากนัก เหมาะสำหรับดื่มเพื่อสร้างความสำราญใจที่สุด ตอนแรกหรงหว่านซีเห็นตรงหน้าฉินอิ่งเยว่ก็มีกาสุราเช่นนี้วางอยู่ แน่นอนว่าเฟิงเป่ยหนิงและเฟิงเป่ยอี๋ก็เช่นกัน ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่ใส่ใจมากนัก แต่เมื่อมองดูในตอนนี้... ในสุรา อาจมีอะไรบางอย่าง
อะไรบางอย่างนี้ไม่ได้อยู่ในสุราของนาง แต่อยู่ในสุราของเฉินอ๋อง
การแยกสุรากลั่นสำหรับสตรีเช่นนี้ คงจงใจไม่ให้นางกับเฉินอ๋องดื่มสุราจากกาเดียวกันกระมัง?
ไม่เช่นนี้เหตุใดวันนี้เฉินอ๋องถึงต่างจากปกติ เขาไม่มีทางเป็คนขาดสติเช่นนี้ นอกจากนั้นยังปล่อยให้องค์รัชทายาทฉวยโอกาสฉีกหน้าอย่างคาดไม่ถึง
องค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้เท่ากับเผยสิ่งที่ผู้คนจำนวนหนึ่งคาดเดาอยู่ภายในใจให้กระจ่างแจ้ง เป็การยืนยันความจริงที่ว่าเฉินอ๋องมีความรู้สึกต่อฉินอิ่งเยว่ ราวกับ้าให้ผู้คนใต้หล้าต่างล่วงรู้เื่นี้
เขาทำเช่นนี้เพราะมีจุดประสงค์อะไรกัน?
หรือจะบอกว่าแค่อยากหาโอกาสเอาคืนด้วยการฉีกหน้า ทำให้ผู้อื่นรู้ว่าเฉินอ๋องแย่งคนที่เขาถูกใจ และเขาก็แย่งคนที่เฉินอ๋องถูกใจเช่นกัน เท่ากับเขาไม่ได้แพ้?
หรงหว่านซีคิดว่าเื่นี้คงไม่ง่ายเช่นนั้น
แม้จะบอกว่าองค์รัชทายาทไม่ใช่คนดีสักเท่าใด แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีความคิดตื้นเขินอย่างแน่นอน เขาคงไม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างสถานการณ์ครั้งใหญ่ ทำอะไรบางอย่างกับสุราและให้ฉินอิ่งเยว่คอยอยู่ข้างกาย เพียงเพราะ้าฉวยโอกาสฉีกหน้าเฉินอ๋องขณะที่เขาสติพร่าเลือนแค่ไม่กี่ประโยค
ในหัวของเฉินอ๋องคิดหาคำพูดรับมือ ทว่าเขาคิดอยู่ครู่ใหญ่ ภายในหัวกลับมีเพียงความสับสนวุ่นวายจนไม่อาจกลับมาสุขุมเยือกเย็นได้แม้แต่นิด นอกจากนั้น...สิ่งที่ยุ่งเหยิงอยู่ในหัวของเขาล้วนเต็มไปด้วยภาพของฉินอิ่งเยว่ ภาพของนางในตอนนี้และภาพของนางเมื่อครั้งอยู่ในสำนักไท่เฉวผสมปนเปจนเขาไม่อาจสลัดให้หายไป
เมื่อตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติในสุรา แน่นอนว่าเฉินอ๋องไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก เพราะเกรงว่าจะปล่อยให้องค์รัชทายาทฉวยโอกาสฉีกหน้าอีกหน แม้จะคิดคำพูดแก้ตัวอันชาญฉลาดไม่ออก แต่ความคิดที่อยากจะขอตัวออกจากงานเลี้ยงครั้งนี้ยังคงมีอยู่
เพียงแต่...เพราะเขามีความคิดเช่นนี้ แต่ยังไม่อาจชี้แจงต่อคำกล่าวเช่นนั้นขององค์รัชทายาทชั่วคราว หากจะขอออกจากงานเลี้ยงตอนนี้ ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นสมองสั่งการให้หันไปมองสตรีที่อยู่ข้างกายของเขาด้วยแววตาขอความช่วยเหลือ
หรงหว่านซีมองเฉินอ๋องที่กำลังหันมองนาง สายตานั้นไม่ฉายแววหยอกล้อเช่นยามปกติ และไม่ใช่สายตาที่ผู้อื่นมองไม่เห็นก้นบึ้งดังเดิม แต่เป็...แววตาขอความช่วยเหลืออย่างเกินความคาดหมาย
หัวใจกระตุกโดยพลัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด คาดไม่ถึงว่าภายในใจจะถูกดวงตาคู่นั้นจู่โจมเข้าอย่างแรง แววตาของเขาในวินาทีนี้ ทิ้งตราประทับไว้ในใจของนางอย่างชัดเจน...
ทว่าไม่ได้คิดอะไรให้มากความ ทันใดนั้นยกมือขึ้นกุมหน้าท้อง...
“โอ๊ย...ซี้ด...” หรงหว่านซีกุมหน้าท้องของตนด้วยสีหน้าเ็ป
“พระชายาเป็อะไรไป?” เฉินอ๋องเอ่ยด้วยความเป็ห่วง
“หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าเป็อะไรไปเพคะ จู่ๆ ก็รู้สึกปวดแปล๊บในท้อง ทรมานมากนักเพคะ...” หรงหว่านซีเอ่ยพลางขมวดคิ้ว
“เช่นนี้จะทำอย่างไรดี...” เฉินอ๋องแลดูร้อนใจ ทันใดนั้นเอ่ยว่า “เ้านี่นะ... เฮ้อ! เปิ่นหวางบอกแล้วว่าหลายวันนี้เ้าอย่าขี้เหล้านัก เ้าคงฉวยโอกาสตอนเปิ่นหวางไม่ทันสังเกตดื่มไปหลายจอกแน่นอน”
ขณะกล่าวหันไปค้อมคำนับองค์รัชทายาทและเอ่ย “พี่ใหญ่ คาดว่าน้องคงต้องออกจากงานเลี้ยงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่าในจวนมีที่ใดพอจะให้พระชายาพักผ่อนบ้างหรือไม่? น้องจะพาพระชายาไปนอนพักสักครู่ อาจจะรู้สึกดีขึ้นบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทคลี่ยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นเ้าไปเรือนชิ่นฟางเก๋อก่อนเถิด เรือนชิ่นฟางเก๋อไม่ห่างจากตำหนักอี๋หลายมากนัก เ้าหาห้องสักห้องตามสะดวกเป็พอ ล้วนแต่เป็ห้องสะอาดไม่มีผู้ใดพักอาศัยทั้งนั้น น้องสามรู้ทางอยู่แล้ว น้องสะใภ้ไม่สบายเช่นนี้ เปิ่นกงคงไม่ส่งเด็กรับใช้ไปคอยดูแล เพราะจะได้ไม่เป็การรบกวนน้องสะใภ้ พวกเ้าสองสามีภรรยาพักผ่อนกันเถิด”
หรงหว่านซีกุมหน้าท้องพลางแสร้งแสดงสีหน้าท่าทางเ็ปยิ่งนัก เฉินอ๋องประคองนางให้ลุกขึ้นและค้อมคำนับองค์รัชทายาท จากนั้นถูกเฉินอ๋องประคองออกจากตำหนักใหญ่
หลังออกมาจากตำหนักอี๋หลาย พวกเขาเดินต่อไปอีกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นรอบข้างไร้ผู้คน หรงหว่านซีจึงเหยียดกายยืนตรง นางพบว่าเฉินอ๋องเริ่มมีสติขึ้นบ้าง จึงอดเอ่ยตำหนิด้วยท่าทางเ็าไม่ได้ “ท่านไม่ได้ดื่มสุรานั่นจนสมองเลอะเลือนแล้วหรือ? เหตุใดยังนึกเหตุผลเช่นนั้นได้อีก?”
เหตุผลของเฉินอ๋องถือเป็การบอกกับทุกคนว่านางกำลังเป็ประจำเดือน เื่เช่นนี้ สำหรับสตรีนางหนึ่งถึงอย่างไรก็เป็เื่น่าอาย แม้จะพูดเช่นนี้ แน่นอนนางก็ไม่ได้คิดว่าเื่พวกนี้ไม่เหมาะสมแต่อย่างใด แต่เฉินอ๋องก็ไม่จำเป็ต้องพูดให้มันชัดเจนถึงขนาดนั้นไม่ใช่หรือ?
“ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ข้าใท่าทางปวดท้องของเ้าจนจู่ๆ ก็มีสติขึ้นมาไม่น้อย” เฉินอ๋องเม้มปากพลางเอ่ยหยอกเย้า
หรงหว่านซีชำเลืองมองเขาอย่างเ็าโดยไม่เอ่ยสิ่งใด แท้จริงแล้วเหตุที่นางนึกตำหนิก่อนหน้านี้เพราะคิดว่าเฉินอ๋องจงใจทำให้นางอับอายเพราะอยากประลองฝีมือ แต่เมื่อเห็นหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเขาในตอนนี้ จึงรู้แล้วว่าไม่ได้เป็เช่นนั้น
คาดว่าคงเป็เพราะเขาได้สติขึ้นมากะทันหัน หากจะลุกลี้ลุกลนไปสักหน่อยคงเป็ธรรมดา ขอเพียงทำให้ดูน่าเชื่อถือจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และยิ่งไม่มีทางคิดหาเื่ประลองฝีมือกับนาง
ยามนี้เขากำลังยกยิ้มมุมปาก คาดว่าคงอยากให้ตนสบายใจ ทว่าหัวคิ้วขมวดเป็ปมกลับทรยศเขาเสียอย่างนั้น
หรงหว่านซีคิดว่าตอนนี้เขาคงรู้สึกทรมานเป็อย่างมาก เพียงแต่ยังคงฝืนประคองสติเอาไว้ก็เท่านั้น
“ท่านรู้สึกไม่ดีส่วนไหน?” หรงหว่านซีถาม
“ทั้งหัวและบนตัวต่างรู้สึกไม่ดีนัก” เฉินอ๋องตอบคำถามอย่างสบายใจยิ่งนัก
ทันใดนั้นซวนเซไปคว้าเสาตรงระเบียงทางเดิน เขาสะบัดศีรษะอย่างแรงคล้าย้าทำให้ตนมีสติขึ้นบ้าง
“การทำเช่นนี้ไม่ใช่วิธี” หรงหว่านซีเอ่ย “ข้าจะประคองท่าน พวกเรารีบไปหาที่สงบสักแหง ท่านนอนพักสักครู่อาจจะดีขึ้น”
เฉินอ๋องพยักหน้าและไม่ปฏิเสธการประคองของหรงหว่านซี เขาจับไหล่ของหรงหว่านซีเอาไว้ ทันใดนั้นชะงักฝีเท้าและจ้องมองนางด้วยแววตาแฝงความหมายลึกซึ้ง...
“เป็อะไรไป?” หรงหว่านซีถาม
ขณะเขากำลังป่วย แน่นอนว่านางย่อมเป็ห่วงเป็ใยเขามากกว่าปกติสักหน่อย น้ำเสียงจึงค่อนข้างอ่อนโยนเช่นกัน
“เ้าน่าจะรู้ว่าสุรานั่นคือสุราสำราญใจ” เฉินอ๋องจ้องตาหรงหว่านซีขณะเอ่ยถาม
“ยังมีเวลาว่างมากหยอกล้อหม่อมฉันอีก เตี้ยนเซี่ยรีบเดินเถิดเพคะ ประเดี๋ยวอีกครู่จะปวดหัวตัวอ่อนเปลี้ยจนเดินไม่ไหว” หรงหว่านซีเอ่ยอย่างเ็า
เฉินอ๋องหัวเราะ จากนั้นเดินตามฝีเท้าของนางไปข้างหน้า คล้ายพูดกับตนเองว่า “เหตุใดสตรีนางนี้ถึงฉลาดเพียงนี้? ทำอย่างไรก็ขู่นางไม่ได้”
หรงหว่านซีคิดว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวกับความฉลาดสักนิด หากผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเฉินอ๋องในตอนนี้คือฉินอิ่งเยว่ เมื่อเฉินอ๋องกล่าวเช่นนี้ แน่นอนว่าฉินอิ่งเยว่จะต้องคิดจริง เพราะนางรู้ว่าภายในใจของเฉินอ๋องมีนางอยู่
ทว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าเฉินอ๋องในยามนี้คือนาง เดิมทีพวกเขาสองคนก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ต่อให้สุราสำราญใจจะออกฤทธิ์ ทว่าเฉินอ๋องมีความสามารถในการควบคุมตัวเอง ไม่มีทางกระทำสิ่งล่วงเกินต่อสตรีที่เขาไม่ได้้าอย่างแน่นอน
โชคดีที่ยามคับขันเฉินอ๋องยังคงประคองสติเอาไว้ได้ รู้ว่าควรหันมาขอความช่วยเหลือจากนางและใช้นางเป็ข้ออ้างเพื่อออกจากตำหนักใหญ่ หากพวกเขายังอยู่ในงานเลี้ยงต่อไป เฉินอ๋องดื่มสุราสำราญใจเช่นนี้ หากฉินอิ่งเยว่เข้ามาดื่มสุราเพื่อแสดงความเคารพและส่งสายตาสื่อความรู้สึกให้เขา...
หรงหว่านซีไม่มั่นใจว่าถึงตอนนั้นเฉินอ๋องจะยังประคองสติได้อยู่หรือไม่
ไม่ใช่ว่านางไม่มั่นใจในความสุขุมหนักแน่นของเฉินอ๋อง แต่เป็เพราะในเมื่อองค์รัชทายาทคิดจะใช้วิธีนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องมีความมั่นใจและรอบคอบเป็อย่างมาก ในสุราจะต้องมียาฤทธิ์แรงไม่น้อย เมื่อผนวกกับความลุ่มหลงที่เฉินอ๋องมีต่อฉินอิ่งเยว่...